สั่งล่า-คนปลอมแปลงคำสั่งปลด ผบ.เหล่าทัพ ไทยรัฐทีวีดีเบต 7 พรรค

ไทยรักษาชาติสับขาหลอกทำสื่อเก้อ ตั้งโต๊ะพานพุ่มเงิน-พานพุ่มทอง แต่สั่งยกเลิกกะทันหัน “ปรีชาพล” ยังกบดานนิ่งงดประชุม กก.บห. “ชยิกา” ยันภาพทำบุญใหม่ๆสดๆ กกต.จ่อดึงคนนอกร่วมสอบยุบ ทษช. รับรองบัญชีรายชื่อนายกฯ 45 พรรค 69 รายชื่อ แต่ไม่รวมของ ทษช. “รุ่งเรือง” กลัวติดร่างแหรีบโดดหนี “บิ๊กตู่” สั่งล่าตัวบิดเบือนข่าวปลด ผบ.เหล่าทัพ ย้ำสัมพันธ์กองทัพยังดี สลค.แจ้งความ บก.ปอท.จัดการ “บิ๊กป้อม” เมินลือปฏิวัติซ้อน โฆษก กห.ยันรัฐบาล-กองทัพเต็มร้อย “ธนาธร” ลั่นถ้า ปว.ออกมาค้านแน่ พท.สั่งลูกทีมงดวิจารณ์การเมือง “มาร์ค” ย้ำยังไม่ถึงบทรัฐบาลเฉพาะกาล หุ้น “ตระกูลชิน” ติดตัวแดงเถือก “ทักษิณ” จัดกู๊ดมันเดย์ปกติ ไทยรัฐทีวีเปิดเวทีดีเบตนัดปฐมฤกษ์

ทุกฝ่ายยังจับตาความเคลื่อนไหวของ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ รวมถึงทีมกรรมการบริหารพรรค ที่เก็บตัวเงียบมาหลายวัน แต่ยังคงมีการปล่อยภาพการปรากฏตัวตามสถานที่ต่างๆ ท่ามกลางความสงสัยว่าเป็นภาพปัจจุบัน หรือเป็นภาพเก่าในอดีต

...

“รุ่งเรือง” รีบโดดหนีสละเรือ ทษช.

เมื่อเวลา 10.15 น. วันที่ 11 ก.พ. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายรุ่งเรือง พิทยศิริ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) นำหนังสือที่ยื่นลาออกจากการเป็นสมาชิก และกรรมการบริหารพรรค มาแสดงต่อ กกต.เพื่อยืนยันว่าลาออกแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่พรรคมีมติเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี นายรุ่งเรืองกล่าวว่า ยื่นหนังสือลาออกต่อหัวหน้าพรรคไปเมื่อวันที่ 4 ก.พ. โดยคุยกับครอบครัวแล้วไม่อยากให้ทำงานการเมือง เพราะลูกอายุน้อยอยู่ในวัยที่ต้องการเวลาจากพ่อแม่ จนช่วงเช้าวันที่ 4 ก.พ. จึงตัดสินใจยื่นหนังสือลาออกต่อหัวหน้าพรรค ไม่ใช่เป็นการชิงลาออกเพราะทราบว่า วันที่ 4 ก.พ. จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อมีมติส่งแคนดิเดตนายกฯ เรื่องบัญชีนายกฯ เป็นเรื่องที่ตนไม่ชำนาญ การลาออกก็ต้องดูเวลาที่เหมาะสม อย่าเรียกว่าชิงลาออกเลย ที่มายื่นยืนยันกับ กกต.อีกครั้ง เนื่องจากเห็นว่าประชาชน และสื่อให้ความสนใจ อยากสร้างความมั่นใจให้กับตนเองว่า ทาง กกต.รับทราบเรื่องที่ตนได้ยื่นหนังสือลาออกแล้ว

“ศรีสุวรรณ” ร้อง กกต.ยุบพรรค

ต่อมาเวลา 10.20 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นหนังสือต่อประธาน กกต. และนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยและยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า การกระทำของพรรคไทยรักษาชาติ ขัดต่อระเบียบกฎหมาย หรือขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ต้องดำเนินการให้ได้ข้อยุติอย่างหนึ่งอย่างใดโดยเร็ว ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. เลขาธิการ กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ต้องเร่งรวบรวมข้อเท็จจริงเสนอให้คณะกรรมการ กกต.มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพื่อยุบพรรค ทษช. ต่อไป หาก กกต.ดำเนินการได้อย่างรวดเร็วภายในสัปดาห์นี้ แล้วส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญทันที การวินิจฉัยก็จะแล้วเสร็จภายใน 30 วัน ทันก่อนการเลือกตั้งแน่นอน แต่หาก กกต.ดำเนินการชักช้าหรือปล่อยให้เป็นไปตามปกติ พรรคไทยรักษาชาติยังมีสิทธิหาเสียงและเข้าสู่การเลือกตั้ง ความวุ่นวายทางการเมืองจะหวนกลับมา

ถกคำร้อง “ไพบูลย์” รอบคอบ

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวก่อนเข้าประชุมว่า การประชุม กกต.วันนี้ เพื่อพิจารณาคำร้องที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ยื่นให้ กกต.วินิจฉัยกรณีที่พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.)เสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ที่อาจเข้าข่ายขัดต่อระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีหาเสียง และลักษณะต้องห้ามในการหาเสียง ส.ส. ข้อ 17 ที่กำหนดห้ามผู้สมัคร พรรคการเมือง หรือผู้ใดนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง ยืนยันว่าจะศึกษาอย่างรอบคอบรอบด้าน หลายมิติ ทั้งข้อกฎหมายและประเด็นที่เกี่ยวข้องไปพร้อมกับการพิจารณาคุณสมบัติแคนดิเดตนายกฯของแต่ละพรรค ที่ กกต.ปิดรับสมัครไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไม่รับรองบัญชีนายกฯ ทษช.

