ถ้าบริหารจัดการดี ข้าง พท.ก็แอบฝัน
แก๊งสามมิตรดี๊ด๊า “สมศักดิ์” มั่นเกินร้อยรัฐบาลชัวร์ ไม่สนเสียงปริ่มน้ำ “เอื้ออาทรกันดีๆก็อยู่ได้ นาน” “สุริยะ” โวมีในมือแล้ว 245-255 เสียง “อุตตม” เบรกอย่าเพิ่งโม้เกินเหตุ มั่นใจทุกอย่างจบภายในเดือนนี้ ปัดกินรวบกระทรวงเศรษฐกิจไม่ยอมแบ่งเพื่อน “พุทธิพงษ์” รู้ใจ ปชป.ไม่มีทางจับมือ พท. “เสี่ยหนู” ปฏิเสธกระแสแบ่งเค้กกันแล้ว ลือ “เนวิน” เดินเกมต่อสาย “ท็อป”-ปชป. ขอเกลี่ยโควตาใหม่ “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” กร้าว ปชป.มีศักดิ์ศรี ไม่ใช่โยนอะไรมาก็งับ “ภูมิธรรม” เสียงอ่อยยังไม่แพ้ตั้งรัฐบาลแข่ง ตอก กกต. ตีความเกินเลยกฎหมาย “เจ๊หน่อย” จวก ส.ส.เอื้ออาทร-ส.ว.เอื้อพวกพ้อง ปชป.ซัด กกต.ทำขัด รธน. “ราเมศ” ลั่นดำเนินคดีให้ถึงที่สุด จัดประชันกึ๋นชิงหัวหน้าพรรค “จุรินทร์” เดินสายฟื้นเรตติ้งอีสาน “ศรีสุวรรณ” ไม่จบจ่อยื่นศาล ปค.ท้วงสูตร กกต. “ประมวล” เตือนปล่อยผีระวังคุก “เรืองไกร” สอยเพิ่ม ส.ส.ถือหุ้นสื่อ
หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งแบบเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ ความเคลื่อนไหวจัดตั้งรัฐบาลคึกคักขึ้นมาทันที โดยเฉาะจากฝั่งพรรคพลังประชารัฐ ขณะเดียวกันพรรคการเมืองที่เสียประโยชน์จากวิธีคิดคำนวณของ กกต. ประกาศจะดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
...
แก๊งสามมิตรตบเท้ารายงานตัว
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 9 พ.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส.ส.ที่ได้รับการประกาศรับรองจาก กกต. ทั้งแบบเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ ทยอยเข้ารับใบรับรองที่สำนักงาน กกต.ตั้งแต่ช่วงเช้า แม้เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ อาทิ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย นายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย นายชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่
ต่อมาเวลา 08.15 น. ที่รัฐสภาใหม่ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดรับรายงานตัว ส.ส.เป็นวันที่ 2 มีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ มารายงานตัวเป็นคนแรก จากนั้น ส.ส.ในกลุ่มสามมิตร นำโดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ ทยอยเข้ารายงานตัว
2 วันมารายงานตัวแล้ว 114 คน
จากนั้นช่วงบ่ายมี ส.ส.จากพรรคต่างๆทยอยมารายงานตัวต่อเนื่อง ในส่วนของพรรคเพื่อไทย อาทิ นายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กทม. นายโกศล ปัทมะ ส.ส.นครราชสีมา นายอนันต์ ศรีพันธุ์ ส.ส.อุดรธานี นายอิทธิรัตน์ จันทรสุรินทร์ ส.ส.ลำปาง นายเกรียงศักดิ์ ฝ้ายสีงาม ส.ส.อุดรธานี พรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายกรณ์ จาติกวณิช นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาชาติ อาทิ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค นายกูเฮง ยาวอหะซัน ส.ส.นราธิวาส นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส นายอนุมัส ซูสารอ ส.ส.ปัตตานี นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา พรรคภูมิใจไทย อาทิ นายสมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคพลังธรรมใหม่ได้แก่ นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรค พรรคอนาคตใหม่ ได้แก่ นายวุฒินันท์ บุญชู ส.ส.สมุทรปราการ เมื่อปิดการรายงานตัว ส.ส.ในวันที่ 9 พ.ค. มี ส.ส.มารายงานตัว 83 คน รวม 2 วัน มี ส.ส.มารายงานตัวไปแล้ว 114 คน
เปิดคะแนนท็อปไฟว์ทั่วประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ ส.ส.เขตที่มีคะแนนสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1.นายเอกการ ซื่อทรงธรรม ส.ส.เขต 1 แพร่ พรรคอนาคตใหม่ได้ 72,016 คะแนน 2.นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.เขต 2 สุพรรณบุรี ชาติไทยพัฒนา 69,274 คะแนน 3.นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เขต 3 เชียงใหม่ เพื่อไทย 64,040 คะแนน 4.นายฐานิสร์ เทียนทอง ส.ส.เขต 1 สระแก้ว พลังประชารัฐ 63,099 คะแนน 5.นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.เขต 1 อ่างทอง ภูมิใจไทย 62,741 คะแนน
“สมศักดิ์” มั่นเกินร้อย รบ.ชัวร์
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลว่า หลัง กกต.ประกาศตัวเลข ส.ส.อย่างเป็นทางการ มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคแนวร่วม มีตัวเลข ส.ส.ไม่ครบ 250 เสียง จึงเป็นความชอบธรรมของ พรรคพลังประชารัฐที่จะขยับมาจัดตั้งรัฐบาล จากนี้ เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคต้องทำหน้าที่พบปะกับพรรคการเมืองต่างๆ คงใช้เวลาระยะหนึ่งไม่ต้องรีบร้อนมากนัก ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ มองว่า กกต.ใช้หลักเกณฑ์การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อขัดต่อรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ควรพูดถึงประเด็นนี้แล้ว มั่นใจว่าเราตั้งรัฐบาลได้เกินร้อยเปอร์เซ็นต์ เมื่อถามว่า การเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำจะทำให้มีปัญหาในการทำงานหรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า ที่ผ่านมาเคยมีรัฐบาลเสียงข้างมาก แต่อยู่ได้ไม่นาน หากเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ แล้วบริหารจัดการดี สามารถอยู่ได้ครบ 4 ปี ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของรัฐบาลกับพรรคการเมืองให้ลงตัว หากบริหารจัดการให้ดีก็อยู่ได้นาน การมีพรรคร่วมรัฐบาลจำนวนมากไม่ถือว่าเป็นอุปสรรค
