เรื่องราวของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” บุคคลที่คนรุ่นใหม่กล่าวขาน จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับหนึ่งเพียงไม่กี่ชั่วโมง กับวลี #ฟ้ารักพ่อ #พ่อขอฟ้า ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา เรื่องราวชีวิตของ ธนาธร ถูกหยิบมาตีแผ่มากมายหลากหลายด้าน ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ ไล่เรียงเรื่องราวที่คุณยังไม่เคยรู้ กับชีวิตคูลๆ ของผู้ชายชื่อ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”...

แอคทิวิสต์ซ้ายจัด เลือดข้น รักความเท่าเทียม

“ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” จากเด็กเที่ยวไฮโซ ได้มีโอกาสเข้ามาเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ หลักสูตรนานาชาติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ทำให้คนหนุ่มอย่างธนาธรออกมาเจอโลกกว้าง จนได้พบเส้นทางสำคัญ และทำให้หนุ่มสาวในสมัยนั้น ต่างเรียกขานเขาว่า “แอคทิวิสต์ซ้ายจัด”(นักกิจกรรมฝ่ายซ้าย)...

ด้วยความที่เป็นลูกไฮโซ ตระกูลดัง มั่งคั่งมากมี โปรไฟล์ดี ร่ำเรียนในรั้วธรรมศาสตร์ จึงทำให้ภาพฉายของธนาธรในสายตาใครบางคน คงจะเป็นการแต่งเนื้อแต่งตัวด้วยแบรนด์เนมชั้นนำ กินหรูดูแพง ถึงตัวยาก แต่ความจริงแล้วมาดของลูกไฮโซคนนี้ คือ ผมยาวเซอร์ สวมเสื้อผ้าฝ้าย นุ่งกางเกงเล ใส่รองเท้าผ้าใบเก่าๆ เปื้อนๆ สะพายกระเป๋าขาดๆ ที่ผ่านการใช้งานมาซ้ำๆ ไม่หยุดไม่หย่อน และสูบบุหรี่จัด

...

ธนาธร ได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนให้เป็นอุปนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) ในปี 2542 และธนาธร ได้พาตัวเองไปทำกิจกรรมนอกรั้วมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของสมัชชาคนจน, กรรมกรไทยเกรียง, เครือข่ายสลัม 4 ภาค, การประท้วงกรณีท่อก๊าซไทย-มาเลย์ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังเป็นแนวหน้าให้ชาวบ้านสมัชชาคนจนที่ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระหว่างปีนทำเนียบเรียกร้องให้รัฐบาลชวน หลีกภัย เปิดประตูระบายน้ำเขื่อนปากมูลด้วย

สุริยะ พูดถึง ธนาธร ผมเองยังถูกต่อว่า

ครั้งหนึ่ง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร ประธานยุทธศาสตร์ภาคอีสาน พรรคพลังประชารัฐ (หนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี) หรือในอีกบทบาทหนึ่ง เขาก็คือ อาแท้ๆ ของธนาธร ที่เลือกเดินคนละข้างกับหลานชาย เคยกล่าวถึงหลานคนนี้ไว้ว่า

“ช่วงที่เขา(ธนาธร)เป็นนักศึกษา เขาจึงเห็นแก่ประเทศชาติ มีความเป็นประชาธิปไตยเต็มที่ ตอนที่ผมอยู่กับ(อดีต)นายกฯทักษิณ คุณธนาธรก็ไปที่ธรรมศาสตร์ ขึ้นเวทีวิจารณ์ท่านนายกฯ ทักษิณ คุณแม่เขาไปขึ้นเวทีไทยรักไทย นี่เรื่องจริงเลยนะครับ ท่านนายกฯ ทักษิณ ก็มาถามผมว่า “ทำไมคุณคุมหลานไม่ได้” ผมบอกกลับไปว่า “คุณแม่เขายังคุมไม่ได้เลยครับ” คุณแม่เขาก็ไปทางนี้ หลานก็ไปทางนั้น

