ในห้วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปโชว์หน้าโชว์ตัวบนเวทีโลก ในการประชุมผู้นำกลุ่ม G20 ที่ประเทศญี่ปุ่น ในสถานะใหม่ที่เป็นนายกรัฐมนตรีมาจากระบบเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย และดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน สามารถกระทบไหล่ผู้นำประเทศมหาอำนาจด้วยความสง่างามสมภาคภูมิ
แต่ขณะเดียวกันที่ประเทศไทยได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้นในประเทศที่ปกครองในระบอบประชาธิปไตย กรณีชายฉกรรจ์ 4 คน ดักรุมทำร้ายนาย สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” นักเคลื่อนไหวทางการเมืองชื่อดัง ที่บริเวณปากซอยรามอินทรา 109 กลางวันแสกๆ โดยใช้ไม้คมแฝกและไม้เบสบอลตีเข้าที่ศีรษะจนสลบ
ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาล เบื้องต้นมีอาการสาหัส ศีรษะแตก เบ้าตาแตก พูดจาตอบโต้ได้แต่ตอบสนองช้า แพทย์ต้องนำตัวเข้าห้องไอซียู ให้ออกซิเจน สแกนสมอง และยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด โดยแม่ของ “จ่านิว” เล่าว่า คืนก่อนที่จะถูกทำร้าย ลูกชายเล่าว่าเหมือนมีคนสะกดรอยตาม
ที่สำคัญก่อนหน้านี้เมื่อค่ำวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายสิรวิชญ์ก็โดนกลุ่มชายฉกรรจ์รุมทำร้าย ที่บริเวณป้ายรถเมล์ ซอยรัชดาภิเษก 7 เขตดินแดง โดยคนใช้ไม้ตีบริเวณศีรษะและทัดดอกไม้ แต่ยังโชคดีที่เจ้าตัวใช้แขนกันไว้ จึงแค่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ฟกช้ำตามใบหน้า ร่างกาย ไม่ถึงขั้นสาหัส ผ่านมาไม่ถึงเดือนก็โดนทำร้ายอีก
เหตุการณ์ทำร้ายนักเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์รุมทำร้ายกลางวันแสกๆในย่านที่มีผู้คนพลุกพล่านแบบไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง และเป็นการลงมือทำร้ายรุนแรงหนักหน่วงจนบาดเจ็บสาหัส เหมือนต้องการให้ได้รับอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต
...
แน่นอนเหตุการณ์รุมทำร้ายใช้ความรุนแรงกับนายสิรวิชญ์ ทางผู้เสียหายและครอบครัว รวมถึงบรรดาเครือข่ายนักเคลื่อนไหว องค์กรประชาธิปไตย ต่างออกมาประณามกลุ่มคนร้ายที่ใช้วิธีการป่าเถื่อน พร้อมตั้งข้อสันนิษฐานไปในทางเดียวกันว่ามาจากการเคลื่อนไหวของ “จ่านิว” ที่ถูกมองเป็นปฏิปักษ์กับผู้มีอำนาจในบ้านเมือง
พร้อมทั้งเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะผู้รักษากฎหมาย เร่งดำเนินสืบสวนสอบสวนคดีติดตามคนร้ายมาลงโทษให้ได้ เพื่อสาวไปถึงผู้บงการต่อไป ความจริงคดีทำร้ายร่างกายนักเคลื่อนไหวทางการเมืองเกิดขึ้นถี่ยิบ แต่ตำรวจไม่เคยจับคนร้ายได้ จึงทำให้สังคมสงสัยผู้มีอำนาจมีเอี่ยวหรือไม่ จึงปล่อยให้อันธพาลครองเมือง.