“เอื้ออาทรกันดีๆ ก็อยู่ได้นาน”
เมื่อถามว่า การจัดสรรโควตารัฐมนตรีให้พรรคร่วมรัฐบาลที่มีอยู่มากจะเกิดปัญหาหรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า เป็นเรื่องปกติที่ต้องแบ่งโควตารัฐมนตรีกัน ถ้าเอื้ออาทรกันดีๆก็อยู่ได้นาน ส่วนเรื่องที่มีชื่อตนเป็นรัฐมนตรีนั้น ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึง ขอให้เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรให้ได้ก่อน เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ จะมาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร แกนนำกลุ่มสามมิตรตอบว่า เชียร์ทุกคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ทั้งนายสุชาติและคนอื่น มั่นใจว่าการบริหารจัดการทางการเมืองคงไม่มีอะไรยาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน และมีบุคลากรที่เป็นตัวเลือกในการทำงานมากขึ้น
“สุริยะ” โวมีในมือ 245–255 เสียง
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ข้อห่วงใยว่ารัฐบาลปริ่มน้ำอาจอยู่ได้ไม่นาน นั้น อยู่ที่ผลงานของรัฐบาลมากกว่า ถ้ารัฐบาลมีผลงานดี แก้ปัญหาความยากจนได้ ประชาชนก็มั่นใจ รัฐบาลและพรรคการเมืองจะอยู่ได้นาน แต่ ถ้ามีเสียงข้างมากกว่า 300 เสียงแล้วเข้าไปทำเรื่องไม่ถูกต้องเหมือนในอดีต ก็อยู่ได้ไม่นาน มีประชาชนออกมาต่อต้าน มั่นใจว่าพรรคเล็กๆอยากมาร่วมงาน กับพลังประชารัฐ ตัวเลขเท่าที่ประเมินขณะนี้เรามี 254-255 เสียง โดยรวมตัวเลขพรรคเล็กแล้ว
มั่นใจ พปชร.ตั้งรัฐบาลราบรื่น
นายธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่พรรคเล็ก 11 พรรคได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทำให้พรรคพลังประชารัฐจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลคงไม่ยาก จะทิ้งห่างพรรคเพื่อไทย 20 เสียงขึ้นไป เชื่อว่าผู้ใหญ่ในพรรคทาบทามพรรคเล็กเรียบร้อยแล้ว รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ยังต้องเป็นส่วนหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล แต่การดึงงูเห่าจากพรรคอื่น อาทิ พรรคเพื่อชาติ พรรคอนาคตใหม่ คงไม่จำเป็นแล้ว ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่า ตนจะได้เป็นรัฐมนตรีนั้น ไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ ส่วนการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 มั่นใจว่าผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐมีโอกาส เพราะการเลือกตั้งรอบที่แล้วได้คะแนนเป็นรองพรรคเพื่อไทย 1 หมื่นคะแนนเท่านั้น ไม่หนักใจกับ การเทคะแนนให้พรรคอนาคตใหม่
“อุตตม”เบรกอย่าเพิ่งโม้เกิน
ที่พรรคพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวพลังประชารัฐรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้แล้วว่า ยังไม่มีอะไรเป็นข้อยุติ ยังอยู่ระหว่างการประสานกับพรรคต่างๆ เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมาร่วมพิจารณาจัดตั้งรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายอุตตมตอบว่า ตอนนี้เป็นเรื่องของพรรค แต่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นบุคคลที่พรรคเสนอให้เป็นนายกฯ เมื่อถึงเวลาที่สมควรว่ากันอีกที เมื่อถามว่า ประเมินจะรวมเสียงได้เท่าใด นายอุตตมตอบว่า ให้ได้ข้อยุติก่อน หากไปพูดว่าได้เกิน 250 เสียงจะไม่ดีต่อพรรคที่อยากเข้ามา แต่มั่นใจพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาลได้แน่ หวังให้จบภายในเดือนนี้
ปัดกินรวบกระทรวงเศรษฐกิจ
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย อยากดูแลกระทรวงด้านเศรษฐกิจด้วย นายอุตตมตอบว่า ขณะนี้ยังไปไม่ถึงขั้นใครได้กระทรวงไหน ยังอยู่ขั้นตอนการหารือ ส่วนกระแสข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่พอใจพลังประชารัฐที่เอากระทรวงเศรษฐกิจไว้หมด จึงมีแผนแยกตัวไปจับมือกับพรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนาจัดตั้งรัฐบาลแข่งนั้น ไม่เคยได้ยิน ยังไม่เห็นเงื่อนไข ใดๆทั้งสิ้น แต่ยอมรับเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ พลังประชารัฐได้แถลงนโยบายด้านนี้ต่อประชาชนแล้ว ต้องขับเคลื่อนให้ได้ ต้องมาหารือกัน ส่วนใครจะได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงใด ยังไม่ถึงตรงนั้น เมื่อถามว่าต้องรอมติพรรคประชาธิปัตย์วันที่ 15 พ.ค.หรือไม่ นายอุตตมตอบว่า ยังไม่แน่ใจมติพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นอย่างไร ต้องรอฟัง
“สุชาติ” ตรงสเปกประมุขนิติบัญญัติ
เมื่อถามว่า พรรควางตัวนายสุชาติ ตันเจริญ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรใช่หรือไม่ นายอุตตมตอบว่า เป็นส่วนหนึ่งของการหาหรือภายในพรรค แต่ยังไม่มีข้อยุติว่าเป็นใคร มีหลายคนที่ดูไว้ โดยเฉพาะนายสุชาติถือว่ามีศักยภาพ แต่ต้องหารือกันภายในพรรคให้เกิดความชัดเจนอีกครั้ง
ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า วันที่ 14-15 พ.ค. พรรคจะจัด สัมมนา ส.ส.เป็นการภายในที่โรงแรมเดอะซายน์ พัทยา จ.ชลบุรี ทั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ เชิญวิทยากรมาให้ความรู้การเป็น ส.ส.ต้องเดินไปอย่างไร ทำอะไรให้ประเทศชาติบ้าง
“บี” รู้ใจ ปชป.ไม่มีทางจับมือ พท.