“ตอนคุณพ่อเขาไม่สบาย และไปรักษาที่อเมริกา ผมก็ไปเยี่ยม คุณธนาธรก็ต่อว่าผม ตอนนั้นผมเป็น รมว.อุตสาหกรรม ว่า ไปทำโครงการวางท่อแก๊สที่จะนะ ทำลายสิ่งแวดล้อม ต่อว่าผมซะเละเลย ตอนนั้นคารมผมก็สู้เขาไม่ได้ ไม่รู้จะตอบยังไง”

“ถ้าคุณพ่อเขายังไม่เสียชีวิต ทุกวันนี้เขาก็คงเดินสายเอ็นจีโอ ซึ่งช่วงที่กำลังศึกษาอยู่ บางที CNN ออกข่าวเรื่องประเทศไหนที่มีการประท้วงต่อต้านอยู่ คุณธนาธรก็โผล่ไปหมด เขาเป็นคนที่อยากเห็นโลกสมบูรณ์แบบ ขอสรุปว่า คุณธนาธรเป็นคนดี เป็นคนแบบนี้ของเขามาตั้งแต่เรียน” นายสุริยะ กล่าว

เหตุผลที่ ทักษิณ ถึงกับเอ่ยปากถามสุริยะเช่นนี้ ก็เพราะว่า ในยุครัฐบาลทักษิณ ธนาธร ในฐานะอดีตอุปนายก อมธ. ได้ออกมาแสดงความเห็นอย่างโจ่งแจ้งว่า “นายกฯ(ทักษิณ)สมควรลาออก เพราะหมดความชอบธรรม นอกจากนี้ การชุมนุมของทุกฝ่ายควรดำเนินการด้วยความสงบ ปราศจากความรุนแรง"

ขณะที่ นายธนาธร เผยถึงความสัมพันธ์กับ สุริยะ ผู้มีศักดิ์เป็นอาว่า เสียดายที่อาของตนเองไม่ได้ยืนอยู่ฝั่งประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นอาหลานกัน มีความสัมพันธ์กับคุณอาตั้งแต่เด็ก แต่คงไม่สามารถเป็นพันธมิตรทางการเมืองกันได้  

นั่งแท่นบริหารธุรกิจ กำไรปีละ 8 หมื่นล้าน

กระทั่ง ธนาธร บินลัดฟ้าไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ และเป็นที่รู้จักในบทบาทใหม่ คือ รองประธานกรรมการ กลุ่มไทยซัมมิท อาณาจักรผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ของไทยที่มีรายได้รวมราว 7.2 หมื่นล้านบาทในปี 2559

และตั้งแต่ที่ “ธนาธร” เริ่มเข้าไปบริหารกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท ทำให้บริษัทมีการเติบโตจากการมีรายได้ 16,000 ล้านบาท ในปี 2544 เป็นมีรายได้ 80,000 ล้านบาทในปี 2560 และครอบครัวของ ธนาธร ยังมีธุรกิจในเครือข่ายทั้งอดีตและปัจจุบันประมาณมากกว่าร้อยบริษัท

แม้ในวันที่ ธนาธร จะสวมสูทผู้บริหารไทยซัมมิท แต่ในยามที่เขาถอดสูทออก และหยิบเสื้อผ้าฝ้ายธรรมดาๆ มาสวมใส่ เขาก็ยังออกไปร่วมเดินขบวนอยู่บ่อยครั้งในฐานะประชาชนตาดำๆ ที่ต้องการแสดงสิทธิ์การมีส่วนร่วมทางการเมือง เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทย

พายเรือคายัคข้ามอ่าวไทย

ปี 2560 ธนาธร เป็นที่พูดถึงอีกครั้งในข่าว “นักธุรกิจคนดัง ออกทำตามฝัน พายเรือคายัคข้ามอ่าวไทยโดยไม่มีเครื่องกล และไม่มีการสนับสนุนใดๆ จากภายนอก” พร้อมระบุว่า หากไม่มีการติดต่อกลับมาภายใน 30 ชั่วโมง ให้ออกตามหาด้วยนั้น

ขณะที่ การออกพายเรือคายัคถือเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลในฐานะนักกีฬา ทางเจ้าหน้าที่เองไม่สามารถสั่งห้ามได้ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงสูง เพราะการออกพายเรือคายัคในอ่าวไทย อาจเกิดอุบัติเหตุจากกระแสลมหรือคลื่นซัดได้ 

วันรุ่งขึ้น นายธนาธร โพสต์ภาพตนเองพร้อมข้อความระบุว่า ตนเองปลอดภัยดีและขึ้นฝั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขอขอบคุณคนที่เป็นห่วง แม้ตอนนี้จิตใจจะบอบช้ำ เพราะภารกิจทำตามฝันไม่สำเร็จ

ลงสนามการเมือง โจทย์ คือ อยากเปลี่ยนแปลงประเทศ ต้องอยู่ในสภา

ในเดือนพฤษภาคม ปี 2561 ในวัย 39 ปี หลังจากอยู่ในตำแหน่งรองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทไทยซัมมิทมาเป็นเวลา 16 ปีเต็ม ธนาธร ประกาศลาออกอย่างเป็นทางการ เขาเดินหน้าพร้อมเป้าหมายใหม่ คือ การจัดตั้งพรรคการเมือง และตัดสินใจจดแจ้งชื่อพรรคกับ กกต. ในนาม “อนาคตใหม่”

โดยชูภาพลักษณ์ความเป็นคนรุ่นใหม่ โดยมุ่งมั่นกระตุกความคิดของคนในสังคมให้กลับสู่การเมืองแบบประชาธิปไตย เปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้แก่ประเทศ และเปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองไทยใหม่

ธนาธร เผยถึงจุดเริ่มต้นของการตั้งพรรคอนาคตใหม่ว่า “ช่วงปีที่แล้ว(ปี 2560) มีการพูดกันเรื่องความมืดดำของการเมืองไทย ต่างรู้สึกโกรธสังคมไทย และตั้งคำถามกันขึ้นว่า ทำไมทุกคนเฉยชา ตน และอาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล เห็นตรงกัน และได้รับคำปรึกษาจากผู้ใหญ่ทางการเมืองว่า หากอยากเปลี่ยนแปลงสังคม เปลี่ยนแปลงประเทศ ต้องเข้ามาอยู่ในรัฐสภา

ถ้าวันหนึ่งจับพลัดจับผลู “ธนาธร” ได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้ง จนมีโอกาสได้เข้ามานั่งในสภา วันนั้นอาจจะมีคำถามใหญ่คอยทิ่มแทงเขาเสมอว่า...

ในนามคนรุ่นใหม่ ที่มีภาพฉายของหนอนหนังสือ นักบริหาร นักทฤษฎี แต่ยังขาดประสบการณ์งานภาคสนาม คุณธนาธร จะสามารถพลิกการเมืองให้แปรสภาพมาเป็นนโยบายในทางปฏิบัติ และต่อสู้กับระบบเก่าๆ ที่ถูกฝังรากลึกมานานได้มากน้อยแค่ไหน?

ขณะที่ ธุรกิจในมือมากมายภายใต้ครอบครัวจึงรุ่งเรืองกิจ คุณธนาธร อาจถูกมองว่า การบริหารประเทศเอื้อต่อธุรกิจตนเอง คุณธนาธร จะตอบคำถามเหล่านี้อย่างไร?

สุดท้าย ก็คงต้องขึ้นอยู่ที่ “ธนาธร” จะพิสูจน์ฝีมือได้เพียงใด ต้องติดตามกันต่อไป(ยาวๆ).