ร้าวหนัก! 30 ส.ส.สามมิตร ร้องนายกรัฐมนตรียึดโผ ครม.เดิม “เสี่ยแฮงค์” ยอมวืด แต่ “สุริยะ” ต้องได้นั่งคุมพลังงาน จ่อยื่นญัตติขับไล่ “สนธิรัตน์” พ้นเลขาฯ พรุ่งนี้

วันที่ 1 ก.ค. 2562 ที่พรรคพลังประชารัฐ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท เชิญ ส.ส.สังกัดกลุ่มสามมิตรเข้าหารือ หลังมีกระแสข่าวว่า นายอนุชา อาจจะไม่ได้รับการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีตามที่มีกระแสข่าวไปก่อนหน้านี้ โดย นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พวกเราในนาม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐกว่า 30 คน และในนามกลุ่มสามมิตร ตั้งใจเดินทางมาแสดงความยินดีกับว่าที่รัฐมนตรี 3 คน คือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายอนุชา นาคาศัย ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แต่เมื่อพูดคุยกันพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น พวกเราทั้ง 30 ชีวิตที่ตั้งใจมาแสดงความยินดีเห็นว่า ทั้ง 3 คน เป็นผู้เริ่มก่อร่างสร้างพรรคพลังประชารัฐและลุยลงพื้นที่ทั่วประเทศ เป็นกำลังใจสนับสนุนให้คำแนะนำพวกเราจนกระทั่งประสบความสำเร็จได้เป็น ส.ส.ในที่สุด

ด้านนายอนุชา กล่าวว่า พวกเรา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ มาร่วมแสดงความยินดีที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีตามโผคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ต้องขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่สนับสนุนให้เรามีตำแหน่งทางการเมือง แต่วันนี้ทุกคนรู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่พวกเราได้ยินมาว่าจะมีการสลับชื่อในโผ ครม. ยังเชื่อว่าจะเป็นเหมือนเดิมจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่หากไม่เป็นเช่นนั้นพวกเราได้หารือร่วมกันจนกระทั่งมีความเห็นตามจุดยืน 5 ข้อ คือ

...

1. นายสุริยะ มีความเหมาะสมในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานมากกว่ากระทรวงอุตสาหกรรม เพราะอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจากมีธุรกิจครอบครัวที่เกี่ยวพันกันอยู่ และที่ผ่านมาไม่ปรากฏว่ามีคนอื่นแสดงความต้องการตำแหน่งดังกล่าว อีกทั้ง นายสุริยะ ก็ไม่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในตำแหน่งนี้ด้วย แม้อำนาจการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีจะเป็นของนายกรัฐมนตรี แต่หากพรรคเสนอชื่อบุคคลที่มีความเหมาะสมไปแล้ว ก็สมควรให้เป็นไปตามข้อเสนอดังกล่าว และพวกเราเชื่อมั่นว่า 3 คนที่เป็นตัวแทนกลุ่มสามมิตรจะทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรีและขับเคลื่อนนโยบายให้เกิดรูปธรรมอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

2. นอกจากงานด้านบริหาร ทั้ง 3 คน ยังสามารถช่วยนายกรัฐมนตรีขับเคลื่อนงานสภา ส.ส. ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน

3. หากมีการเปลี่ยนแปลงหรือสลับตำแหน่งจากเดิม ทางกลุ่มเห็นตรงกันว่ารัฐบาลจะขาดบุคคลที่มีประสบการณ์ในการทำงานในตำแหน่งที่เหมาะสม จะทำให้การบริหารงานไม่มีประสิทธิภาพ และส่งผลในการยอมรับและศรัทธาของประชาชน

4. ขอเรียกร้องและส่งผ่านหัวหน้าพรรคไปยังนายกรัฐมนตรีต่อไป

ทั้งนี้ นายอนุชา กล่าวด้วยว่า ยังมีอีกข้อหนึ่งที่ต้องการเก็บไว้ แต่ขอตัดสินใจแจ้งกับสื่อมวลชนหลังจากมีการประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ หากรายชื่อไม่ตรงกับความเห็นที่แถลงข่าวไปแล้ว ทางกลุ่มสามมิตรจะมีการหารือเพื่อแสดงจุดยืนต่อไป และหวังว่าจะได้รับความกรุณาจากนายกรัฐมนตรี

ขณะที่ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า พรุ่งนี้จะมีการประชุมของพรรคประจำสัปดาห์ ตนเองจะเสนอญัตติขับไล่ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคออกจากตำแหน่ง โดยเห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของพรรคและรัฐบาลเป็นอย่างสูง ถ้าปล่อยไปจะเป็นอันตรายต่อพรรคมาก เพราะนายสนธิรัตน์ บริหารงานผิดพลาดหลายเรื่อง ไม่มีภาวะความเป็นผู้นำ เวลาต้องการจะปรึกษาปัญหาก็ไม่เคยได้รับการแก้ไข เพราะนายสนธิรัตน์ทำงานไม่ยึดโยงและไม่เห็นหัว ส.ส.ในพรรคแม้แต่คนเดียว ซึ่งหน้าที่ของเลขาธิการพรรคคือแม่บ้านที่จะต้องดูแลทุกอย่าง ทั้งความเป็นอยู่และความสัมพันธ์ แต่นายสนธิรัตน์กลับทำให้พรรคแตกแยก และปัญหาเหล่านี้อยู่ที่ตัวนายสนธิรัตน์ ขณะที่ปัจจุบันพรรคมีปัญหาขั้นวิกฤติ แต่นายสนธิรัตน์ก็ยังไม่อยู่ให้พวกเราปรึกษา โดยเห็นว่านายสนธิรัตน์จะต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการเสียสละลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค และแสดงความรับผิดชอบไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีชุดนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ให้ออกจากเลขาธิการพรรคหรือให้ออกจากพรรคเลย นายสิระ กล่าวว่า “ออกจากเลขาธิการพรรคก่อน เพราะเป็นความรับผิดชอบ ยังไม่ถึงให้ออกจากสมาชิกพรรค โดยเราจะเร่งอภิปรายกันในที่ประชุมของพรรควันที่ 2 ก.ค.นี้ ท่านต้องรับผิดชอบในฐานะแม่บ้าน ท่านต้องเสียสละให้กับพรรคที่จะไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ท่านบอกทำงานเพื่อพรรค เพื่อประชาชน เพื่อประเทศ ท่านต้องเสียสละไม่รับตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น”

เมื่อถามว่าหยั่งเสียงแล้วพอจะขับไล่ออกจากเลขาธิการพรรคได้หรือไม่ นายสิระ กล่าวว่า เสียงเป็นสิ่งที่สะท้อนรอยร้าวของพรรค อย่างน้อยมี 1 ใน 3 แล้ว และยังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้มา ถือว่าต้องรับผิดชอบ เพราะความแตกแยกของคนในพรรครุนแรงขนาดนี้ ต้องพิจารณาตัวเอง ย้ำว่าต้องเสียสละแล้วไม่รับตำแหน่งใดๆ ในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ส่วนคำถามที่ว่า จุดแตกหักคืออะไร นายสิระ ระบุว่า เดี๋ยวต้องทบทวนกันอีกที.