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า การทาบทามพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมรัฐบาล เราก็ต้องให้เกียรติเพราะพรรคประชาธิปัตย์มีวัฒนธรรม และแนวทางการทำงานเป็นของตัวเอง เป็นสถาบันการเมือง เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยพลิกสถานการณ์ตั้งรัฐบาลได้ นายพุทธิพงษ์ตอบว่า ทุกอย่างคงเกิดขึ้นได้ เชื่อมั่นว่าแนวทางการทำงานที่เราตั้งใจไว้จะทำให้หลายพรรคต้องตัดสินใจว่าประเทศจะเดินทางไปทางไหน เชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นทางเลือกที่เหมาะสม และการพูดหลายครั้งว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีแนวทางไปร่วมกับพรรคเพื่อไทย จึงคิดว่าเป็นไปได้ว่าการทำงานร่วมกันระหว่างพรรคพลังประชารัฐและพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นแนวทางที่ใกล้เคียงกัน แต่ต้องรอการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์
“เนวิน” เดินเกมเกลี่ยโควตาใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมจากพรรคพลังประชารัฐ ล่าสุด มีกระแสข่าวว่านายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้ต่อสายพูดคุยกับนายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ส่วนหนึ่ง เพื่อแท็กทีมต่อรองเกลี่ยโควตาเก้าอี้รัฐมนตรีใหม่ เพราะไม่พอใจโควตาที่ได้รับ ที่ส่วนหนึ่งภูมิใจไทยได้รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ขณะที่ต้องการกระทรวงคมนาคม โดยนายวราวุธไม่ได้รับปาก และนายวราวุธเองที่ผ่านมาได้ดีลกับแกนนำรัฐบาลปัจจุบันโดยตรงอยู่แล้วมาตั้งแต่ต้น โดยเรื่องนี้ได้สร้างความหนักใจให้กับแกนนำรัฐบาลและแกนนำพลังประชารัฐ เนื่องจากต้องการให้รัฐบาลใหม่มีภาพลักษณ์ที่ดี เกรงว่าหากให้กระทรวงคมนาคม อาจทำให้ถูกมองเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจกต์ เนื่องจากแกนนำภูมิใจไทย ทำบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ซึ่งได้สัมปทานรัฐหลายโครงการ จึงทำให้ไม่สามารถให้ได้
“เสี่ยหนู” ปฏิเสธแบ่งเค้กกันแล้ว
วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กปฏิเสธกระแสข่าวไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ว่า “ขอเรียนว่ายังไม่มีการจัดตั้งรัฐบาล และแบ่งกระทรวง พรรคภูมิใจไทยกำลังฟังเสียงประชาชน” ทั้งนี้ การออกมาโพสต์ของนายอนุทิน เกิดจากกระแสข่าวที่ระบุว่าพรรคพลังประชารัฐจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา จนได้เสียงเกิน 250 เสียง สามารถจัดตั้งรัฐบาลพร้อมแบ่งกระทรวงให้ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทยพรรคละ 6 เก้าอี้ ขณะที่ชาติไทยพัฒนาได้ 2 เก้าอี้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ชทพ.บ่น กกต.แต่ก็ยอมรับผล
นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า สูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อของ กกต. มองว่ามีปัญหา พรรคชาติไทยพัฒนามีโอกาสจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 5 คน แต่เหลือ 4 คน แต่ก็ยอมรับตามนี้ ส่วนตัวคิดว่ากฎหมายลูกมีปัญหา แต่ที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เพราะถ้าชี้ว่าขัดรัฐธรรมนูญต้องไปทำกฎหมายกันใหม่ การเลือกตั้งจะล่มสลายไปต่อไม่ได้ ตอนนี้ให้ผ่านไปก่อน พรรคเล็กก็เพื่อนกันทั้งนั้น แต่จะมีผลทางการเมืองตามมาจากการตัดสินใจแบบนี้ เพราะระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมไม่เคยมีที่ใดใช้มาก่อน ประเทศไทยเป็นประเทศแรกและก็มีปัญหาแล้ว ต้องหาทางแก้ไขกันต่อไป กฎหมายลูกแก้ไขได้ แต่รัฐธรรมนูญแก้ยากมาก เมื่อถามว่า พรรคการเมืองที่เสียประโยชน์หาช่องทางที่จะเอาผิดทางกฎหมาย นายนิกรตอบว่า ยากมาก การจะยื่นทำได้อย่างเดียวคือต้องดูว่ามีการทุจริตหรือไม่ ก็ไม่มี มันเป็นข้อขัดข้องทางกฎหมาย เชื่อว่าสุดท้ายแล้วจะไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ และศาลก็ชี้แล้วว่าไม่ขัด
เล่นตัวการตัดสินใจยังไม่ชัด
เมื่อถามถึงจุดยืนในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล นายนิกรตอบว่า ยอมรับว่ามีการประสานมาในหลายทาง การตัดสินใจยังไม่ชัดเจน จะมีการคุยกันในวันที่ 14 พ.ค. สถานการณ์ตอนนี้ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง ร่วมแรงปฏิรูปประเทศ พรรคชาติไทยพัฒนาอยู่ตรงไหนก็แล้วแต่ จะต้องมีรัฐบาล จะอยู่สั้นอยู่ยาวก็เป็นไปตามกรรม เมื่อถามว่า มีการจัดพรรคชาติไทย-พัฒนาไปรวมขั้วพรรคพลังประชารัฐแล้ว นายนิกรตอบว่า เราเป็นกลางตั้งแต่ก้าวแรก เราเป็นห่วงเสถียรภาพของรัฐบาล เชื่อว่าการโหวตนายกฯของพรรคไม่น่าจะแตกต่างกัน
“ชัช” ตอบแมนๆ อยู่ร่วม พปชร.
