“ประยุทธ์” ไปโรงเรียนนายร้อย จปร. เผย ถวายสัตย์ปฏิญาณครอบคลุมแล้วตามรัฐธรรมนูญ ขณะเรื่องเหตุระเบิดยังไม่ตัดประเด็นไหนทิ้ง ตามจับผู้เกี่ยวข้องอีก 10 กว่าคน

ช่วงเช้าวันที่ 5 ส.ค. 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปยังโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (โรงเรียนนายร้อย จปร.) จ.นครนายก โดยมีผู้บัญชาการเหล่าทัพต้อนรับ จากนั้นถวายพานพุ่มสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ในช่วงหนึ่งถึงกรณีที่ ส.ส.ฝ่ายค้าน เตรียมยื่นกระทู้สดเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณ ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ คือ การถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ และคิดว่าข้อความที่กล่าวไปทั้งหมดนั้นครอบคลุม เป็นไปตามรัฐธรรมนูญคือดูแลพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งหมด และอีกสิ่งสำคัญคือเป็นไปตามพระปฐมบรมราชโองการ 

การเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีเรื่องหลายอย่างที่ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ความร่วมมือกับบรรดารัฐมนตรีที่มาจากพรรคการเมืองต่างๆ การใช้จ่ายงบประมาณ ทั้งหมดต้องตอบสนองรัฐธรรมนูญ ที่รัฐธรรมนูญได้เขียนกรอบกว้างๆ ไว้ หากมัวแต่ทะเลาะกันในเรื่องรัฐธรรมนูญก็ขอให้ไปดูกฎหมายลูกว่ามีอะไรบ้าง เพราะกฎหมายลูกจะเป็นตัวบอกให้การทำงานตามรัฐธรรมนูญเดินหน้าไปได้ อีกทั้งย้ำว่า ขอให้เรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณจบ อย่าให้บานปลาย และหลายคนก็เป็นทหารด้วย อย่าให้การเมืองทำประเทศชาติปั่นป่วน ถ้าจะดีหรือไม่ดีให้ไปรอเลือกตั้งในครั้งหน้า

สำหรับกรณีเหตุระเบิดป่วนกรุง พล.อ.ประยุทธ์ เผยว่า ยันไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ต้องตรวจสอบทุกมุม ขอให้ใจเย็นๆ เพราะมีผู้เกี่ยวข้องอีก 10 กว่าคนที่ต้องตามจับกุมมาดำเนินคดีให้ได้ เพื่อที่จะสอบสวนว่าก่อเหตุเพราะอะไร ขออย่ากดดันเจ้าหน้าที่เพราะจะทำงานลำบาก ขณะนี้ยังไม่ได้มุ่งหมายว่าเป็นฝีมือของกลุ่มใดเพราะมีการยึดโยงกันและยังไม่ทราบว่ามีกลุ่มการเมืองเกี่ยวข้องหรือไม่ ส่วนที่แม่ของผู้ต้องสงสัยคดีวางระเบิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมมองว่า เป็นธรรมดาที่แม่ต้องเป็นห่วงลูก แต่ทุกอย่างเป็นไปตามวัตถุพยานและกล้องวงจรปิด รวมถึงหลักฐานที่ตรวจสอบพบ จึงขอให้ฟัง 2 ทาง และส่วนผู้บาดเจ็บได้ให้กระทรวงสาธารณสุขเข้าไปดูแลแล้ว

...

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ประณามกลุ่มผู้ก่อเหตุว่าเป็นการกระทำที่ชั่วร้าย ทำให้ประเทศเกิดความวุ่นวายในขณะที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าเป็นไปตามประชาธิปไตย พร้อมชื่นชมที่กล้องวงจรปิดทุกตัวสามารถใช้งานได้ดีจนพบความเชื่อมโยงของหลายกลุ่ม โดยมอบให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ชี้แจงแล้ว และกรอบการทำงานของตำรวจนั้นไม่สามารถบังคับได้เพราะตำรวจมีเพียง 2 แสนนายทั่วประเทศที่ต้องดูแลประชาชนกว่า 70 ล้านคน จึงขอให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา และนำหลักฐานมาให้เจ้าหน้าที่ เพราะความปลอดภัยไม่ได้เป็นเรื่องของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของประชาชนทุกคน พร้อมยืนยันว่าได้มีการวางกำลังทุกจุดแล้ว และยังยืนยันว่า การกระทำในครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ตนเองนั่งคุมกระทรวงกลาโหมและฝ่ายความมั่นคง เพราะพูดคุยกันภายในและได้ให้แนวทางกับตำรวจให้ทำงานมีความชัดเจนในการสืบสวนสอบสวน อย่าให้เกิดความเข้าใจผิด 

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังปฏิเสธสโลแกนของพรรคพลังประชารัฐที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา "เลือกความสงบจบที่ลุงตู่" ว่า ไม่ได้เป็นคนพูด และการเลือกตั้งเป็นเรื่องของการเมือง ตนเองก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งที่ผ่านมา ขออย่านำมาเป็นประเด็นโยงไปมา ขณะปัญหาที่เกิดขึ้นจะทำให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ภาคใต้มากขึ้นหรือไม่ ตามที่กลุ่มมาลาปัตตานีออกมาเรียกร้องให้มีการเจรจาพูดคุย นายกรัฐมนตรี ระบุว่า การพูดคุยจะต้องมีความระมัดระวังอย่างดีที่สุด เพราะรัฐบาลไม่สามารถเดินหน้าฝ่ายเดียวได้ เป็นเรื่องของเพื่อนบ้านที่จะต้องอำนวยความสะดวก แต่ยืนยันว่าประเทศไทยจะแบ่งแยกไม่ได้ ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน สิ่งใดที่รับได้ก็พร้อมทำ และการพูดคุยเป็นการพูดคุยเพื่อสันติสุขไม่ใช่การเจรจา เพราะการเจรจาคือสงคราม ส่วนหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขยังเป็น พล.อ.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ ขณะนี้ไปดำรงตำแหน่ง ส.ว. แล้วหรือไม่ ตอนนี้กำลังพิจารณาอยู่ ขอให้ใจเย็น แต่ในฐานะที่ตัวเองเป็น ผอ.รมน. ก็ยังคงต้องดำเนินการอยู่

ส่วนที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุระเบิดในครั้งนี้มีพิรุธ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ขอสื่ออย่าโยงประเด็น เพราะช่วงที่เกิดขึ้นมีการประชุมใหญ่ระดับประเทศ คือ การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศอาเซียน จึงขอให้มองว่า การกระทำที่เกิดขึ้นต้องการสร้างผลกระทบต่อความเชื่อมั่นระหว่างประเทศ และรัฐบาลจะเป็นผู้ก่อเหตุหรือสร้างสถานการณ์เองทำไม จึงขอให้สื่อคิดอย่างมีตรรกะ.