จากนั้นเวลา 15.50 น. ภายหลังการประชุม สำนักงาน กกต.ออกเอกสารข่าวแจ้งว่า กกต.มีประกาศ กกต.เรื่องการแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองจะเสนอให้รัฐสภาพิจารณาแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยไม่รวมถึงพระนามของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน ราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ซึ่งได้รับการเสนอชื่อโดยพรรคไทยรักษาชาติ เพราะพระบรมราชวงศ์ทุกพระองค์ ทรงอยู่ในหลักการเกี่ยวกับการดำรงอยู่เหนือการเมือง และความเป็นกลางทางการเมืองของพระมหากษัตริย์ด้วย ไม่สามารถดำรงตำแหน่งใดๆในทางการเมืองได้ เพราะจะขัดกับเจตนารมณ์ของ รัฐธรรมนูญ และประเพณีการปกครองระบอบประชา-ธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งนี้ตามพระราชโองการ ประกาศสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งประกาศ ณ วันที่ 8 ก.พ. ประกอบรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

ผ่านหมด 45 พรรค 69 รายชื่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประธาน กกต.ลงนามประกาศรับรองรายชื่อผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ จาก 45 พรรคการเมือง รวม 69 รายชื่อ อาทิ พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นายชัยเกษม นิติสิริ พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคชาติไทยพัฒนา น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา พรรคชาติพัฒนา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล นายเทวัญ ลิปตพัลลภ พรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พรรคเสรีรวมไทย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส พรรคประชาชาติ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง น.ส.ณหทัย ทิวไผ่งาม พรรคพลังไทยรักไทย พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา พรรค สังคมประชาธิปไตยไทย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ฯลฯ

ได้ข้อสรุปตั้งกรรมการสอบ ทษช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม กกต.ได้ข้อสรุปตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีมีการร้องขอให้ตรวจสอบว่าการกระทำของพรรคไทยรักษาชาติ ที่เสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่าเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 เป็นเหตุให้ กกต.ต้องเสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาสั่งยุบพรรคหรือไม่ โดยเห็นว่าคณะกรรมการไต่สวนควรมีจำนวน 5-7 คน และมีคนนอกเข้ามาร่วมมากกว่าคนใน เนื่องจากเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวข้องกับสถาบันเบื้องสูง ผลการสอบสวนต้องได้รับการยอมรับจากบุคคลภายนอก จึงให้สำนักงานไปพิจารณาตัวบุคคลแล้วมาเสนอต่อที่ประชุม กกต. เพื่อให้มีคำสั่งแต่งตั้งต่อไป โดยจะมีการประชุม กกต. เพื่อพิจารณารายละเอียดอีกครั้งในวันที่ 12 ก.พ.

ทษช.สับขาหลอกทำสื่อรอเก้อ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคไทยรักษาชาติว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามีแกนนำบางส่วนทยอยเดินทางเข้ามาที่พรรค เช่น นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง นพ.เหวง โตจิราการ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ทีมเศรษฐกิจ นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ เหรัญญิกพรรค นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ รวมถึงประชาชนจำนวนหนึ่งเดินทางมาให้กำลังใจที่พรรค ต่อมาช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่พรรคได้แจ้งกับสื่อมวลชนที่มาติดตามความเคลื่อนไหวว่า เวลา 17.00 น. จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค โดย ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค จะเป็นประธานในที่ประชุมด้วยตัวเอง และจะมีการแถลงข่าวเวลา 17.30 น. แต่เมื่อถึงเวลา 17.05 น. เจ้าหน้าที่พรรคแจ้งสื่อมวลชนว่าต้องเลื่อนการประชุมออกไปก่อน เนื่องจากเป็นการนัดประชุมด่วน ทำให้องค์ประชุมไม่ครบ และ กรรมการบางส่วนอยู่ต่างจังหวัด และยังมีการกำหนดว่าจะประชุมอีกครั้งเมื่อใด

“ชยิกา” ยันภาพทำบุญใหม่สด

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แม้กรรมการบริการพรรคจะไม่เดินทางมาที่พรรค แต่ทุกคนยืนยันว่ายังปลอดภัยอยู่ในที่ตั้ง และไม่ได้ถูกควบคุมตัวตามที่มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ในช่วงบ่าย ทางเจ้าหน้าที่พรรคได้ตั้งโต๊ะพานพุ่มเงิน พานพุ่มทอง และพระฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 บริเวณห้องแถลงข่าวชั้นหนึ่งของพรรค แต่ภายหลังมีการย้ายไปไว้ที่ชั้นสองของที่ทำการพรรคแทน

ขณะที่ น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ นายทะเบียนพรรคไทยรักษาชาติ เปิดเผยถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า การโพสต์ภาพร่วมทำบุญกับ ร.ท.ปรีชาพล เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา อาจไม่ใช่ภาพถ่ายในปัจจุบัน อาจเป็นภาพถ่ายในอดีตนั้น ยืนยันว่าภาพที่เกิดขึ้นเป็นภาพที่ถ่ายเมื่อวันที่ 10 ก.พ.จริงๆไม่ได้เป็นภาพเก่าตามที่มีการตั้งข้อสังเกต และแกนนำพรรคก็ทราบสามารถยืนยันได้

“อ๋อย” แย้มผละไปทำงานอดิเรก

ช่วงค่ำ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ ที่ไม่มีความเคลื่อนไหวมาหลายวัน ได้ตอบทวิตเตอร์ที่มีคนสอบถามเข้ามาว่า “ท่านเงียบไปเป็นห่วงค่ะ เขาจะหาทางยุบพรรคไหมคะ” ว่า “ยังไม่อยู่ในสถานะจะชี้แจงอะไรครับ ถ้ามีเวลาจะเขียนเรื่องที่สนใจเป็นงานอดิเรกบ้าง”

“เจ๊หน่อย” ปัดไม่เกี่ยวกับ ทษช.

