สัปดาห์หน้าทุกอย่างคงลงตัวรู้วันเวลาว่าจะเลือกตั้งกันวันไหน การเมืองน่าจะมีบรรยากาศดีขึ้น ที่ต้องการรู้ว่าพรรค การเมืองไหนจะส่งใครเป็นนายกฯ ก็น่าจะเห็นหน้าเห็นตากันแล้ว
ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ กรุงเทพฯเมืองหลวงประเทศไทยกำลังมี มลภาวะทางอากาศคละคลุ้งไปทั่วทั้งเมือง
แต่เมื่อมีการแก้ไขเบื้องต้นก็ดีขึ้นเป็นลำดับ
อันเป็นสัญญาณเตือนให้รัฐบาลจะต้องแก้ไขในเรื่องนี้อย่างจริงจัง และเป็นระบบเพราะมันมีแนวโน้มว่าเป็นเรื่องใหญ่ในอนาคต
หลายประเทศที่เกิดภาวะเช่นนี้ต้องใช้เวลาหลายปี ใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก ซึ่งต้องแก้ไขที่ต้นตอ
“ฮ่องกง” สร้างเครื่องฟอกอากาศยักษ์เพื่อดูดอากาศพิษด้วยมูลค่ามหาศาล ซึ่งพลังถูกขับเทียบเท่าต้นไม้ 480,000 ต้น
กำลังจะมีการทดลองใช้เป็นครั้งแรกในเร็วๆนี้
หากประสบผลสำเร็จจะมีการสร้างอีกหลายจุด เชื่อว่าเป็นวิธีการหนึ่งที่แก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่จะต้องมีการบังคับใช้ทางกฎหมายทั้งระบบอย่างเข้มข้น
นี่หากเมืองไทยติดตั้งสักเครื่องก็น่าจะดี เพราะปัญหาคู่ขนานกันในเวลานี้นอกเหนือจาก “ฝุ่นพิษ” แล้ว ยังมีมลพิษอีกอย่าง
คือ “มลพิษ” ทางการเมืองซึ่งจะต้องดูดทิ้งไปให้หมด
การเมืองเรื่อง “เลือกตั้ง” น่าจะได้ข้อสรุปในสัปดาห์หน้าเพื่อกำหนดวันเลือกตั้ง คาดน่าจะลงตัววันที่ 24 มี.ค.2562
เมื่อพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งน่าจะเรียบร้อยในวันที่ 23 ม.ค.62 จากนั้นภายใน 5 วันจะต้องกำหนดวันเลือกตั้งให้ชัดเจน
กกต.-รัฐบาล คสช. คงกำหนดให้ดำเนินการได้ในลักษณะไม่ทับซ้อนกับพระราชพิธีสำคัญ แต่เป็นการดำเนินการคู่ขนานกันไป
ดังนั้น การเคลื่อนไหวต่างๆ เพื่อต้องการให้มีการเลือกตั้งตามกำหนดเดิมหรือที่ไม่ต้องการให้มีการเลื่อนการเลือกตั้ง
...
เมื่อประกาศออกมาอย่างชัดเจนทุกอย่างน่าจะยุติ สร้างบรรยากาศให้ดีขึ้นเพราะไม่มีเงื่อนไขอะไรอีกแล้ว
ว่ากันว่ากลุ่มเคลื่อนไหวเหล่านี้กำลังแตกคอแม้จะมีเป้าหมายเดียวกัน แต่เนื่องจากมีหลายกลุ่มทำให้การนำแนวทาง
กำลังจะกลายเป็นคนละทิศละทางไปแล้ว
พรรคการเมืองจึงต้องมุ่งไปที่ผลการเลือกตั้งมากกว่าจะสร้างเงื่อนไขขึ้นมาอีก โดยเฉพาะการประกาศนโยบายอย่างเป็นรูปธรรมของแต่ละพรรคการหาเสียงจึงสำคัญมากกว่าเรื่องอื่นๆ
แม้กระทั่งพรรคพลังประชารัฐที่ประกาศชัดเจนอย่างที่ปรากฏคือสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ หลังเลือกตั้ง
อย่างประเด็น 4 รัฐมนตรีที่กำลังถูก กกต.ยื่นถึงศาลรัฐธรรมนูญให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความการถือหุ้นที่ไม่ถูกต้อง
จะรอดจะไม่รอดต้องรออย่างใจระทึก
อีก 4 รัฐมนตรีที่เข้าไปร่วมเป็นผู้บริหารคนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐที่ถูกเรียกร้องให้แสดงสปิริตด้วยการลาออก
ไม่เป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นๆ
ล่าสุด น่าจะลงตัวด้วยการลาออกพร้อมกันทั้ง 4 คน หลังประกาศพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง เนื่องจากประกาศไปแล้วว่าจะ “ลาออก” เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็ต้องไปอย่างแน่นอน
ที่เสียดายกันอยู่ก็คือไม่ได้เป็นรัฐมนตรีเพื่อร่วมพระราชพิธีสำคัญเท่านั้น.
“ลิขิต จงสกุล”