โฆษก ทบ.-บัวแก้ว ประสานเสียงไทยไม่ได้ใช้กระสุนชนิด "คลัสเตอร์บอมบ์" ที่นานาชาติห้ามใช้ ยิงใส่กัมพูชา แต่ใช้แบบชนิดที่เรียกว่า "ทวิ-ประสงค์" ที่มีความแตกต่างกัน ส่วนกรณี "วีระ-ราตรี" ที่กัมพูชาต้องให้รับโทษ 2 ใน 3  เตรียมหาแนวทางช่วยเหลือ...

เมื่อเวลา 17.30น. วันที่ 7 เม.ย. พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก (ทบ.) กล่าวถึงกรณีองค์กรระหว่างประเทศ เสนอข่าวทหารไทยใช้กระสุนระเบิดชนิด Cluster Bomb (คลัสเตอร์บอมบ์) ซึ่งนานาประเทศสั่งห้ามใช้ ยิงใส่กัมพูชา ในช่วงที่เกิดการปะทะกันบริเวณชายแดนภูมะเขือ รวมไปถึงบริเวณพื้นที่ทับซ้อน อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ทำให้มีทหารและประชาชนกัมพูชาเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

โฆษก ทบ.กล่าวว่า ขอยืนยันว่าทหารไทยไม่ได้ใช้ระเบิดชนิดดังกล่าว ทางกองทัพได้ทำหนังสือแจ้งไปยังกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ว่าข้อมูลมีการคาดเคลื่อน กระสุนที่ใช้ยิงเป็นกระสุนระเบิดแบบที่เรียกกันว่า ทวิ-ประสงค์ หรือคาโก้ ซึ่งลักษณะของกระสุนแบบนี้เมื่อยิงไปแล้วก็แตกออกเป็นลูกระเบิดย่อย แต่ลูกระเบิดย่อยๆ นี้ พอกระแทกเป้าหมายมันจะแยกตัวทันที ไม่ได้แตกออกมาเป็นทุ่นระเบิดที่รอให้ประชาชนหรือสัตว์เลี้ยงเดินมาเหยียบ หรือที่เรียกว่า "คลัสเตอร์บอมบ์" เป็นไปตามสนธิสัญญาออตตาวา

"ส่วนตัวเชื่อว่าอาจเป็นการสื่อความหมายที่คาดเคลื่อน หรือผู้พูดสื่อความหมายหรือเข้าใจผิด คำว่า คลัสเตอร์บอมบ์ หมายถึงอะไร แต่เราหมายถึงอย่างนี้ และกองทัพยอมรับว่ามีความจำเป็นที่ต้องใช้กระสุนทวิ-ประสงค์ เพราะกัมพูชาพื้นที่ที่ยิงไม่ใช่พื้นที่ทหารอย่างเดียวแต่เป็นบ้านพลเรือนด้วย และทหารกัมพูชาใช้ระบบยิงแล้วเคลื่อนที่ไปจุดอื่น ถ้าใช้กระสุนยิงแค่จุดเดียว ไม่มีทางยิงโดน เราจึงต้องใช้กระสุนระเบิดแบบทวิ-ประสงค์" โฆษก ทบ.กล่าว

ด้านนายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ถึงกรณีเดียวกันนี้ว่า เข้าใจว่าเป็นการรายงานข่าวขององค์กรต่างประเทศ ที่ใช้การอ้างคำพูดของทูตไทยที่ประจำกรุงเจนีวา เข้าใจว่าเป็นการเอาคำพูดนอกบริบทของทูตไทยประจำเจนีวา สวิสเซอร์แลนด์ มาพูด ทั้งนี้ ทางกองทัพได้ประสานและชี้แจงมาที่กระทรวงต่างประเทศ เพื่อชี้แจงกับนานาชาติ แล้ว แต่ไม่ต้องถึงขั้นทำหนังสือชี้แจง ยืนยันว่าไทยไม่ได้ใช้กระสุนระเบิดชนิดคลัสเตอร์บอมบ์ ที่นานาชาติห้ามใช้ดังกล่าว แต่เป็นกระสุนระเบิดชนิดทวิ-ประสงค์

ส่วนกรณีทางการกัมพูชาไม่พิจารณาขอพระราชทานอภัยโทษ นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ต้องการให้รับโทษ 2 ใน 3 ตามกฎหมายก่อน ว่าทางไทยจะร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือถึงแนวทางให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทุกทางต่อไป ยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจ.

...