ด้านนายชัชวาลย์ คงอุดม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท กล่าวว่า จุดยืนในการร่วมรัฐบาลเราเอาสถาบันเป็นหลัก ใครดูแลและปกป้องสถาบันเรายืนข้างนั้น เมื่อถามว่า จะโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯใช่หรือไม่ นายชัชวาลย์ตอบว่า ถ้าเสนอมาตามระเบียบเราไม่มีปัญหา ไม่มีลูกเล่นอะไร พรรคพลังประชารัฐประสานมาแล้ว สำหรับตนอะไรที่ดีกับประเทศชาติก็ยกมือให้ ไม่จำเป็นต้องมีกลุ่มก้อนเพื่อต่อรองใคร เมื่อถามว่าพรรครวมพลังท้องถิ่นไทอยู่ขั้วพลังประชารัฐแล้ว ใช่หรือไม่ นายชัชวาลย์ตอบว่า “ผมก็คิดว่าอย่างนั้น แต่ไม่ต้องคุยอะไรกัน เรามีจุดยืนและปณิธานของเรา จะมีหรือไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรีผมไม่สน ไม่จำเป็น”
“พิเชษฐ” ผนึกพรรคเล็กหนุน “ลุงตู่”
นายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย กล่าวว่า ขณะนี้พรรคเล็กรวมกลุ่มกันได้ 10 พรรคแล้ว มี 10 เสียง ประกอบด้วยพรรคพลังชาติไทย พรรคประชาภิวัฒน์ พรรคไทยศรีวิไลย์ พรรคพลังไทยรักไทย พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคประชานิยม พรรคประชาธรรมไทย พรรคพลเมืองไทย พรรคพลังธรรมใหม่ และพรรคไทรักธรรม เราไปไหนไปกันให้เกิดพลังในการต่อรอง ถ้าต่างคนต่างเดินจะไม่มีพลังในการเจรจา เท่าที่คุยกันเบื้องต้น 10 พรรคเล็กจะไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯอีกครั้ง ส่วนการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรียังไม่ได้คุยกัน ต้องคุยกับพรรคพลังประชารัฐอีกครั้ง ส่วนกรณีที่ลูกพรรคไปยื่น กกต.ให้ยุบพรรคประชาธรรมไทย เพราะตนเคยต้องโทษถูกเว้นวรรคทางการเมืองนั้น ยืนยันว่าไม่มีปัญหา ยอมรับว่าเคยถูกป.ป.ช.ลงมติแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ ถูกเว้นวรรคการเมือง 5 ปี ขณะนี้พ้นโทษแล้ว สามารถลงสมัคร ส.ส.ได้ ถ้ามีปัญหาเรื่องคุณสมบัติจริง กกต.คงไม่ให้ลงสมัคร ส.ส.แน่ เชื่อว่า กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติเรียบร้อยแล้ว
ออกลายร่วมรัฐบาลกับใครก็ได้
นายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ กล่าวว่า พรรคประชาธิปไตยใหม่จะไม่ไปรวมกับพรรคเล็กพรรคอื่นๆ แม้จะมีความพยายามติดต่อมาก็ตาม แต่จุดยืนที่แน่นอนของพรรคคือ จะไปร่วมกับฝั่งที่เป็นรัฐบาลแน่นอน ไม่เกี่ยงว่าฝ่ายใดได้เป็นรัฐบาล เรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีถ้าให้ก็พร้อมรับตำแหน่ง
“ภูมิธรรม” ตอก กกต.เกินลงกา
ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การคิดคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อของ กกต.ที่คำนึงถึงพรรคเล็ก พรรคเห็นว่าเป็นการกระทำผิดรัฐธรรมนูญ พรรคเห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่บอกว่า พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 91 เมื่อกฎหมายประเทศ ไทยเป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษร ก็ต้องดำเนินการตามอย่างเคร่งครัดไปตีความเจตจำนงไม่ได้ เราเห็นว่าวิธีคำนวณของ กกต.ตีความเกินเลยกว่าที่กฎหมายกำหนด ส่งผลให้มีส่วนได้เสียต่อคะแนน ส.ส. เมื่อรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดว่าพรรคการเมืองจะมี ส.ส.เกินที่พึงมีไม่ได้ สิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญระบุไม่ได้รับรองการกระทำของ กกต. เมื่อ กกต.ตีความเกินรัฐธรรมนูญก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นทุกช่องทางที่กฎหมายกำหนด
เสียงอ่อยยังไม่แพ้ตั้งรัฐบาลแข่ง
นายภูมิธรรมกล่าวอีกว่า หากคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อตามที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด จะมี พรรคการเมืองได้ ส.ส.เพียง 16 พรรค และฝ่ายประชาธิปไตยที่จับมือกันต่อต้านการสืบทอดอำนาจ มีเสียง ส.ส. ประมาณ 253 เสียง แต่วิธีคำนวณของ กกต.ทำให้ฝ่ายประชาธิปไตยเหลือ ส.ส. 245 เสียง แต่ไม่ได้หมายความว่าฝ่ายพรรคพลังประชารัฐจะได้ ส.ส.เกิน 250 เสียง เพราะความเป็นจริงขณะนี้คะแนนออกมาเป็น 3 กลุ่ม ฝ่ายต่อต้านการสืบทอดอำนาจ 245 เสียง ฝ่ายสนับสนุนสืบทอดอำนาจ 138 เสียง ยังมีพรรคที่ไม่ประกาศตัวชัดเจน คือ พรรคประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ชาติพัฒนา และชาติไทย–พัฒนา ที่มีคะแนนรวมกัน 116 เสียง หากตีความว่าพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยที่เคยประกาศ ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์สืบทอดอำนาจแล้ว ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นขณะนี้ยังไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าพลังประชารัฐรวมได้เกิน 250 เสียง จนกว่าทุกพรรคจะประกาศตัวยืนอยู่ข้างพรรคพลังประชารัฐ จึงอยากทราบว่าพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย วันนี้ยังยืนยันจุดยืนเดิมหรือไม่ ทุกอย่างจะได้ชัดเจน ยังไม่ถือว่าเราแพ้ และยังมีความหวังว่าจะสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนที่ออกมาเลือกตั้งมากที่สุด