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย กล่าวยืนยันว่า การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรคไทยรักษาชาติ ไม่มีผลกระทบกับพรรคเพื่อไทย เพราะเป็นคนละพรรค และไม่สามารถตอบปัญหาที่เกิดขึ้นแทนพรรคไทยรักษาชาติได้ แม้จะมีอดีตสมาชิกพรรคเพื่อไทยไปสังกัดพรรคไทยรักษาชาติ แต่เมื่อมีพระราชโองการ ทุกฝ่ายต้องน้อมรับไว้เหนือเกล้าฯ ส่วนตัวยังไม่ได้มีการพูดคุย หรือให้กำลังใจอดีตสมาชิกเพื่อไทย ส่วนจะมีผลกระทบต่อการร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาลในอนาคตหรือไม่นั้น หน้าที่ของพรรคตอนนี้คือการเดินหน้านำเสนอนโยบาย นำเสนอแนวคิด ที่จะนำบ้านเมืองไปสู่ความสงบสุขอย่างมีอนาคต ยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด มองว่าเมื่อทุกพรรคลงสนามแล้วต้องแข่งขันกันอย่างสร้างสรรค์ พรรคเพื่อไทยมีจุดมุ่งหมายคือการเร่งฟื้นเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ และเพิ่มพลังให้ประชาชนคนไทยทุกคน

โฆษกฯแจงจัดโต๊ะหมู่ซื้อมาใหม่

ขณะที่นายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ โฆษกพรรคไทยรักษาชาติ โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงการจัด โต๊ะหมู่บูชาและพระฉายาลักษณ์ของพรรคไทยรักษาชาติ ว่า ขอชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการจัดตั้ง โต๊ะหมู่บูชา และพระฉายาลักษณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เนื่องจากมีการจัดซื้อโต๊ะหมู่บูชาและปรับปรุงสถานที่ของพรรค จึงมีการโยกย้ายวัสดุอุปกรณ์และจัดวางโต๊ะหมู่บูชาเป็นการชั่วคราว เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของเจ้าหน้าที่พรรค ขณะเดียวกันในช่วงเวลานั้น เป็นช่วงที่มีสื่อมวลชนเข้าไปถ่ายภาพพอดี เมื่อทางพรรคทราบข่าวจึงสั่งให้แก้ไขและดำเนินการให้ถูกต้องเป็นที่เรียบร้อยในทันที ทางพรรคต้องขออภัยสำหรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

ล่าตัวปลอมข่าวปลด ผบ.เหล่าทัพ

ช่วงเช้า ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ครั้งที่ 2/2562 โดยก่อนประชุมระหว่างที่นายกฯเดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้าไปยังตึกภักดีบดินทร์ ผู้สื่อข่าวพยายามตะโกนถามถึงกระแสข่าวลือมีคำสั่งหัวหน้าคสช. ปลด ผบ.เหล่าทัพ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์หันมาถาม คณะทำงานว่า สื่อถามอะไร เมื่อได้รับคำตอบว่า ถามถึงข่าวลือ พล.อ.ประยุทธ์ได้ตะโกนกลับมาว่า เดี๋ยวจะออกมาให้ข้อมูลหลังการประชุม ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “กำลังตรวจสอบอยู่ เดี๋ยวจะลงโทษพวกปล่อยข่าวปลอม” ขณะที่คนใกล้ชิดนายกฯระบุว่า ข่าว พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปประเทศเยอรมนีช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมานั้น ไม่เป็นความจริง พล.อ.ประยุทธ์ทราบดี ยืนยัน ว่าไม่ได้เดินทางไปไหนทั้งสิ้น

สั่งทุกหน่วยป้องกันข่าวบิดเบือน

ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบูรณาการสร้างการรับรู้สู่ชุมชน มีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และข้าราชการระดับสูงร่วมพิธี ทันทีที่นายกฯมาถึง ได้กล่าวกับผู้ร่วมงานว่า “ขอให้ทุกคนช่วยกันทำความดี” จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปาฐกถาว่า สถานการณ์ปัจจุบันมีข่าวปลอม ข่าวเท็จ ข่าวบิดเบือนแพร่หลายในโซเชียลมีเดียและสื่อบางฉบับ สร้างความสับสนอลหม่านมาก ถือเป็นอันตรายที่สุด เราต้องสร้างภูมิคุ้มกัน สร้างการรับรู้ ไม่ว่าจะออกคำสั่งมาตรา 44 หรือประกาศราชกิจจานุเบกษา ทุกหน่วยงานต้องส่งข้อมูลให้กระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยงานกลางทำความเข้าใจประชาชนระดับพื้นที่ ที่มีหอกระจายข่าว 7 หมื่นแห่งทั่วประเทศ

