"ณัฏฐพล" ขอ อย่านำคะแนนเลือกตั้งที่เพิ่มขึ้นหลังกกต.ประกาศผล 100%  มาเป็นประเด็นการเมือง ชี้ คะแนนเพิ่มทุกพรรค พลังประชารัฐ ยังได้เพิ่มน้อยกว่า เพื่อไทยและอนาคตใหม่ 

วันที่ 30 มี.ค. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวให้ความเห็นกรณีการประกาศผลการนับคะแนนล่าสุดของ กกต. ว่า โดยปกติ พรรคการเมืองใหญ่แทบทุกพรรค และ ส.ส. ที่ลงสมัครในเขตนั้นๆ ลงทุน ลงแรงมากในการหาเสียงแต่ละครั้ง ดังนั้น ทุกครั้งหลังการลงคะแนนเสียง ปิดหีบ ก็จะมีการส่งคนหรือตัวแทน ไปเฝ้าดูการนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งทุกหน่วย แบบไม่กะพริบตา เฝ้าจดคะแนนและแทบจะเป็นคะแนนที่ส่งเข้าพรรคในทันที ดังนั้น จะแพ้ หรือชนะ น่าจะทราบและเห็นผลกันชัดเจนในระดับหน่วยเลือกตั้งย่อยนั้นๆ โดยข้อมูลทั่วไป ก็จะมีใครได้คะแนนเท่าไร มีคนมาใช้สิทธิ์ บัตรดี บัตรเสีย นี่คือคะแนนดิบระดับหน่วยเลือกตั้ง ที่คนจากทางแต่ละพรรค กับ กกต.เขตตรงกัน หรือคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงเห็นว่าทุกพรรคการเมือง ก็จะมีคะแนนที่ใกล้เคียงกับ กกต. อย่างไม่ต้องสงสัย ยกเว้น เขตที่คะแนนพรรคที่ส่งเข้ามามี ชนะกลายเป็นแพ้ ทาง ส.ส. ผู้สมัคร และพรรคนั้นๆ ก็จะร้องเรียนทันทีเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง

ทั้งนี้ หลังปิดหีบลงคะแนน 24 มี.ค. กกต.แถลงผลการลงคะแนน 95% ว่ามีผู้มาใช้สิทธิ์ 65.96% รวมจำนวน 33,775,230 คน และเมื่อวันที่ 28 มี.ค. กกต.แถลงผลการลงคะแนน 100% โดยผู้มาใช้สิทธิ์เพิ่มขึ้นเป็น 74.69% จำนวนเพิ่มเป็น 38,268,375 คน 4 วัน มีบัตรเพิ่มเติมเข้ามา 4,493,145 ใบ โดยมีสัดส่วนคะแนนแต่ละพรรคดังนี้

พรรคพลังประชารัฐจาก 7.94 เป็น 8.43 เพิ่ม 6.23%, พรรคเพื่อไทย จาก 7.4 เป็น 7.9 เพิ่ม 6.71%, พรรคอนาคตใหม่ จาก 5.87 เป็น 6.27 เพิ่ม 6.74% และ พรรคประชาธิปัตย์ จาก 3.7 เป็น 3.95 เพิ่ม 6.57%

...

ซึ่งสัดส่วนคะแนนก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก ทุกพรรคก็เฉลี่ยเพิ่มคะแนนกันอย่างความน่าจะเป็น ดังนั้น จึงขออย่าพยายามใช้ประเด็น การเพิ่มขึ้นมาของคะแนนนั้น เป็นประเด็นการเมือง เพราะสัดส่วนคะแนนที่เพิ่มของพรรคพลังประชารัฐ ได้น้อยกว่า ทั้งพรรคเพื่อไทย และอนาคตใหม่ พร้อมติดแฮชแท็ก #หยุดสร้างความแตกแยกในประเทศไทย #ตั้งไม่ได้ #เลิกใส่ร้ายพรรคอื่น