“เจ๊หน่อย” จวก ส.ส.เอื้ออาทร
ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ระบุว่า “ไทยรักไทยทำโครงการเอื้ออาทร เพื่อช่วยผู้มีรายได้น้อย แต่วันนี้มีโครงการใหม่ ส.ส.เอื้ออาทร เพื่อช่วยสืบทอดอำนาจ มี ส.ส.เอื้ออาทร คสช. แล้วก็ยังได้แค่ 138 ที่นั่ง เร็วๆนี้จะออกตัวช่วยเพิ่มคือ ส.ว.เอื้อพวกพ้อง พรรคใดเคยสัญญากับประชาชนไว้อย่างไร วันนี้อย่าลืมฟังเสียงประชาชนด้วยนะคะ”
“โรม” ฉะฉ้อโกงเสียงประชาชน
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า สังคมไทยคาดหวังกับพรรคอนาคตใหม่สูง เรารับรู้ว่าสังคมไทยอยากเห็นการเมืองไทยเปลี่ยนรัฐสภาไทยไม่กลับไปสู่สภาพเดิม เมื่อเข้าสู่สภาจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ใช้ความสามารถที่มีเพื่อเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยให้ดีขึ้น ส่วนการทำงานร่วมกับ ส.ส.รุ่นเก่า เข้าใจว่า ส.ส.รุ่นเก่าหายไปจากสภาเยอะ น่าจะมีคนรุ่นใหม่เยอะพอสมควร ตนอาจเป็นคนหน้าใหม่ในสภา แต่มีประวัติการเคลื่อนไหวต่อต้าน คสช.มาตลอด อาจไม่ได้เจอนัก การเมืองรุ่นเก่าที่เขาว่ากันว่าเขี้ยวลากดิน แต่ความตั้งใจคืออยากเห็นการเมืองไทยดีกว่านี้พร้อมกับอีกหลายคน สังคมไทยเราสูญเสียความเชื่อมั่นในระบบรัฐสภาไปเยอะ เราหวังว่าจะกอบกู้ความเชื่อมั่นนี้กลับมาอีกครั้ง พรรคอนาคตใหม่ที่ได้ 80 ที่นั่ง เราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเท่าที่ประชาชนจะคาดหวัง ขอให้ทุกคนจับตาและรอว่าการเมืองที่แตกต่างจากเดิมเป็นอย่างไร ส่วนวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแจกพรรคเล็ก ของ กกต. มีคำวิพากษ์วิจารณ์กันมาก “ขอเรียกว่าการคอร์รัปชัน การคอร์รัปชันไม่จำเป็นต้องมีใครเบียดบังเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แค่เพียงคุณไม่เห็นหัวประชาชน โกงประชาชน ก็เป็นการคอร์รัปชันแล้ว ขอให้ติดตามว่าพรรคอนาคตใหม่หรือพรรคอื่นจะทำอย่างไรต่อไป”
เพื่อชาติหวัง ปชป.ไม่กลืนน้ำลาย
น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า จากตัวเลข ส.ส.ที่ กกต.ประกาศออกมา หวังเพียงว่าพรรคเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ จะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนตอนหาเสียง ว่า ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์สืบทอดอำนาจ จะไม่บิดพลิ้วคำสัญญากลืนน้ำลายตนเอง เพื่อผลประโยชน์ของคนสูงวัยที่อยู่ในระยะสุดท้ายของชีวิตในพรรค ด้วยการสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ที่จะทำลายความฝันและความหวังอนาคตของคนรุ่นใหม่ทั้งในพรรคประชาธิปัตย์เอง และคนรุ่นใหม่ทั้งประเทศ ท้ายที่สุดจะย้อนกลับมาทำลายอนาคตทางการเมืองของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เอง พรรคอื่นที่เคยให้สัญญากับประชาชนไว้ก็เช่นกัน ถ้าบิดพลิ้วสัญญาที่เคยให้ไว้ จะโดนประชาชนสั่งสอนจนหมดอนาคตทางการเมืองเช่นกัน
“อารี” ยันจุดยืนยังไม่ย้ายขั้ว
นายอารี ไกรนรา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า จุดยืนทางการเมืองของพรรคเพื่อชาติ ยังยืนยันเหมือนเดิม คืออยู่ฝั่งประชาธิปไตย ทั้ง 5 คนเอาไงเอากัน ไปไหนไปกัน ส่วนกระแสข่าวว่า ส.ส.พรรคเพื่อชาติบางส่วนอาจไปร่วมงานกับพลังประชารัฐนั้น ให้พูดกันไปไม่สนใจ เรายังไม่มีการตัดสินใจใดๆ จุดยืน ณ วันนี้ยังไม่ไปไหน หากจะมีการตัดสินใจทางการเมือง คงต้องพูดคุยกันระหว่างแกนนำพรรคอีกครั้ง
“วันนอร์” ย้ำไม่หนุนต่อท่ออำนาจ
ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า พรรคประชาชาติยังยืนยันสนับสนุนพรรคฝ่ายประชาธิปไตย ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ตามที่หาเสียงไว้กับประชาชน จะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เราพร้อมเป็นทั้งนั้น โดยยึดประเทศเป็นหลัก วันนี้สภาต้องช่วยกันปฏิรูปให้เป็นประชาธิปไตย สร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน ส่วนการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อตามสูตร กกต. ตนไม่ติดใจ จะใช้สูตรไหนเราก็ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 1 ที่นั่งอยู่แล้ว เหตุที่ไม่แสดงความเห็นกรณีนี้มาแต่แรก เพราะไม่ใช่หน้าที่เราแต่เป็นหน้าที่ของ กกต.ที่จะดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นธรรม หากมีอะไรผิดพลาด กกต.ต้องรับผิดชอบ ถามว่าพอใจหรือไม่ หากทำตามกฎหมายก็พอใจ แต่ก็น่าเห็นใจ กกต.เพราะต้องจัดการเลือกตั้งตามที่คนอื่นเขาร่างกฎหมายมาให้
ปชป.จัดเวทีโชว์กึ๋นหัวหน้าพรรค