ติง ภท.จัด ครม.สัญจรทุกสัปดาห์

พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทย ระบุว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาลจะจัดประชุม ครม. สัญจรเกือบทุกสัปดาห์ ว่า มันใช่หรือไม่ รัฐบาลนี้ลงพื้นที่ไปรับฟังข้อเสนอจากระดับจังหวัด เพื่อมาดูนโยบายและความต้องการ ก่อนให้ ครม.อนุมัติต่อไป สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งกับตนเพื่อให้เป็นแนวทางการทำงานว่า ต้องทำให้ประชาชนมีความสุข มีทางออก สังคมต้องมีระเบียบวินัย ทุกคน พร้อมทำงานจิตอาสา ทำความดีเพื่อสังคมและประเทศชาติ ทุกคนต้องเคารพกฎหมาย ไม่มีการเลือกปฏิบัติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ได้หยิบหนังสือ “หลักราชการ” พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นมาแนะนำให้ผู้เข้าร่วมงาน ข้าราชการทุกคน น้อมนำเป็นแนวทางการปฏิบัติที่ว่าด้วยหลักทำงาน 10 ข้อ 1.ความสามารถ 2.ความเพียร 3.ความไหวพริบ 4.ความรู้เท่าถึงการณ์ 5.ความซื่อตรงต่อหน้าที่ 6.ความซื่อตรงต่อคนทั่วไป 7.ความรู้จักนิสัยคน 8.ความรู้จักผ่อนผัน 9.ความมีหลักฐาน และ 10.ความจงรักภักดี อยากให้ทุกคนไปศึกษาเรียนรู้และนำไปประยุกต์ใช้จริงในชีวิต

ย้ำสัมพันธ์กับกองทัพยังดี

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวลือและข่าวปลอมเพิ่มเติมว่า อันตรายมาก ไม่ทราบเหตุผลว่าทำเพราะอะไร ปล่อยข่าวในโซเชียลมากมายไปหมด ข่าวปลด ผบ.เหล่าทัพเป็นไปไม่ได้ หากเป็นจริงตนต้องแจ้งอยู่แล้วเรื่องจะโยกย้ายหรือออกคำสั่งที่ต้องผ่านขั้นตอนต่างๆไม่สามารถใช้มาตรา 44 แต่งตั้งหรือปลดใครได้ทุกตำแหน่ง ใช้เฉพาะกับคนที่มีปัญหาเท่านั้น ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหากับใครทั้งสิ้น ขอสื่ออย่าเขียนว่าสถานการณ์กับเหล่าทัพไม่ดี ดีมาโดยตลอด เป็นพี่น้องกันมานาน หลายสิบปี ถือเป็นภาระความผูกพัน ถ้าทุกคนต่างทำความดีต้องส่งเสริมซึ่งกันและกัน หากไม่ดีและเขาไม่ชอบก็ต้องยอมรับ ต้องยอมรับกันและกัน ฝากสื่อแก้ไขด้วย

ไม่เคยไปล้วงลูกโผโยกย้าย

เมื่อถามว่า เป็นแคนดิเดตนายกฯพรรคพลังประชารัฐแล้ว บทบาทหลังจากนี้ต่อ ผบ.เหล่าทัพจะเป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ที่ผ่านมาวางบทบาทไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายกองทัพ เพียงแค่อนุมัติและเซ็นนำขึ้นทูลเกล้าฯถวายเท่านั้น การคัดกรองเป็นเรื่องของคณะกรรมการ เมื่อถามว่ามั่นใจว่าพลังประชารัฐจะได้รับชัยชนะหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า เป็นเรื่องของพรรค การที่พลังประชารัฐเสนอชื่อก็ขอขอบคุณ ส่วนจะได้เป็นนายกฯอีกหรือไม่ เป็นเรื่องของพรรค แต่วันนี้ขอทำงานในส่วนของรัฐบาล ถือว่าสำคัญที่สุดในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพราะไม่มั่นใจว่าในวันหน้าหลายอย่างที่ทำอยู่จะได้รับการสืบสานหรือไม่ เราควรห่วงเรื่องนี้มากกว่า เมื่อถามว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาอึดอัดใจหรือไม่ นายกฯตอบว่า “ไม่อึดอัด จะอึดอัดอะไรเล่า ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง”

สลค.แจ้งความ บก.ปอท.จัดการ

พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) มอบหมายให้ น.ส.สาวิตรี ชำนาญกิจ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เข้าแจ้งความดำเนินคดีหาตัวผู้กระทำความผิดที่ปล่อยข่าวเรื่องปลด ผบ.เหล่าทัพแล้ว

วันเดียวกัน เวลา 11.00 น. ที่ บก.ปอท. น.ส.สาวิตรี ชำนาญกิจ เดินทางมาพบ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.3 บก.ปอท. พ.ต.ท.อธิลักษณ์ หวังสิริวรกุล รอง ผกก. (สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลที่กระทำการปลอมราชกิจจานุเบกษาตามที่เป็นข่าว โดย น.ส.สาวิตรีปฏิเสธให้สัมภาษณ์ ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ กล่าวว่า จะให้ฝ่ายสืบสวน บก.ปอท.หาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี เบื้องต้นอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

“ป้อม” เมินลือรัฐประหารซ้อน

ที่ห้องภาณุรังษี กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการถวายความปลอดภัย งานพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกฯ มีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ปลัดกระทรวงกลาโหม ตัวแทน ผบ.เหล่าทัพร่วมประชุม พล.อ.ประวิตรปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงกระแสข่าวลือการรัฐประหารซ้อน โดยกล่าวสั้นๆว่าไม่มีอะไร เมื่อถามย้ำว่า นายกฯมีคำสั่งให้จับกลุ่มคนที่ปล่อยข่าว พล.อ.ประวิตรตอบว่า ขอให้จับได้ก่อน ทั้งนี้ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด ติดภารกิจงานที่ บก.ทสส. ส่วน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. มอบหมาย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. ประชุมแทน โดยมีรายงานว่า ผบ.ทบ.เพิ่งเดินทางกลับจากราชการต่างประเทศ ด้าน พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร. มีกำหนดการต้อนรับ ผบ.ทร.กัมพูชา ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ ส่วน พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผบ.ทอ. มีภารกิจที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ

