"ธนาธร" ลั่น ไม่กลัวหน้าแตก คดีจ่านิวหากไม่เอี่ยวการเมือง พร้อมขอโทษ มั่นใจ ถือหุ้นสื่อฯถ้าผมโดนทุกคนต้องโดนด้วย เปิดใจครั้งแรกหากต้องถูกยุบพรรคก็ยังจะทำงานการเมืองต่อ
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ ยืนยันว่า หลักฐานเรื่องถือหุ้นสื่อบริษัท วีลัค มีเดีย จำกัด ผมมีพร้อมหมด มีอยู่แล้ว ก็อย่างที่บอก เห็นอยู่แล้วว่ามันมีความผิดปกติ ผมยืนยันอีกครั้งว่าผิดปกติ อย่างแรกคือ บริษัทนี้มันปิดตัวไปแล้ว ถ้าศาล รธน.ใช้มาตรฐานนี้รับรองผมรอดนะ ถ้าใช้มาตรฐานว่ายังทำสื่อจริงหรือเปล่า ผมรอดแน่ เพราะบริษัทมันปิดตัวไปแล้ว หยุดผลิตสื่อฯไปนานแล้ว พนักงานบริษัทนี้ถูกยื่นซองเลิกจ้างไปแล้วตั้งแต่เดือน พ.ย.ปี 2561 ส่วนนิตยสารที่เป็นหัวของผมเอง มันปิดไปตั้งนานแล้ว ประเด็นถ้าใช้บรรทัดฐานดูว่าผมผลิตสื่อฯจริงหรือไม่ ผมรอดอยู่แล้ว
...
อันที่สอง หากศาล รธน.ใช้กรณี คุณดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ผมก็จบอยู่แล้วเหมือนกัน กรณีคุณดอนคือ "วันที่ธุรกรรมถือว่ามีผลทางกฎหมาย" คือวันที่ซื้อขายหุ้นกัน แล้วไปจดทะเบียนในสมุดจดทะเบียนผู้ถือหุ้น ซึ่งผมทำเสร็จสิ้นไปตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2562 แล้ว ซึ่งก็ก่อนวันสมัครรับเลือกตั้งของ กกต. คือวันที่ 4-8 ก.พ. 2562 ที่ผ่านมา ส่วนที่มีผู้กล่าวว่าหลักฐานอยู่ที่ไหน นายธนาธร กล่าวต่อว่า หลักฐานมันมีอยู่ในอินเทอร์เน็ตทั้งหมดแล้ว แต่เขาต้องพรูฟว่ามันผิดยังไง หลักฐานวางอยู่ในอินเทอร์เน็ตทั้งหมด ถ้าใช้กรณีคุณดอน ปรมัตถ์วินัย เป็นบรรทัดฐานตัดสิน ผมก็มั่นใจว่ารอด เพียงแต่ที่ผ่านมามีคนบางกลุ่มพยายามไปปลุกปั่นว่า ให้ถือว่าให้ไปดูหลักฐานวันที่ไปจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์ ผมถามหน่อย การซื้อขายหุ้นกัน มันจบตั้งแต่วันที่ซื้อขายหุ้นกัน แล้วบริษัทรับทราบใช่ไหม ถ้าใช้กฎต้องไปดูที่กระทรวงพาณิชย์ ก็พัง ก็โดนกันหมดทุกคน ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง"พวกคุณก็กำลังจะทำลายระบบทั้งระบบเพื่อจับคนคนเดียว" ดังนั้นคุณจะใช้มาตรฐานอะไร ถ้าใช้มาตรฐานทำสื่อจริงหรือไม่ ผมก็รอด แต่ถ้าจะใช้มาตรฐานหนังสือบริคณห์สนธิ ก็โดนกันหมดทุกคน ผมโดน คนอื่นก็โดน ผมก็พร้อมนะ ถ้าจะโดนกันหมดไง
นายธนาธร ยังกล่าวถึงกรณีที่ชิงออกตัวเรื่อง"จ่านิว"ถูกทำร้ายร่างกาย ว่ามันน่ามีสาเหตุมาจากการเมืองนั้น กลัวเสียหน้าหรือไม่ หากลงท้ายผลการสอบสวนไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ยืนยันว่าถ้าพิสูจน์ได้แบบนั้นจริงว่าไม่เกี่ยวข้องการเมือง ผมพร้อมออกมาขอโทษเอง "ถ้าพิสูจน์ได้แบบนั้น ผมออกมาขอโทษ ถือว่าข้อสันนิษฐานผมผิดเอง"