ส่วนความเคลื่อนไหวในการชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ เมื่อเวลา 13.30 น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ มีการเปิดให้ผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงวิสัยทัศน์ต่อสมาชิกพรรคภาคใต้ มีนายกรณ์ จาติกวณิช รักษาการรองหัวหน้าพรรค นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตรองหัวหน้าพรรคและอดีตผู้ว่าฯ กทม. และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ นายกรณ์กล่าวว่า จะทำให้ความสามัคคีเป็นเอกภาพกลับมาทำงานร่วมกันอย่างมีพลัง นายอภิรักษ์กล่าวว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาประชาชนตัดสินใจตามกระแสด้านเทคโนโลยี ถือเป็นจุดหนึ่งที่พรรคต้องเปลี่ยนแปลง ขณะที่นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ขอโอกาสมากอบกู้พรรค ลงชิงหัวหน้าพรรค ไม่ได้รับงานมาจากใคร อย่าคิดว่านายถาวร เสนเนียม ที่สนับสนุนตนรับคำสั่งใครมา จะบริหารแบบเพื่อนกับเพื่อน ไม่ใช่หัวหน้ากับลูกน้อง
“อภิรักษ์” ร่อน จ.ม.กล่อมโหวตเตอร์
ต่อมานายอภิรักษ์ได้เขียนจดหมายผ่านไลน์ถึงโหวตเตอร์ที่มีสิทธิเลือกหัวหน้าพรรค 307 คน ระบุว่า ยืนยันความมุ่งมั่นตั้งใจจริง และความพร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะนำความรู้ความสามารถประสบการณ์มาบริหารพรรค ให้เข้ากับสังคมไทยในโลกยุคใหม่ สืบสานเจตนารมณ์อุดมการณ์พรรคอย่างแท้จริง หากได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนต่อไป 3 สิ่งแรกที่อยากให้ทำคืออะไร จะนำมาลงมือทำเพื่อให้พรรคกลับมาครองใจประชาชนอีกครั้ง
“พีระพันธุ์” โพสต์ไม่รับเก้าอี้ รมต.
ด้านนายพีระพันธุ์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า อาสามาเพื่อฟื้นฟูและกอบกู้พรรค ไม่ใช่เพื่อแสวงหาอำนาจหรือโอกาสทางการเมือง ตำแหน่งเป็นเพียงหัวโขน เราจะทำงานร่วมกันด้วยสถานะที่เท่าเทียมกัน หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคจะไม่ใช่ผู้ทรงอำนาจสูงสุด จะขอยืนหยัดทำงานให้พรรคอย่างเต็มที่เต็มกำลัง หากเพื่อนๆมีมติให้พรรคเข้าร่วมรัฐบาล จะไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรีใดๆ
ยัน ปชป.มีศักดิ์ศรีไม่โดดงับ
ขณะที่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ไม่ใช่เพื่อต้องการตำแหน่ง แต่มีเงื่อนไขว่าพรรคจะสามารถนำนโยบายที่หาเสียงมาใช้ประโยชน์ นายอภิรักษ์กับนายพีระพันธ์ุพูดตรงกันว่าหากได้เป็นหัวหน้า และเข้าร่วมรัฐบาล จะไม่รับตำแหน่งใดๆ การที่มีข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐจะให้รัฐมนตรีถึง 6 ตำแหน่ง จึงเป็นการสร้างข่าวมากกว่าข้อเท็จจริง พรรคเรามีศักดิ์ศรี ไม่ใช่โยนอะไรมาก็งับ
“จุรินทร์” เดินสายฟื้นเรตติ้งอีสาน
ที่โรงแรมโฆษะ จ.ขอนแก่น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แคนดิเดตชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยคุณหญิงกัลยา โสภณพานิช และนางรัชดาภรณ์ แก้วสนิท อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลงพื้นที่พบปะสมาชิกภาคอีสานกว่า 40 คน เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางฟื้นฟูความนิยมของพรรคในภาคอีสาน โดยสมาชิกส่วนใหญ่พร้อมสนับสนุนนายจุรินทร์ เป็นหัวหน้า และเห็นตรงกันว่าหากฟื้นความนิยมภาคอีสานไม่ได้ ก็ยากที่จะชนะเลือกตั้ง ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าตัวแทนสาขาพรรคภาคกลาง สายของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรค จะเทคะแนนหนุนเช่นกัน
ปชป.ซัด กกต.ทำขัดรัฐธรรมนูญ
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนเชวง รักษาการกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การตัดสินใจว่าจะไปร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคใด ต้องรอวันที่ 15 พ.ค. ที่จะมีการประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แต่สมาชิกพรรคเห็นตรงกันว่า ต้องแยกเรื่องการเลือกหัวหน้าพรรค และทิศทางการร่วมรัฐบาล ออกจากกัน โหวตเตอร์ที่มีสิทธิเลือก ต้องเลือกหัวหน้าพรรคที่มีทิศทางนำพาและพัฒนาพรรคให้เจริญรุ่งเรือง ส่วนจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล คนเป็นหัวหน้าพรรคเป็นแค่หนึ่งเสียงเช่นกัน วิธีการคำนวณของ กกต.ให้พรรคเล็กได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่า ถือเป็นประเด็นใหญ่ เพราะพรรคเล็กเหล่านั้นไม่ได้คะแนนถึงเกณฑ์ ส.ส.พึงมี ซึ่งขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญมาตรา 91 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 ที่มีเจตนารมณ์ตรงกันคือ ส.ส.บัญชีรายชื่อต้องสะท้อนเสียงของประชาชน
ลั่นฟ้องดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
นายราเมศกล่าวอีกว่า แต่จากการคิดคำนวณของ กกต. คะแนนไม่ได้ตกน้ำแต่ตกทะเลเป็นล้านคะแนน เฉพาะพรรคประชาธิปัตย์หายไปสองแสนคะแนน ยังไม่รวมของพรรคอื่นรวมแล้วเป็นหลักล้านคะแนน ไม่ทราบว่าประโยชน์เกิดขึ้นกับใคร หรือพรรคใด แต่ที่แน่ๆคือคะแนนเสียงประชาชนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งหายไปทันที ผิดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ กกต.เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อปฏิบัติหน้าที่มิชอบ บุคคลที่ได้รับผลกระทบย่อมมีกฎหมายคุ้มครองอยู่ ในส่วนของพรรคผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 20-22 คือผู้เสียหายโดยตรง พรรคประชาธิปัตย์จึงต้องใช้กระบวนการตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ถึงที่สุด จะดำเนินการฟ้องดำเนินคดีกับ กกต. ทั้งในนามพรรคและในนามส่วนบุคคล ที่ได้รับผลกระทบจากการลิดรอนสิทธิครั้งนี้