รัฐบาล-กองทัพยังปึ้ก 100%

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรให้ฝ่ายความมั่นคงติดตามการบิดเบือน การเชื่อมโยงข้อมูลอันเป็นเท็จ ดำเนินการเอาผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เมื่อถามว่า วัตถุประสงค์ของผู้ปล่อยข่าวหวังอะไร พล.ท.คงชีพตอบว่า ต้องตั้งคำถามกลับไปว่าการกระทำดังกล่าวใครได้ประโยชน์ ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณติดตามข่าวสารที่เป็นจริงจากราชการ และอย่าตื่นตระหนก เมื่อถามว่า หน่วยข่าวได้รับรายงานว่ามาจากฝ่ายการเมืองหรือไม่ พล.ท.คงชีพตอบว่า กำลังติดตามความเชื่อมโยงทุกฝ่าย ถือว่าเป็นกลุ่มที่ไม่ประสงค์ดีต่อประเทศชาติ และปีนี้เป็นปีมหามงคลของคนไทย ส่วนที่มีการติดแฮชแท็กรัฐประหารนั้น อย่าตื่นตระหนกกับการเคลื่อนย้ายกำลังของกองทัพ เป็นการฝึกปกติไม่เกี่ยวกับรัฐประหาร เมื่อถามย้ำว่ารัฐบาลและเหล่าทัพยังเป็นเอกภาพอยู่หรือไม่ พล.ท.คงชีพตอบว่า ร้อยเปอร์เซ็นต์กองทัพเหนียวแน่นเป็นหนึ่งเดียว ทหารเป็นสถาบันหลักทำหน้าที่เป็นหลักประกันความมั่นคง ขอให้เชื่อมั่นว่ากองทัพทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมและประเทศชาติ

คสช.ชี้ทำเป็นขบวนการมีนัย

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. กล่าวว่า การสร้างเรื่องเท็จ มุ่งประสงค์ให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด อาจหวังให้สังคมเกิดความวุ่นวาย จึงขอความร่วมมือสื่อมวลชนและประชาชนหลีกเลี่ยงการส่งต่อข่าวเท็จ อาจเข้าข่ายความผิดทางกฎหมายได้ มีข้อสังเกตว่าอาจกระทำลักษณะเป็นขบวนการ หวังให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างมีนัย โดยเฉพาะกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศในห้วงเวลาสำคัญนี้ การนำเสนอข้อมูลใดๆ ควรอยู่ในกรอบกติกาอย่างเหมาะสม รวมถึงรู้เท่าทันต่อวิธีการต่างๆ ของผู้ที่ไม่หวังดีต่อสังคมและประเทศชาติ

สมช.รอเช็กเป้าหมายพวกป่วน

พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความ มั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบข่าวลือทั้งหมดที่ออกมาช่วงนี้ เป็นขบวนการเดียวกันหรือไม่ ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนใครเป็นคนทำ เราก็รู้ว่าช่วงการเมืองแบบนี้อาจมีข่าวบิดเบือนสร้างกระแสมากเป็นพิเศษ การจะเสนอหรือตีข่าวอะไรต้องตรวจสอบชัดเจนก่อน ส่วนเป้าหมายต้องการถึงไหนอยู่ระหว่างการตรวจสอบเช่นกัน ใครดำเนินการ วัตถุประสงค์ของเขาคืออะไร ช่วงนี้ต้องช่วยกันมีการจับมาโยงกัน อย่างกรณีรถถังก็จับมาโยง ความจริงฝึกปกติ พยายามสร้างกระแส

มท.1 สั่งเข้ม ผวจ.ติดสถานการณ์

ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนและติดตามนโยบายของรัฐบาล และภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย มีปลัด กระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารระดับสูงในสังกัดกระทรวง มหาดไทย ร่วมประชุม พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า การดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในทุกพื้นที่ ภายใต้การสนับสนุนและดำเนินการร่วมกันระหว่างกระทรวงมหาดไทย ทหาร และตำรวจ ตามที่ กกต.ประสานขอความร่วมมือ กระทรวงมหาดไทยได้ติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นระยะ เพื่อรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และกำชับข้าราชการทุกคนให้วางตัวเป็นกลางทางการเมือง

“ธนาธร” สั่งทีมงานเกาะติด ปว.

ที่สยามเซ็นเตอร์วัน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกระแสข่าวลือรัฐประหารซ้อนว่า มีกระแสข่าวลือดังกล่าวมาต่อเนื่อง สะท้อนปัญหาสังคมไทยว่า เกิดการเผชิญหน้าระหว่างอำนาจที่มาจากการเลือกตั้ง กับอำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งที่กำลังจะไปต่อไม่ได้ จนกลายเป็นกระแสการรัฐประหารอีก ถ้ามีการยึดอำนาจ พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าจะคัดค้านแน่นอน ตอนนี้ทีมข่าวของพรรคกำลังติดตาม ประเมินข่าวสารอย่างใกล้ชิด เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ เพราะก่อนการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ผบ.ทบ.ขณะนั้นบอกตลอดว่าจะไม่ทำ แต่ไปยอมรับในการสัมภาษณ์นิตยสารไทม์ว่า เตรียมการล่วงหน้ามา 6 เดือน เมื่อถามถึงความเห็นต่อการเคลื่อนไหวให้มีการยุบพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) นายธนาธรตอบว่า พรรคอนาคตใหม่คงไม่ไปก้าวล่วงพรรคไหน แต่เรายืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการเจรจาทางการเมืองใดๆ ขอเตรียมพร้อมเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง

“วัฒนา” ดักคออย่าบิดกติกา

ด้านนายวัฒนา เมืองสุข ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ในฐานะเพื่อนร่วมอุดมการณ์ประชาธิปไตย ขอเป็นกำลังใจให้พรรคไทยรักษาชาติ และผู้ที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าต่อสู้ต่อไปตามอุดมการณ์ การยืนเคียงข้างประชาชนและไม่เอาด้วยกับเผด็จการที่โกงอำนาจ คือความสง่างามของพรรคการเมืองและนักการเมือง มีความเห็นเหมือนนักกฎหมายหลายคนว่า การกระทำของพรรคไทยรักษาชาติเป็นเพียงขั้นตอนการเสนอรายชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอันเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ จึงไม่ใช่เป็นการหาเสียง กกต.ต้องเป็นผู้พิจารณาว่ารายชื่อที่เสนอมานั้นมีคุณสมบัติถูกต้องหรือไม่ หากเห็นว่าไม่เป็นไปตามกฎหมาย ให้ถือว่าไม่มีการเสนอ แต่ไม่ทำให้พรรคการเมืองและผู้ที่เสนอชื่อกลายเป็นผู้กระทำความผิด การบังคับใช้กฎหมายต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน องค์กรที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ต้องไม่ฉวยโอกาสบิดเบือนกติการับใช้เผด็จการ

พท.ให้ลูกทีมงดวิจารณ์การเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ส่งข้อความถึงผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยทุกคน ระบุว่าขอให้ทุกคนเดินหน้าทำหน้าที่เต็มที่ในการลงไปพบปะประชาชน หาคะแนนเสียงด้วยการทำความเข้าใจต่อแนวคิดและนโยบายของพรรค เพื่ออาสาเข้ามาทำงานให้ประชาชน และขอให้ทุกคนงดการแสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง รวมทั้งเรื่องของพรรคการ เมืองอื่นในทุกรูปแบบการสื่อสาร เพราะเรายึดมั่นทำงานการเมืองเชิงสร้างสรรค์ เราต้องช่วยกันสร้างบรรยากาศให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ขอให้เร่งทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพราะเวลาการตัดสินใจของประชาชนอยู่ไม่ไกลแล้ว ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จ

เพื่อชาติยกเหตุห้ามเลือก “บิ๊กตู่”

น.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า เหตุผลที่ประชาชนไทยไม่ควรเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กลับมาเป็นนายกฯอีก เพราะการบริหารงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ทั้งยังเป็นผู้นำเผด็จการจำกัดสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ต้องการสืบทอดและเสพติดอำนาจ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง เห็นได้จากยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่ทำไว้เพื่อกีดกันรัฐบาลที่เข้ามาใหม่ ให้ทำตามความต้องการของ คสช. และคณะ

“มาร์ค” ย้ำยังไม่ถึง รบ.เฉพาะกาล

ที่แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า บรรยากาศบ้านเมืองขณะนี้อาจมีความสับสนอยู่บ้าง จึงมีการออกมาเสนอเรื่องตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล แต่ยังไม่เห็นเหตุผลอะไรที่ต้องมาถึงจุดนั้น เพราะการเลือกตั้งยังเดินหน้าต่อได้ จึงขอให้ทุกฝ่ายทำตามกติกา เพราะประชาชนคาดหวังว่าจะมีการเลือกตั้งตามกำหนด ยอมรับว่ามีข่าวลือออกมาค่อนข้างมาก จึงขอให้ประชาชนและสังคมไทยกลั่นกรอง อย่าหวั่นไหว ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองไป แล้วบ้านเมืองก็จะเดินหน้าไปได้ เพราะข่าวลือก็คือข่าวลือ

เชื่อปม “วิฑูรย์” ไม่บานปลาย

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายวิฑูรย์ นามบุตร รองหัวหน้าพรรคที่ดูแลพื้นที่อีสาน แสดงความไม่พอใจที่ถูกจัดลำดับบัญชีรายชื่อไปอยู่ที่ 40 ว่า เป็นเรื่องภายในของพรรค พรรคพิจารณาจากหลายปัจจัย ไม่มีอะไรเป็นตัวนำ หรือเน้นเรื่องกลุ่มทุนตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ แต่เป็นการพิจารณาอย่างรอบด้าน ปรึกษาผู้ใหญ่ในพรรคก่อนตัดสินใจ ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทุกคนพอใจ แต่เชื่อว่าในที่สุดทุกคนจะเดินหน้าไปด้วยกัน เพราะทุกคนล้วนมีบทบาทช่วยงานพรรค ยังเชื่อว่านายวิฑูรย์อยู่ในลำดับที่จะได้เป็น ส.ส. และเชื่อว่ากรณีที่เกิดขึ้นไม่ทำให้เกิดปัญหาภายในจนไปกระทบกับพื้นที่ภาคอีสาน

“นิพิฏฐ์” โพสต์ปลุกเสียงคนใต้

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ปฏิญญาทุ่งสง-คืนความเป็นธรรม สู่ความเท่าเทียม” ความขัดแย้งทางการเมืองสิบกว่าปีที่ผ่านมา ภาคใต้ไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างเท่าเทียม ทั้งที่เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ ทะเลขนาบสองด้าน อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากร มีความสวยงาม ประชาชนกระตือรือร้นในการพัฒนาสูง ทำรายได้ให้ประเทศติดอันดับต้นๆ พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ชาวภาคใต้เชื่อมั่นสนับสนุนแต่กลับมีโอกาสบริหารประเทศไม่ต่อเนื่อง ประกอบกับมีรัฐบาลขาดความเป็นธรรมกลั่นแกล้งจัดงบประมาณทอดทิ้งภาคใต้ ถึงเวลาที่ต้องคืนความเป็นธรรมให้ภาคใต้

