ตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)จำนวน 15 คนเข้ายื่นหนังสือให้นายกรัฐมนตรี ตรวจสอบการบริหารงานภายใต้การกำกับของ ประธานกรรมการ และ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บมจ.อสมท.อ้างบริหารงานขาดความโปร่งใส ไม่มีธรรมาภิบาล

เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล ตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)  นำโดยนางอรวรรณ ชูดี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ.อสมท. ได้เข้ายื่นหนังสือถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้ตรวจสอบการบริหารงานภายใต้การกำกับของนายสุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการ บมจ.อสมท. และนายธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท.ที่อาจมีพฤติกรรมการปฏิบัติหน้าที่ไม่รักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯ ไม่โปร่งใส ขาดหลักธรรมาภิบาล และประสิทธิภาพในการทำงาน จนส่งผลกระทบต่ออนาคตขององค์กร

ทั้งนี้ การยื่นหนังสือให้ตรวจสอบการทำงานของนายสุรพลกับนายธนวัฒน์ครั้งนี้ เป็นผลมาจากการนัดหารือพนักงาน บมจ.อสมท.เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา จนได้ขอยุติร่วมกันว่าจำเป็นต้องยื่นหนังสือให้นายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับการบริหารราชการแผ่นดินพิจารณาตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายใน บมจ.อสมท.ดังนี้ 1. มีการปฏิบัติหน้าที่ไม่โปร่งใส ไม่รักษาผลประโยชน์ของ บมจ.อสมท.จากกรณีการกำกับดูแลคู่สัญญาสัมปทานช่อง 3 ที่ต่อสัญญาไปอีก 10 ปี โดยได้รับค่าตอบแทนคงที่ตลอดอายุสัญญาจำนวน 2,002 ล้านบาท ขณะที่ประธานกรรมการ  บมจ.อสมท.เจรจาขอให้ช่อง 3 ชดเชยค่าเสียหายจำนวน 405 ล้านบาท แต่ยังมีข้อโต้แย้งจากบุคคลภายนอก กรรมการบมจ.อสมท.ส่วนหนึ่ง จนเกรงว่าท้ายที่สุดจะทำให้ บมจ.อสมท. จะเสียผลประโยชน์ รวมถึงกรณีการให้บริษัททรูวิชั่นส์มีโฆษณาตามมติคณะกรรมการ บมจ.อสมท.ซึ่งมีการระบุให้จ่ายค่าตอบแทนเพิ่มเป็นเงินร้อยละ 6.5 ของรายได้ ก่อนหักค่าใช้จ่าย แต่จนถึงขณะนี้ บมจ.อสมท.ยังไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ

อีกทั้งกรณีการจัดหาวัสดุด้วยวิธีระบบพิเศษ เทเลพรีเซนซ์ ระยะเวลา 24 เดือนในวงเงิน 24 ล้านบาท โดยอ้างถึงการไปดูงานของกรรมการ บมจ.อสมท.ที่มีบริษัท ซีสโก้ ซีสเตมส์ สหรัฐอเมริกา ทำให้มีการตั้งเรื่องจัดหาอุปกรณ์ดังกล่าวด้วยวิธีพิเศษ อ้างว่ารองรับการสื่อสารประชุมทางไกลกับบุคคลสำคัญที่ทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภา ทั้งที่ บมจ.อสมท. มีรถถ่ายทอดสัญญาณดาวเทียมและห้องส่งที่พร้อมรองรับภารกิจต่างๆ อยู่แล้ว

2. การบริการที่ขาดหลักธรรมาภิบาล ความโปร่งใส สร้างความแตกแยกภายในองค์กร มีการล้วงลูกการบริหาร การปรับปรุงโครงสร้างองค์กร แต่ปิดกั้นการมีส่วนร่วมของพนักงาน โดยเฉพาะความพยายามผลักดันให้มีการบรรจุผู้บริหารสัญญาจ้าง โดยจะให้ลูกจ้างสัญญาจ้างใน บมจ.อสมท.เฉพาะ 3 ตำแหน่งคือ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน (ซีเอฟโอ) และผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานตรวจสอบภายใน ซึ่งไม่มีหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งใดทำเช่นนี้ เป็นการปิดกั้นโอกาสในการสรรหาบุคลากรมืออาชีพในตำแหน่งหลักได้อย่างเปิด กว้าง และสอดคล้องกับความจำเป็นทางธุรกิจ และยังเป็นการบั่นทอนขวัญกำลังใจพนักงานในการเติบโตตามสายงาน

นอกจากนี้ยังมีการจ้างบริษัทปรับปรุงโครงสร้างองค์กรซึ่งมีความพยามปิดกั้น การมีส่วนร่วมจากสหภาพฯ ไม่มีการรับฟังความคิดเห็นจากพนักงาน อีกทั้งระหว่างนี้ได้มีการใช้อำนาจแต่งตั้งโยกย้ายพนักงานหลายระดับโดยไม่ผ่านสำนักทรัพยากรมนุษย์ รวมทั้งมีการแต่งตั้งบุคคลใกล้ชิดกรรมการผู้อำนวยการใหญ่มาดำรงตำแหน่งรักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักเลขานุการบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสีย เนื่องจากคณะกรรมการ บมจ.อสมท.ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ ประเมินผลงานของกรรมการผู้อำนวยการใหญ่

3. ขาดประสิทธิภาพเชิงบริหาร กระทบต่ออนาคตขององค์กร มีความล่าช้าในการเตรียมแผนรองรับ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และพ.ร.บ.ประกอบกิจการฯ ไม่มีความชัดเจนเรื่องแผนงานของธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะการจัดซื้ออุปกรณ์จำนวนหลายร้อยล้านบาท แผนการเช่าสัญญาดาวเทียมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งที่คาดว่าจะมีกำไรเพียงปีละ 20 ล้านบาทเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวกับตัวแทนสหภาพที่เข้ายื่นหนังสือตอนหนึ่งว่า ขอให้สหภาพฯรวบรวมประเด็นปัญหาเข้ามา เรื่องไหนที่คิดว่าไม่โปร่งใสเสนอมา และตนจะส่งเรื่องไปยังรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ เพื่อทำหนังสือถึงผู้บริหาร อสมท.และประธานบอร์ด อสมท.เพื่อให้ชี้แจงข้อกล่าวหาต่างๆ ทั้งเรื่องของค่าโฆษณาของทรูวิชั่น ไปเจรจาความเสียหายให้ประธานบอร์ดชี้แจง ที่ไปเรียกค่าเสียหายจากช่อง 3 คืออะไร พร้อมกับยืนยันว่า เรื่องของการจัดหาวัสดุพิเศษระบบเทเล พรีเซนซ์ ไม่เกี่ยวสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นเรื่องที่สำนักนายกฯ มีโครงการนี้อยู่แล้ว เพียงแต่อยู่ที่การศึกษาความคุ้มค่าระหว่างการเช่าหรือซื้อมา ไม่เกี่ยวกันเป็นเรื่องที่ ผอ.อสมท.ต้องชี้แจงกับทางสหภาพฯ.

...