“สมชัย” ชำแหละสูตรพิสดาร
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาธิปัตย์ และอดีต กกต. กล่าวว่า ขอคัดค้านการใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อของ กกต. ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 91 (4) และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 128 (5) หากยึดตามกฎหมายกำหนด พรรคเล็กอันดับที่ 17-21 รวม 11 พรรค ที่มีคะแนนตั้งแต่ 33,754- 68,973 คะแนน ต่ำกว่าคะแนนเฉลี่ยที่พึงจะมี ส.ส.หนึ่งคน คือ 71,168.5141 คะแนน จะไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยการคำนวณที่ถูกต้องจะมี 16 พรรคที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่จะมีเพียง 14 พรรค ที่ได้รับการจัดสรร เพราะพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.เขตเกินกว่าจำนวน ส.ส.พึงมี และพรรคประชาชาติได้ ส.ส.เขตเท่ากับจำนวน ส.ส.พึงมี จึงไม่มีสิทธิได้ และพรรคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ อนาคตใหม่หายไป 4 ที่ พลังประชารัฐหายไป 2 ที่ ประชาธิปัตย์หายไป 2 ที่ ภูมิใจไทย เสรีรวมไทย และชาติไทยพัฒนาหายไปพรรคละ 1 ที่ให้คะแนน กกต.สอบตก
นายสมชัยกล่าวอีกว่า หากนำผลการคำนวณตามแนวทางของตนมาใช้ จะทำให้แต่ละพรรคได้ ส.ส.ทั้ง 2 ระบบดังนี้ พรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส. 117 คน พรรคเพื่อไทย 136 คน พรรคอนาคตใหม่ 84 คน พรรคประชาธิปัตย์ 54 คน พรรคภูมิใจไทย 52 คน พรรคเสรีรวมไทย 11 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 11 คน พรรคเศรษฐกิจใหม่ 6 คน พรรคประชาชาติ 6 คน พรรคเพื่อชาติ 5 คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย 6 คน พรรคชาติพัฒนา 3 คน พรรคพลังท้องถิ่นไท 3 คน พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 คน พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน และพรรคพลังชาติไทย 1 คน รวม 498 คน กกต.คำนวณตามมาตรา 128 ผิด หายไปหนึ่งขั้นตอน จะโดยตั้งใจหรือไม่ ไม่รู้ เพราะข้ามขั้นตอนในมาตรา 128 (5) ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. คนที่มีส่วนได้เสียก็ต้องไปคิดว่าจะใช้สิทธิดำเนินการอย่างไรหรือไม่ ในเอกสาร กกต.มี 14 หน้าทำถูกแค่ 7 หน้า ได้คะแนนแค่ 50% ในการทำการบ้านข้อนี้ ทั้งที่มีคนแนะนำแล้วยังทำผิด สมควรได้คะแนนต่ำกว่า 50%
เตรียมยื่นศาล ปค.ท้วงสูตร กกต.
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า วันที่ 10 พ.ค. จะไปยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ส่งความเห็นไปยังศาลปกครอง วินิจฉัยกรณี กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 11 พรรคการเมืองขนาดเล็ก ที่มีคะแนนไม่ถึงจำนวน ส.ส.พึงมี หรือไม่ถึงเกณฑ์เฉลี่ยประมาณ 71,000 คะแนน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 อาจเป็นการใช้สูตรหรือวิธีการคำนวณไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ อาจส่งผลต่อบริบททางการเมืองในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ เพราะจะทำให้เกิดพรรคใหม่ๆเป็นจำนวนมากเกินความจำเป็นไม่สอดคล้องกับการปฏิรูปการเมือง ที่ต้องการให้มีพรรคการเมืองจำนวนน้อยพรรคเข้าบริหารราชการแผ่นดิน และอาจเข้าข่ายการเลือกตั้งที่ไม่เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม
“ประมวล” เตือนปล่อยผีระวังคุก
นายประมวล เอมเปีย ผู้สมัคร ส.ส.ชลบุรี พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า กกต.เลือกจะปล่อยผีแล้วสอยทีหลัง ทั้งที่มีการร้องเรียนจำนวนมาก ทั้งนับคะแนนไม่เป็นธรรม ทุจริตซื้อเสียง แจกของ หรือกรณีคล้ายกับเขต 8 เชียงใหม่ ที่สั่งเลือกตั้งใหม่ เพื่อเอื้อให้จัดตั้งรัฐบาล ขณะที่เสียงของทั้งสองขั้วปริ่มน้ำ ถามว่าตั้งรัฐบาลได้แล้ว ยังมีเรื่องร้องคัดค้านสอยคนที่ทำผิดทุจริตให้พ้นจาก ส.ส.ในอีก 1 ปี หากแจกใบแดง ใบเหลือง ใบส้มจะกระทบต่อเสียงในรัฐบาลแน่ หรือ กกต.จะไม่พิจารณาแจกใบแดง ใบเหลือง ใบส้มเลยหรือ ดังนั้น กกต.ต้องพิจารณาสำนวนร้องคัดค้านผลเลือกตั้งอย่างสุจริต โปร่งใส และเที่ยงธรรม เพราะอดีต กกต.ชุดก่อนเคยต้องติดคุกมาแล้ว