ส่วนประเด็นที่มีการกล่าวหาในโซเชียลว่า ตนโหนกระแส "จ่านิว" นายธนาธรขอยืนยันว่า ผมพูดเรื่องนี้มาตลอด ผมพูดมาตั้งแต่ที่นายเอกชัย หงส์กังวานโดนทำร้าย ผมก็พูด ผมคงเส้นคงวาเรื่องนี้ตลอด ถ้าใครคิดว่าผมโหน "จ่านิว" ถ้าผมไม่เคยพูดเรื่องนี้มาก่อนเลยแล้วพอจ่านิวโดนตี ผมค่อยออกมาพูด อันนี้เรียกว่าผมโหนกระแสจริง แต่ผมทำอย่างนี้คงเส้นคงวามา 20 ปี ต่อให้วันนี้ผมไม่ได้เป็น ส.ส. ผมก็ออกมาโพสต์อยู่ดี เรื่องโหนคงไม่ใช่
ส่วนเรื่องกล่าวหาว่าพยายามปลุกม็อบเหมือนให้คนกลับลงไปเดินถนนอีกครั้ง นายธนาธร ยืนยันว่า แน่นอนผมจะเป็นผู้นำในการรณรงค์แก้ รธน. 272 กับ 279 เอง เป็นผู้นำในการรณรงค์นะ ไม่ใช่ผู้นำม็อบ การรณรงค์การชุมนุมโดยสันติเหมือนที่สากลปกติ"มันไม่แปลก คน 60 ล้านคน คิดไม่เหมือนกัน คิดต่างกันมันไม่แปลกหรอก แต่คน 250 คิดเหมือนกันตรงกัน ไปทางเดียวกันสิแปลก อันนี้ไม่ปกติแน่ คุณกับเพื่อนที่ทำงานยังคิดไม่เหมือนกันเลย"
กับคำถาม หากวันหนึ่งคุณธนาธร หรือพรรคอนาคตใหม่ อาจโชคร้ายต้องโดนโทษยุบพรรคขึ้นมาจริงๆ ไม่ว่าจะมาจากสาเหตุใดก็ตาม ได้วางอนาคตเอาไว้บ้างหรือไม่ ว่าจะไปทำอะไร ยังทำงานการเมืองอยู่อีกไหม นายธนาธร ตอบทันทีว่า นี่คือความฝัน ไม่ใช่พรรคการเมือง เราไม่ได้อยากมีอำนาจเป็นนายกฯ ไม่ได้อยากมีอำนาจทางการเมือง เราอยากมีอำนาจเพื่อทำประโยชน์ในสังคม ผมหรืออาจารย์ปิยบุตรก็ยังทำงานทางการเมืองต่อไปแน่นอน การตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา เป้าหมายไม่ใช่มีอำนาจทางการเมือง เป้าหมายแท้จริง คือ การเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ดังนั้นทำทางอื่นก็ได้ เพื่อเป้าหมายเปลี่ยนแปลงชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น พรรคการเมืองเป็นเพียงยานพาหนะหนึ่ง ถ้ามันพัง มันเจ๊งไปต่อไปไม่ได้ ก็เดินไป ก็นั่งรถไฟไป
คำถาม ได้มีโอกาสพูดคุยกับ "คุณอา" สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่ รมว.อุตสาหกรรมบ้างหรือไม่ นายธนาธร กล่าวต่อว่า ผมไม่ได้คุยกับคุณสุริยะเลย แต่ก็แสดงความยินดีที่คุณสุริยะมีรายชื่อจะได้เป็น รมว.อุตสาหกรรม ไม่มีอะไร ขอคุณสุริยะทำงานให้เต็มที่
ส่วนคำถาม หวั่นหรือไม่ว่าจะถูกข้อครหาโยงไปว่าเป็นโอกาสใช้อำนาจเอื้อกับธุรกิจของตระกูล "จึงรุ่งเรืองกิจ" ผมไม่ได้ตามข่าวเรื่องนี้เลย นายธนาธรยืนยันว่า ธุรกิจผมมันเปิดเสรี ต่อให้เขา(คุณสุริยะ)ได้เป็นรัฐมนตรีอุตสาหกรรม ผมก็นึกไม่ออกว่าเขาจะช่วยผมอย่างไร เพราะธุรกิจผมไม่มีคู่แข่งเป็นคนไทย มีคู่แข่งกับต่างชาติทั้งนั้น ลูกค้าผมก็เป็นสากล ไม่ได้เป็นกลุ่มทุนใหญ่ประเทศ ถ้าเป็นกลุ่มทุนใหญ่ของประเทศ ผมคงออกมาแสดงจุดยืนแบบนี้ไม่ได้หรอก ขนาดถ้าสมมติผมได้เป็นนายกรัฐมนตรี ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าผมจะทำอะไรให้เอื้อกับธุรกิจของตระกูล "จึงรุ่งเรืองกิจ".