ชูปฏิญญาทุ่งสงฟื้นฟูเศรษฐกิจ

นายนิพิฏฐ์ระบุต่อว่า ปฏิญญาทุ่งสงคือคำประกาศแสดงเจตจำนงคืนความเป็นธรรมให้ภาคใต้ กำหนดโครงการพัฒนาพื้นที่ขนาดใหญ่ที่จะผลักดันให้เกิดขึ้นทันทีที่เป็นรัฐบาล คือ 1.ถนนมอเตอร์เวย์สายใต้จรัลนราตามแนวทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 8 จากโก-ลกไปกรุงเทพฯ ที่สงขลาจะเชื่อมโยงจากด่านปาดังเบซาร์เข้าหาดใหญ่ขนานเลียบทะเลอ่าวไทยไปเชื่อมที่นครปฐม 2.ขยายเส้นทางรถไฟทางคู่จากนครปฐม-สุไหงโก-ลกให้แล้วเสร็จใน 5 ปี (2567) พร้อมสร้างทางเลียบทางรถไฟ (โลคัลโรด) เชื่อมถนนและทางรถไฟตะวันออก-ตะวันตก 3.พัฒนาทุ่งสงเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และเปิดด่านกับมาเลเซีย 24 ชม. 4.ให้มีการเลือกตั้ง ผวจ.ยกระดับภูเก็ต นครศรีธรรมราช สงขลา และ สุราษฎร์ธานี เป็นมหานคร 5.ยกระดับศูนย์การแพทย์เป็นแบบพรีเมียมโดยใช้ฐานคณะแพทยศาสตร์ ม.วลัยลักษณ์ ม.สงขลานครินทร์ ม.นราธิวาสราชนครินทร์

สื่อเทศยังมึนการเมืองแบบไทยๆ

วันเดียวกันสำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์การเมืองไทย ความเคลื่อนไหวต่างๆยังไม่มีความชัดเจน เต็มไปด้วยการคาดเดามากมาย นับแต่พรรคไทยรักษาชาติเสนอชื่อนายกฯของพรรค เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ตามมาด้วยพระราชโองการในหลวงรัชกาลที่ 10 ระบุถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อยู่เหนือการเมือง การเสนอชื่อนายกฯของพรรคไทยรักษาชาติถือเป็นสิ่งมิบังควร ขณะที่ กกต.ไม่มีการประกาศรับรองชื่อนายกฯในนามของพรรคไทยรักษาชาติ ท่ามกลางกระแสข่าวลือมากมายเรื่องการก่อรัฐประหาร

หุ้น “ตระกูลชิน” ติดตัวแดงเถือก

สำหรับตลาดหุ้นไทยวันเดียวกัน ดัชนีปรับตัวลงแรงตั้งแต่เปิดตลาดลงไปติดลบมากสุดกว่า 18 จุด ก่อนแกว่งตัวมาปิดทำการที่ 1,638.00 จุด ยังคงลดลง 13.68 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,585.37 ล้านบาท ขณะที่หุ้นการเมืองหรือหุ้นที่ถูกโยงเกี่ยวข้องกับ “ตระกูลชินวัตร” ปรับตัวลงแดงเถือกทั้งกระดานสวนทางกับสถานการณ์เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ดีดตัวขึ้นยกแผง คล้อยหลังจากพรรคไทยรักษาชาติประกาศชื่อแคนดิเดตนายกฯ ทั้งนี้นักลงทุนเทขายหุ้นลดความเสี่ยงจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ประกอบกับปัจจัยต่างประเทศยังกดดันในภาพรวม ทั้งกรณีสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯที่ยังไม่จบ และกรณีที่หน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯอาจกลับเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์อีกครั้งหลังสภาคองเกรสกับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่สามารถตกลงเรื่องร่างงบประมาณ

“ทักษิณ” จัดกู๊ดมันเดย์ปกติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังคงจัดรายการ “กู๊ด มันเดย์” ตามปกติผ่านทางเฟซบุ๊ก สัปดาห์นี้เป็นเรื่อง “รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกกับ ดร.ทักษิณ ชินวัตร” ระบุว่า อยากแนะนำคนรุ่นใหม่ลองไปศึกษาบล็อกเชนดีๆ เพราะกำลังสร้างเศรษฐีใหม่เหมือนกับตอนอินเตอร์เน็ตเปิดใหม่ แล้วสร้างเศรษฐีใหม่บนอินเตอร์เน็ต ตอนนี้กำลังจะสร้างเศรษฐีใหม่บนบล็อกเชน แต่เทคโนโลยีมีการเสื่อม มีอายุการใช้งานเร็วกว่าที่คิด เช่นวันนี้ที่ประมูลกัน 4Gทั้งหลาย หมดไปเป็นแสนๆล้าน แล้วต้องติดตั้งระบบอีกเป็นแสนล้าน จะอยู่ได้อีกกี่ปี 5G กำลังออกแล้ว เกาหลีและอเมริกาทดลองแล้ว จีนก็กำลังใช้ ดังนั้น 5G จ่อหลังแล้ว 4G จะใช้ได้อีกกี่ปี ทางบัญชีดูมีกำไร แต่ข้อเท็จจริงแล้วไม่ได้กำไรอย่างที่คิด สมมติได้กำไร 2 แสนล้านบาท ใน 7 ปี แต่ค่าเสื่อม ค่าหมดสภาพ การลงทุนเทคโนโลยีต้องคิดให้ดีระหว่างค่าเสื่อมจริง เพราะเทคโนโลยีล้าสมัยกับค่าเสื่อมทางบัญชี มันเขย่งกันอยู่ มันจะทำให้เราหลงทางไป นึกว่าธุรกิจมีกำไร แต่จริงๆแล้วไม่มีกำไร เพราะเงินขาดต้องไปกู้แบงก์ ดังนั้นต้องระวังการทำธุรกิจทางด้านของเทคโนโลยี