“เรืองไกร” สอยเพิ่ม ส.ส.ถือหุ้นสื่อ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า กกต.เรียกไปให้ข้อมูลที่ร้องผู้สมัคร ส.ส.ถือหุ้นสื่อในวันที่ 10 พ.ค. และจะยื่น กกต.เพิ่มเติมว่า พบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีผู้สมัคร ส.ส.ถือหุ้นสื่ออีก 13 คน จากพลังประชารัฐ 7 คน มี ส.ส.อยู่ 4 คน คือ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม.เขต 6 ถือหุ้นบริษัท ทาโร่ทาเลนท์ จำกัด น.ส.ธนิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม.เขต 7 ถือหุ้นบริษัท รางวัลไทย จำกัด นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.เขต 9 เป็นหุ้นส่วนห้างหุ้นส่วนจำกัด ไฮเทค ออดิโอ และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 18 ถือหุ้นบริษัท วาย.เอ็ม.จอมเทียน จำกัด จากพรรคประชาธิปัตย์ 6 คน มี ส.ส.บัญชีรายชื่ออยู่ 3 คน คือ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ถือหุ้นบริษัท วัฒนโสภณพนิช จำกัด นายเกียรติ สิทธีอมร ถือหุ้นบริษัท โปรเอ็น โฮลดิ้งส์ จำกัด และนายวีระชัย วีระเมธีกุล ถือหุ้นบริษัท ศิริเมธีกุล จำกัด
ทูลเกล้าฯชื่อ ส.ว.ตามกรอบเวลา
ช่วงเช้าวันเดียวกันที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวเพียงสั้นๆถึงการนำรายชื่อ ส.ว.ขึ้นทูลเกล้าฯถวายว่า “เป็นไปตามกำหนดเวลา ส่วนประกาศรับรองผล ส.ส.บัญชีรายชื่อของ กกต. ก็เป็นเรื่องของ กกต. หน้าที่ของใครก็ของใครนะ ขอบคุณนะ โชคดีทุกคน” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามกรอบระยะเวลาถ้าทุกอย่างเรียบร้อยจะนำรายชื่อ ส.ว.ขึ้นทูลเกล้าฯถวายได้ภายในวันที่ 10 พ.ค. เป็นระยะเวลา 3 วันหลัง กกต.ประกาศรับรองผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการวันที่ 8 พ.ค.
สนช.หน้าเดิมโผไปนั่ง ส.ว.พรึ่บ
นายนัฑ ผาสุก เลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า ได้เซ็นรับรองหนังสือลาออกของสมาชิก สนช.ไปแล้ว จำนวน 10 คน ทำให้การลาออกมีผลโดยสมบูรณ์ ขั้นตอนการลาออกจากตำแหน่งมีสมาชิก สนช.บางส่วนยื่นหนังสือลาออกต่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.โดยตรง ตามขั้นตอนเมื่อ สนช.แจ้งความจำนงลาออกต่อประธาน สนช. ถือว่ามีผลโดยสมบูรณ์เช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิก สนช.ที่ยื่นหนังสือลาออกต่อประธาน สนช. และเลขาธิการวุฒิสภา ขณะนี้มีประมาณ 80 คนแล้ว สำหรับรายชื่อ สนช.ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น ส.ว. อาทิ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ นายสมชาย แสวงการ นายตวง อันทะไชย นายกล้านรงค์ จันทิก นางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ นายกรรณภว์ ธนภรรคภวิน พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ พล.อ.ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ พล.ร.อ.ชัยวัฒน์ เอี่ยมสมุทร พล.อ.นพดล อินทปัญญา พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร พล.อ.เทพพงศ์ ทิพย์จันทร์ พล.อ.สสิน ทองภักดี พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม
“วิษณุ” พลิ้ว “ปรีชา” ไม่ใช่ลูก–เมีย
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รายชื่อ ส.ว.ทั้ง 250 คนครบแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. จะนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายภายในวันที่ 10 พ.ค.นี้ และต้องรอการโปรดเกล้าฯ จากนั้นจะเป็นการประชุม ส.ว.เพื่อเลือกประธาน รองประธาน จะเป็นวันเดียวกับการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรก็ได้ เคยแนะนำไปว่าเพื่อความสะดวกควรเลือกประธานทั้งสองสภาในวันเดียวกัน เมื่อถามถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์กรณีมีชื่อ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชายนายกฯ เป็น ส.ว. จะเข้าข่ายมีส่วนได้ ส่วนเสียหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่ทราบว่า พล.อ.ปรีชาจะเป็น ส.ว.ตามข่าวหรือไม่ ส่วนประเด็นการมีส่วนได้ส่วนเสียนั้น รัฐธรรมนูญกำหนดให้หัวหน้า คสช. และ คสช. เป็นผู้คัดเลือกและแต่งตั้ง และกำหนดว่า ห้าม ส.ว.เป็นบุพการี คู่สมรส และบุตร กับ ส.ส.เท่านั้น
จ่อขยายเวลาก่อสร้างสภาใหม่
นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทน ราษฎร กล่าวถึงความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ว่า คืบหน้ากว่า 60% โครงสร้างอาคารเสร็จแล้ว เหลือแต่งานตกแต่งภายใน ต้องรอสถาปนิกบริษัทซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เข้าดำเนินการควบคู่กับการติดตั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และสาธารณูปโภค ของบริษัทแอ็ดวานซ์ อินเฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือเอไอที แต่จะไม่เสร็จทันตามกรอบสัญญาจ้างรอบ 3 ที่กำหนดไว้คือวันที่ 31 ธ.ค.นี้ มีความเป็นไปได้ที่ต้องขยายสัญญาจ้างบริษัทซิโน-ไทยฯออกไป เพราะมีความล่าช้าเรื่องติดตั้งระบบไอซีที และระบบสาธารณูปโภคของเอไอทีที่สัญญาจ้างจะครบช่วงเดือน มิ.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม คงไม่ทันการเปิดประชุมรัฐสภาเลือกประธานสภาฯ และนายกฯ
อ่านข่าวล่าสุด เจาะลึกข้อมูลเลือกตั้ง 2562
https://www.thairath.co.th/election