ไหนๆ ก็ยึดแล้วแจกกัน เอาที่สบายใจไปเลย
จับอาการจากสารที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่อนออกมาขอโทษประชาชนแทนพรรคพลังประชารัฐที่ป่วนโควตารัฐมนตรี โฟกัสท่อนสำคัญตรงประโยคที่ว่า “เพื่อมิให้การดำเนินการทางการเมืองกลับไปเป็นปัญหาเช่นเดิม จนต้องเกิดการแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆที่ทุกคนไม่ต้องการขึ้นมาอีก”
มันเป็นจุดที่ถูกแปลความดักคอดักทาง อย่างที่ “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ชิงจังหวะย้อนศรทันควัน
100 วัน ตั้งรัฐบาลไม่ได้ “บิ๊กตู่” ขู่รัฐประหารตัวเอง
ตามรูปการณ์อ่านจากสารที่ออกมา ก็ดู พล.อ.ประยุทธ์ เข้าใจการเมืองแค่เชิงทฤษฎี เน้นภาพยึดหลักการหรู แต่ไม่ได้นำไปปฏิบัติในมุมของการแชร์อำนาจผลประโยชน์ ตามฟอร์มของรัฐบาลผสม
นั่นไม่เท่ากับอารมณ์ “เลือกที่รักมักที่ชัง” ชัดเจน จนคนนอกยังมองออก
“บิ๊กตู่” เลือกโปรทีม กปปส.อย่างนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ กับนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์
ทั้งปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ต้นๆพลังประชารัฐ แถมโควตารัฐมนตรี 2 กระทรวงใหญ่ รมว.ศึกษาธิการ และ รมว.ดิจิทัลฯ
ทั้งๆที่แทบไม่มีเสียงในมือ ส.ส.กทม. ที่ได้มาเพราะกระแส “ลุงตู่” ไม่เอา “ทักษิณ”
ยังไม่นับคิว “เหยียบตีนกันเล่น” แอบเอาโควตากระทรวงเกรดเอ ทั้งคมนาคม เกษตรฯ พาณิชย์ การท่องเที่ยวฯ ไปแจกไพ่ “ตีโง่” ให้พรรคภูมิใจไทย กับพรรคประชาธิปัตย์
เอาใจศัตรูในสนามเลือกตั้ง มากกว่าขุนศึกที่รบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับทัพนายใหญ่ดูไบ
นั่นก็ชัด มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ด้วยสภาพสายสัมพันธ์ยังโยงใย ทีมท็อปบูต 3 ป. บูรพาพยัคฆ์ เครือข่าย กปปส. กับพรรคภูมิใจไทย ยังเหนียวแน่น เกาะกันเป็นขุมพลัง
...
ส่วนกลุ่ม “สามมิตร” ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน หรือแม้แต่ทีมงานของ “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กัปตันทีมเศรษฐกิจ
ก็เป็นแค่ “ข้าวนอกนา” ถูกลากมาใช้งานเฉพาะกิจ
ในอารมณ์กลุ่มสามมิตรถอยจนสุดกระดาน โดนหักซ้ำแล้วซ้ำอีก “บิ๊กตู่” ฟังแต่ “เสธ.ตึกไทย” ให้น้ำหนักทีม กปปส. และสื่อขาใหญ่ที่นัวเนียอยู่รอบตัว
มากกว่าซื้อใจ “สมศักดิ์-สุริยะ” ที่จะคุมขุนศึกสู้เกมในสภาฟัดกับทีม “นายใหญ่” ดูไบ
ลึกๆ “บิ๊กตู่” ก็ยังมีอารมณ์เชื่อมั่นเก่าๆแบบทหาร ติดอำนาจสั่งซ้ายหัน ขวาหัน ทั้งๆที่อีกไม่กี่วันสถานะผู้นำอำนาจพิเศษจะหมดโปรโมชัน ดาบอาญาสิทธิ์มาตรา 44 ถูกยึด