ไทยรัฐทีวีจัดเวทีดีเบต 7 พรรค

วันเดียวกัน เวลา 18.20 น. ที่สถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี ถนนวิภาวดี-รังสิต ไทยรัฐทีวีช่อง 32 จัดเวทีดีเบตครั้งที่ 1 ภายใต้ชื่อ “ไทยรัฐเลือกตั้ง 62” หัวข้อ “เปิดวิสัยทัศน์พรรคการเมือง” โดยเชิญแกนนำพรรคการเมือง ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งพรรคเพื่อไทย นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รองหัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย และนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป โดยมี น.ส.จอมขวัญ หลาวเพ็ชร และนายภาคภูมิ พันธุ์สถิต เป็นผู้ดำเนินรายการ

“อุตตม” ลั่นพร้อมเป็นรัฐบาล

นายอุตตมกล่าวว่า พลังประชารัฐมีนโยบายตอบโจทย์ความปรองดองก้าวข้ามความขัดแย้ง เน้นแก้ไขปัญหาสั่งสมที่มีมานาน โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำที่ผ่านมาทำไม่สำเร็จ ขยายบัตรประชารัฐต้องครอบคลุมทุกกลุ่ม ตั้งใจเป็นรัฐบาล เราพร้อม พูดเสมอว่าประเทศอยู่ในจุดเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ ตั้งพรรคมามั่นใจตั้งแต่วันแรก ไม่ได้หวังเสียง ส.ว. เราเกิดจากการร่วมอุดมการณ์ ทำตามวิถีประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ ไม่ได้หวังเอาปัจจัยพิเศษหรือกำลังภายในมาช่วย คงไม่ใช่เริ่มต้นที่ 250 เสียงจาก ส.ว. บทบาทของ พล.อ.ประยุทธ์ พรรคพิจารณามองไปข้างหน้าว่าเหมาะสม และหากได้รับความไว้วางใจจริง

“สุดารัตน์” ย้ำต้องให้ ปชช.

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า เพื่อไทยจะนำพาประเทศสู่ความสงบสุขอย่างมีอนาคต เร่งฟื้นเศรษฐกิจ เร่งสร้างรายได้ สร้างพื้นฐานพัฒนาคน พัฒนาเด็ก พื้นฐานด้านสุขภาพ ไม่เจ็บไม่ป่วย โครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม น้ำ การสื่อสาร กฎหมายทั้งหมดที่เป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากิน และเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม อยู่ที่ประชาชนเป็นผู้เลือกว่าอยากให้ใครเป็นรัฐบาล โดยประชาชนต้องถามว่า 5 ปีที่ผ่านมามีความสุข และเงินในกระเป๋ามากน้อยแค่ไหน ต้องยอมรับว่าขณะนี้คนแบ่งเป็น 2 ปีกอยู่แล้ว

“มาร์ค” นำเสนอเกิดปั๊บรับแสน

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์อยากเห็นการเมืองหลุดกับดักเผด็จการ และการทุจริต นโยบายภาพรวมการแก้จนสร้างคนสร้างชาติ เน้นประชาธิปไตยเป็นใหญ่ เดินหน้าการประกันพืชผลการเกษตร ขจัดอุปสรรคเศรษฐกิจ เด็กแรกเกิดเกิดปั๊บรับแสน ต่อยอดการเรียนฟรีถึงระดับ ปวส. และกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นที่บริหารงานภายใต้ความซื่อสัตย์เพื่อให้ประชาธิปไตยยั่งยืน ส่วนโอกาสที่จะเป็นรัฐบาลประชาธิปัตย์อยู่มา 72 ปี เป็นได้ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่ครั้งนี้เราตั้งใจเป็นรัฐบาล ขึ้นอยู่กับประชาชน หากเลือกเรามากเราจะเป็นแกนนำจัดตั้ง หากเลือกน้อยเราไม่ดิ้นรน ประชาธิปัตย์ไม่มีเรื่องต้องเผื่อใจ ทุกอย่างเป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย อย่าถามตนว่าจะร่วมกับใคร ต้องถามพรรคอื่นว่าจะมาร่วมกับเราหรือไม่

“เอนก” ไม่สังฆกรรมกับคนนอกคอก

ขณะที่นายเอนกกล่าวว่า พรรครวมพลังประชาชาติไทย มุ่งปฏิรูปเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างเร่งด่วน โอนอำนาจสู่ท้องถิ่น เลือกตั้งผู้ว่าฯ แก้ปัญหาเศรษฐกิจชาวบ้านมากกว่าเศรษฐกิจอย่างอื่น ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์ ฝึกอาชีพสร้างงานและพัฒนาให้มั่นคง สนับสนุนการท่องเที่ยวชนบท ส่วนเรื่องการจับขั้วการเมืองต้องดูกันต่อไป ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปมาก จากเหตุการณ์ 2-3 วันที่ผ่านมา เราพร้อมร่วมมือกับหลายพรรค แต่เราไม่ร่วมงานกับพรรคที่ไม่ปฏิรูป เป็นปรปักษ์กับรัฐธรรมนูญ และไม่ร่วม กับพรรคที่ไม่ปกป้องสถาบันหลักของประเทศ