"ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" รับสุดทึ่ง อภินิหารทางกฎหมาย ทำ"แรมโบ้อีสาน"รอดคดีล้มประชุมอาเซียน ปี 52 ไปคนเดียว ข้องใจอัยการบอกนำตัวมาฟ้องไม่ทัน คดีจึงขาดอายุความ
วันที่ 24 มิ.ย. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ยอมรับทึ่ง แรมโบ้อีสาน สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.พลังประชารัฐรอดคดีล้มประชุมผู้นำอาเซียน ปี 2552 คนเดียว อัยการอ้างนำตัวฟ้องศาลไม่ทัน คดีขาดอายุความ ขณะที่คนอื่นที่เป็นแกนนำในเหตุการณ์คราวนั้นโดนฟ้องกันทั่วทุกคน ย้ำอีกทีว่า คุณสุภรณ์ พ้นคดีผมไม่อิจฉา ไม่คาใจ เพียงแต่สังเวชใจกับคำว่า อภินิหารทางกฎหมาย และปาฏิหารย์แห่งหลักนิติธรรมที่เกิดขึ้นเท่านั้น
...
วันนี้ผมไปที่ศาลจังหวัดพัทยา ทำหน้าที่จำเลยที่ 1 ร่วมกับคุณจตุพร คุณวีระกานต์ นพ.เหวง และคุณอดิศร จำเลยที่ 2 - 5 ในคดีเกิดเหตุระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนเมื่อปี 2552
การชุมนุมคราวนั้นพวกเราเป็นจำเลยในศาลอาญา รัชดาแล้ว อยู่ในขั้นตอนการนัดสืบพยาน แต่เจ้าหน้าที่เอาพยานหลักฐานเดิมทั้งหมดมาฟ้องที่พัทยาอีกครั้ง จึงร้องต่อศาลว่าเป็นการฟ้องซ้ำหรือไม่ ซึ่งต้องรอคำวินิจฉัย
คดีที่พัทยามีผู้ต้องหาในชั้นพนักงานสอบสวนอีกคน คือ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน แต่วันนี้อัยการบอกว่านำตัวบุคคลดังกล่าวมาฟ้องไม่ทัน คดีจึงขาดอายุความ !??!
ด้วยความสัตย์จริงผมไม่ติดใจหากใครที่เคยต่อสู้กันมาจะหลุดพ้นคดี เพราะพี่น้องผมทั้งแกนนำและมวลชนเป็นกลุ่มคนที่ต้องคดีความ และถูกกระทำสารพัดรูปแบบหนักหนากว่ากลุ่มใดๆ แต่คำอธิบายว่าขาดอายุความ(ช่วงกลางเดือน เม.ย. 62) เพราะนำตัวมาฟ้องไม่ได้ในคดีนี้ เป็นเรื่องที่ยังเข้าใจยาก
ผู้ต้องหาทั้ง 6 คน เป็นผู้สมัคร ส.ส.ต่างพรรค ยกเว้น คุณจตุพร ซึ่งถูกตัดสิทธิ์แต่ก็เคลื่อนไหวในสนามเลือกตั้งอย่างต่อเนื่อง หลังการเลือกตั้งแต่ละคนยังปรากฏตัวในที่สาธารณะ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเป็นที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่มีเพียงคนเดียวที่นำตัวมาฟ้องไม่ได้
ผม คุณวีระกานต์ นพ.เหวง เป็นผู้สมัครพรรคไทยรักษาชาติ คุณอดิศร พรรคเพื่อไทย คุณจตุพร เป็นกองเชียร์พรรคเพื่อชาติ ส่วนคุณสุภรณ์ ย้ายจากพรรคเพื่อไทยไปเป็นผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ มีข้อแตกต่างกันทางคดีอย่างไรหรือไม่
เคยมีกระแสข่าวว่าคนบางกลุ่มใช้ประเด็นช่วยเหลือเรื่องคดีความ ชักชวนส.ส.ให้ย้ายไปอยู่พรรคที่ตั้งขึ้นใหม่ ไม่ทราบว่าคดีที่ผมพูดถึงอยู่มีตื้นลึกหนาบางเกี่ยวข้องอย่างไร
ยิ่งเห็นกรณี คุณอุตตม หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐที่เกี่ยวข้องกับคดีเงินกู้ธนาคารกรุงไทย แต่ไม่ถูกฟ้องดำเนินคดีเหมือนกรรมการคนอื่นๆ ก็ยิ่งไปกันใหญ่
สังคมใดที่กระบวนการยุติธรรมถูกใช้เป็นเงื่อนไขต่อรองผลประโยชน์ต่างๆ ได้ จะพูดถึงประชาธิปไตยและสันติสุขของประชาชนในมิติไหน
ย้ำอีกทีว่าคุณสุภรณ์พ้นคดีผมไม่อิจฉา ไม่คาใจ
เพียงแต่สังเวชใจกับคำว่าอภินิหารทางกฎหมาย และปาฏิหารย์แห่งหลักนิติธรรมที่เกิดขึ้นเท่านั้น