อารมณ์นี้ ถ้าลุยแตกหักมีแต่พังกับพัง ตามฟอร์มทหาร “บิ๊กตู่” ไม่ยอมแน่
แต่ฮีโร่ก็ดับไฟได้ทัน “อุลตร้าอุตตม” นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เล่นบท “ท้าวมาลีวราช” ดึง “สุริยะ-สมศักดิ์” ตั้งโต๊ะเคลียร์ใจ ก่อนแถลงออกมาในโทนนุ่มๆ ลดดีกรีลงวูบวาบ
“สามมิตร” ยอมให้เป็นการตัดสินใจของนายกฯ เพื่อประเทศเดินหน้าต่อได้
ไม่ติดใจแม้นายสุริยะจะต้องนั่ง รมว.อุตสาหกรรม นายอนุชา นาคาศัย วืด รมช.คลัง และยังยอมหลบให้นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นั่งแท่น รมว.พลังงาน ไม่มีการไล่เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ
“สุริยะ-สมศักดิ์” แสดงให้เห็นว่า “กลืนเลือด” เป็นอย่างน้อยการแท็กทีมกับ “4 กุมาร” ของ “สมคิด” ก็เนื้อเดียวกัน
ที่สำคัญรู้แกวมีคนจ้องรอจังหวะ “บิ๊กตู่” ชู้ตลูกตามน้ำ “เตะหมูเข้าปากหมา”
และนั่นก็ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์พอใจ ต่อสายขอบคุณนายอุตตมและทีมสามมิตรที่ทำให้คลื่นลมสงบ ตามสถานการณ์ก็จะเดินไปสู่ช็อตต่อไป หลังตั้ง ครม.ก็จะต้องเป็นโหมดการทำงานในสภา
ถึงจุดหนีไม่พ้น “บิ๊กตู่” ต้องเผชิญเกมโหดสนามรบ ส.ส.
แบบที่เห็นกันแล้ว ทีม “สามมิตร” ลงชื่อเบื้องต้นชัดๆ 31 คน ไม่นับพวกพลังประชารัฐที่ลงชื่อไม่ทัน ที่สำคัญมันยังมีเรื่องของการแผ่บารมีข้ามพรรค ที่ “สมศักดิ์-สุริยะ” ต่อสายลูกน้องเก่าในปีกฝ่ายค้านได้
ยี่ห้อ “ซัมมิตฯ” คุณภาพการันตีในหมู่นักเลือกตั้งอาชีพ ชื่อ “สุริยะ” นั้นระดับหัวจ่ายแรงสูงมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ผู้แทนฯ รุ่นเก่ารวมถึงรุ่นใหม่รู้ดี ไม่ใช่ประเภท “เบี้ยหัวแตก” แบบที่เห็น “แก๊งภาคกลาง” ออกมาโชว์เล่นบท “เด็กดี” อ้างตัวเลขเท่านั้นเท่านี้ แต่นับตัวเองไปกลับ 2 รอบ แล้วมีแค่ 2-3 คนเต็มที่
“สุริยะ-สมศักดิ์” คือตัวจริงเสียงจริงที่กุมดุลเสียงในสภาแน่นๆ
สถานะของผู้คุมเกมเสียงโหวต ในขณะที่ “บิ๊กตู่” ต้องนั่งเก้าอี้นายกฯ ในห้องประชุมสภาผวาตลอด
กับการถูกตอดเล็กตอดน้อย โดยเฉพาะกฐินใหญ่โดนฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ “คิวเชือด” ที่ยังไงลูกข่าย “นายใหญ่” พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ต้องลาก พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเขียงแน่
ถึงเวลานั้น “บิ๊กตู่” คงได้รู้ซึ้งถึงคุณค่าความสำคัญของ ส.ส. ทีม “ยกยอ” พัวพันรอบเอวก็ช่วยไม่ได้
และนั่นคือเวลาของ “สามมิตร” จะเคลียร์บิล ทบต้นทบดอก.
ทีมข่าวการเมือง