เมืองไทยดูเหมือนจะขาดแคลนผู้นำทางการเมืองที่จะนำพาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าอย่างที่ควรจะเป็น ในจำนวนนักการเมือง  2,000  กว่าคนนั้น  ดูเหมือนจะเป็นนักเลือกตั้งมากกว่าจะเป็นนักการเมืองที่อาสาเข้ามาสร้างบ้านแปลงเมือง

ยิ่งในขณะนี้นักการเมืองส่วนหนึ่งที่มีคุณสมบัติพอที่จะมีความเป็นผู้นำการเมืองก็ถูกเว้นวรรคการเมืองและเกิดปัญหาขัดแย้งทางการเมือง  จนทำให้บุคคลที่อยู่นอกการเมือง  ซึ่งมีความรู้ความสามารถ มีวิสัยทัศน์ มีความซื่อสัตย์สุจริต

ต่างก็ไม่กล้ากระโดดเข้ามาสู่เวทีนี้

แน่นอนต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา  พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร  มีความเป็นผู้นำสูง  มีความรู้ความสามารถ  แต่เมื่อเข้ามาสู่ตำแหน่งสูงสุดด้านหนึ่งก็สร้างความเจริญ มีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้น แต่เนื่องจากการใช้อำนาจในลักษณะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและมีผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง

แม้จะอยู่ในอำนาจนานพอสมควร แต่เมื่อประพฤติปฏิบัติไม่เหมาะสม  ไม่ซื่อสัตย์สุจริต  และไม่เป็นนักประชาธิปไตยแท้จริง

จึงถูกขับไล่และเกิดปัญหาขัดแย้งทางการเมืองมาถึงวันนี้ ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในสังคมไทยที่บ้านเมืองเกิดความไม่ปกติเช่นนี้

เช่นกัน  นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  นายกฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งว่าไปแล้วมีการเตรียมตัวที่จะเป็นผู้นำทางการเมืองมาตั้งแต่เด็กแล้วและก็สามารถผลักดันตัวเองมาสู่จุดสูงสุดได้ในระยะเวลาไม่นานนัก เมื่อได้เป็นนายกฯอายุเพียง 40 กว่าๆเท่านั้น

ถือว่าเป็นนายกฯที่อายุน้อยที่สุด

นอกจากคุณสมบัติที่มีการศึกษาดี ครอบครัวดี มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความมุ่งมั่นที่จะบริหารประเทศชาติไปสู่มิติที่ดีกว่า แต่ทว่าเมื่อเข้ามาทำงานจริงๆก็เกิดปัญหาในเรื่องประสบการณ์ การไม่ติดดิน มนุษยสัมพันธ์กับแวดวงการเมืองทิ้งระยะห่างมากเกินไป

แม้จะพูดกันว่ามีการตัดสินใจที่เด็ดขาด อดทน นิ่ง แต่เนื่องจากภาวะบ้านเมืองที่เกิดปัญหาขัดแย้งอย่างรุนแรงนั่นทำให้เป็นอุปสรรคในการทำงานอย่างมาก  แม้จะผ่านสถานการณ์ต่างๆมาได้  แต่ก็ยังไม่โดดเด่นในการแก้ปัญหาของชาติ

เหตุหนึ่งคงเป็นเพราะแม้จะกล้าตัดสินใจแต่ก็ยังเชื่องช้าไม่ทันการณ์จนเกิดปัญหาลุกลามในขณะนี้ทั้งเรื่องน้ำมันปาล์ม สินค้าต่างพาเหรดกันขึ้นราคาอย่างต่อเนื่อง ปัญหากับประเทศเพื่อนบ้าน ปัญหาภาคใต้และอื่นๆ

หรือแม้แต่การแก้ไขปัญหาขัดแย้งทางการเมืองก็ยังไม่สามารถเดินหน้าไปสู่จุดที่ปรองดองกันได้  ผลที่เกิดขึ้นจึงทำให้ความนิยมลดลงไปอย่างมาก

ดร.สมคิด  จาตุศรีพิทักษ์  อดีตรองนายกฯและรัฐมนตรีคลัง  ซึ่งถูกเว้นวรรคการเมืองและถูกคาดหมายว่าน่าจะเป็นผู้นำการเมืองรุ่นใหม่คนหนึ่งและกำลังรอจะเดินหน้าอีกครั้งหนึ่ง ได้กล่าวถึงผู้นำการเปลี่ยนแปลงเอาไว้อย่างสนใจ  ยกย่องผู้นำจีนรุ่นใหม่ทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้าและประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น

คุณสมบัติของผู้นำการเมืองที่จะทำให้ประเทศได้ต้องมี 4 ประการ

1.ต้องมีเจตนาจริงในการนำการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น 2.ผู้นำที่จะต้องมองล่วงหน้าอย่างทะลุปรุโปร่งว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น หากเกิดปัญหาจะมีแนวทางรับมืออย่างไร 3.มีความสามารถในการสื่อสารกับคน  ทำให้เห็นด้วยกับแนวคิดของตนเพราะคนเป็นผู้นำจะต้องมีผู้ตาม 4.มีศิลปะในการบริหารความเปลี่ยนแปลง  คือรู้จักวิทยาการในการใช้คนให้คนรู้สึกดีกับผู้นำ และผู้นำต้องมีความอดทนไม่ท้อถอย

เหลือบแลนักการเมืองไทยในขณะนี้ดูเหมือนว่าจะหาคนที่ครบเครื่อง  4  ประการนี้ยากเหลือเกิน  แม้จะมีดีอยู่อย่างหนึ่งแต่ก็เสียอย่างหนึ่งไม่ครบเครื่องสมบูรณ์แบบ

บ้านเมืองมันจึงเดินหน้าไม่ได้  มิหนำซ้ำยังย่ำแย่ลงไปอีก.

...

"สายล่อฟ้า"