"เผดิมชัย" หัวเรือใหญ่ตระกูลสะสมทรัพย์ เผย กิจการขนขยะไปทิ้ง เริ่มปี 38 ย้ำ ไม่ได้ร่ำรวยจากขนขยะ ยัน 2-3 ปีแรก ขาดทุนแหลกลาญ ยก "ในหลวง ร.9" จุดประกาย ทรงแนะนำวิธี จนพลิกกลับมาสำเร็จ
นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ยอมรับว่า ตระกูล "สะสมทรัพย์" ตอนนี้ส่งต่อกิจการกำจัดขยะไปถึงยังรุ่นหลาน รุ่นที่ 3 หมดแล้ว ทั้งนี้ ต้องเข้าใจก่อนว่า กิจการกำจัดขยะนี้ของตระกูลสะสมทรัพย์ ต้องมีการประมูลจากหน่วยงานรัฐ อันนี้คือของกรุงเทพมหานคร (กทม.) เมื่อประมูลงานได้ ก็เป็นการนำรถไปขนขยะของ กทม. มาทำการกลบฝังเท่านั้นเอง จากกรุงเทพฯ มากลบฝังในพื้นที่ จ.นครปฐม มันไม่ได้มีอะไรมากมาย
...
นายเผดิมชัย กล่าวต่อว่า ส่วนตอนนี้ผมไม่ได้เข้าไปทำงานด้านนี้นานเป็น 10 ปีแล้ว ผมให้ลูกหลานที่จบวิศวะเข้าไปดูแล ยืนยัน เราไม่เคยเอาเรื่องนี้มาเป็นฐาน หรือเอาไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เรื่องกิจการฝังกลบขยะนี้ ความจริงเป็นกิจการเมื่อก่อนที่บ้านผมทำมานานแล้วกว่า 30 ปี ความจริงตระกูลเรามีอาชีพขนส่ง วัสดุ หิน ทราย ดิน มีรถบรรทุก 200-300 คัน เป็นธุรกิจขนส่งของทางบ้านที่ทำมาช้านานตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ คุณแม่ พอดีตอนหลัง กทม.เขาก็มีการวิ่งขนส่งเก็บขยะตั้งแต่สมัย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นผู้ว่าฯ กทม. ท่านก็ประกาศนโยบายว่า กทม.จะทดลองวิ่งเก็บขยะตามบ้าน เริ่มจากแบ่งมา 5 เขต ตอนนั้นผมเริ่มเข้าไปประมูล ยังหนุ่มแน่นอยู่เลย ทำกันอยู่ 5 ปี เห็นว่าไม่ไหว เจอปัญหาขัดแย้งกับชาวบ้านบ้าง เก็บไม่ครบบ้าง ก็มีเรื่องกับชาวบ้าน ตอนหลังก็เลยมารับจ้างขนขยะไปทิ้งอย่างเดียวดีกว่า มันง่ายกว่า ประวัติดังเดิมมีอยู่แค่นี้จริงๆ
พี่ใหญ่ตระกูลสะสมทรัพย์ กล่าวต่อว่า ธุรกิจของตระกูลตั้งแต่แรกเริ่ม ก็เริ่มจากขับรถขนส่งแร่ จ.ตาก ปี 2529 ส่งโรงถลุงเหล็ก ส่วนที่รับจ้างขนขยะไปทิ้งนั้น เริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2538-2539 ระยะแรก ขาดทุนแหลกลาญ 2-3 ปีแรก ตอนที่ผมทำนะ แต่หลังๆ หลานๆ เรียนจบมาทำต่อก็ดีขึ้น เพราะเขามีความรู้ เรียนมา กล้าจ้างฝรั่งเข้ามาทำงาน
"มันโชคดี ปี 2535-2538 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ท่านเสด็จฯ มางานเกษตรฯ ที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม พระองค์ท่านพระราชทานนโยบายให้พวกเรา ให้ทำระบบ 3 อาร์ คือ "รีดิว รีไซเคิล รียูส" เรายังมีเทปบันทึกภาพอยู่เลย ไปดูได้ เราก็ทำตามที่พระองค์ท่านทรงแนะนำ กิจการก็ดีขึ้น เริ่มต้นก็จากตรงนั้นล่ะ ช่วงปี 2538-2539 เราก็เริ่มทำตามมา ซึ่งก็ได้ผลดี แต่ถามว่า ร่ำรวยจากขยะไหม คุณก็ลองไปทำดูสิ ทำได้นิ ผมจะบอกว่า คนเราไปทำอะไร มันต้องทำดีที่สุด ถ้ามีข้อร้องเรียน กทม.ก็เอาเราตาย ถ้าทำไม่ดี กทม.ก็มาตรวจ เดือนละ 20 คน ทุกเดือน ว่าเราทำถูกต้องไหม ทำตามขั้นตอนทุกอย่างหรือไม่ เขามีกรรมการมาตรวจ ก่อนจ่ายเงินค่าจ้างกัน แล้วถ้าเราทำตามที่ตกลงไม่ได้ ชาวบ้านก็มาร้องเรียนเราตายเลย" นายเผดิมชัย กล่าว
นายเผดิมชัย กล่าวต่อว่า ตอนนี้เรื่องจะเอาเตาเผาขยะ แทนการใช้วิธีฝังกลบ ซึ่งถ้าใช้วิธีนี้ ราคามันก็ต้องแพงกว่าวิธีฝังกลบขยะอยู่แล้ว แล้วตอนนี้เทคโนโลยีพัฒนาไปถึงขั้นเอาน้ำจากขยะเอามาเป็นน้ำใช้ดื่มยังได้เลย หลานๆ ผมทำเอง ไปดูได้ แล้วตอนนี้บอกเอาเตาเผา ถ้าวันหนึ่งเตาเผาเสียแล้วขยะสด เราจะทำอย่างไร บ้านเรา(เมืองไทย) ไม่ใช่สิงคโปร์ หรือฮ่องกง ที่นั่นเขาเป็นเกาะเล็กๆ เขาไม่มีพื้นที่ฝัง เขาถึงต้องเลือกวิธีเผา มีเตาเผา ซึ่งแพงมาก แต่ของเรามีที่ดินจะฝัง.