“โนพลอมแพลม โนพลอมแพลมไม่มีปัญหา เขาว่าโนพลอมแพลม..”

นึ่คือหนึ่งในคำร้องเพลง “โนพลอมแพลม” วงคาราบาว ที่สะท้อนวิถีการเมืองในปี 2533

แต่ พ.ศ. 2562 นี้ วลีติดปากของ “น้าชาติ” หรือ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ จะรีเทิร์น

แน่นอน ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ กำลังพูดถึงพรรคชาติพัฒนา ซึ่งตอนนี้มี “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค ซึ่งเปรียบเสมือนหัวใจของพรรค “การเมืองเดอะซีรีส์” จึงไม่พลาดที่จะชวนมานั่งคุยแนวทางทางการเมือง

นายสุวัจน์ ได้เปิดบ้านต้อนรับ พร้อมพูดคุยอย่างเป็นกันเองถึงแนวทางการเมืองที่จะต่อสู้ในการเลือกตั้งที่จะมาถึงว่า ส่วนตัวมีความผูกพันกับพรรคชาติพัฒนา เดิมคือ พรรคปวงชนชาวไทยของ ท่านอาทิตย์ (พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก อดีตผู้บัญชาการทหารบก อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร) และได้เป็น ส.ส. ครั้งแรกกับพรรคปวงชนชาวไทย ต่อมา มีการปฏิวัติ พล.อ.ชาติชาย และ พล.อ.อาทิตย์ โดนจับตัวเรื่องปฏิวัติ หลังจากนั้น 1 ปี ก็กลับมาทำงานการเมืองใหม่ และได้ พล.อ.ชาติชายได้เปลี่ยนชื่อพรรคเป็น “ชาติพัฒนา”

...

“ผมอยู่พรรคนี้มาตลอด และสิ่งสำคัญ จะนึกถึงคำพูดของท่านชาติชาย คือ “แปรสนามรบ ให้เป็นสนามการค้า” เปิดประตูอีสานสู่อินโดจีน เปิดโคราชเป็นประตูสู่อีสาน ท่านจะพูดเสมอว่า “ตอนที่เราตั้งพรรคชาติพัฒนา เราตั้งกับคนโคราช คนโคราชเขาสนับสนุนเรามา” ดังนั้นเราต้องช่วยกันรักษาพรรคชาติพัฒนา ก่อนที่ท่านจะไปรักษาตัวที่อังกฤษ ท่านได้ฝากให้ผมช่วยรักษาพรรคชาติพัฒนา นี่คือ สิ่งที่ท่านสั่งเสียเอาไว้”

นี่คือความหลังที่นายสุวัจน์ ได้เล่าย้อนไป แต่เมื่อถามถึงปัจจุบัน ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา บอกว่า ตอนนี้เราเป็น NEW ชาติพัฒนา ได้คนหน้าใหม่ที่ยังไม่เคยมีตำแหน่งใหญ่ๆ ทางการเมืองมาร่วมทัพ จากนั้นได้มีการปรับกระบวนยุทธ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน สังคม ทำให้การเมืองมีหลายมิติ เราจึงได้มีการจัดสรรพรรคออกเป็น 2 ส่วน ให้ผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์เป็นที่ปรึกษาให้กับคนรุ่นใหม่ เปรียบเหมือน “ค็อกเทล ทางการเมือง”

ไม่ชอบการเมือง 2 ขั้ว มหามิตร หรือ อริการเมือง ฝ่ายค้าน-รัฐบาลเป็นเพื่อนกันได้

ที่ผ่านมา นายสุวัจน์ เอง รู้สึกอึดอัดกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ไม่ชอบการเมืองแบบเผชิญหน้าแบบมิตร หรือศัตรู เขารู้สึกว่า ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็สามารถจับมือร่วมทำงานกันได้ ให้ข้อเสนอดีๆ กับประชาชน

“ผมอยากได้การเมืองแบบเมื่อก่อนกลับมา ไม่อยากเห็นการเมืองที่ขัดแย้ง แล้วไปกระทบกับความเชื่อมั่น กระทบกับเศรษฐกิจ คนอยากมาเที่ยวก็ไม่กล้ามา คนที่อยากมาลงทุนก็ไม่กล้ามา ถ้าเราอยู่ในจุดที่เราช่วยประสาน ช่วยทำความเข้าใจ อย่างชาติพัฒนาในครั้งนี้ก็บอกเลยว่า No problem ไม่สร้างปัญหา”

1. เราจะไม่ทำให้ตัวเองเป็นปัญหา
2. ไม่มีปัญหาทุกๆ อย่าง เพราะปัญหามีไว้ให้แก้ รัฐบาลมีหน้าที่แก้ปัญหา

นายสุวัจน์ ซึ่งเป็นตัวแทนพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า จะใช้ความรู้ความสามารถมาช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น พรรคชาติพัฒนาค่อนข้างมั่นใจในเรื่องที่พลเอกชาติชายได้วางเอาไว้ให้ และความรู้ของคนในพรรคเราจะเข้าไปช่วยแก้ปัญหาของบ้านเมือง

เปิดยุทธศาสตร์ชาติพัฒนา การเมืองที่สมดุล ไม่เป็นศัตรูกับใคร!

เมื่อทีมข่าวฯ ถามว่า พรรคชาติพัฒนาวางยุทธศาสตร์ไว้อย่างไร นายสุวัจน์ ตอบพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า พรรคชาติพัฒนามีแนวทางที่ชัดเจน คือ จะไม่เป็นศัตรูกับใคร เพราะไม่ต้องการให้เกิดการเมืองขัดแย้ง จะยึดคำของท่านชาติชายว่า “เป็นมิตรทุกฝ่าย” แต่ตัวคุณต้องทำงานเป็นด้วย เราจะร่วมทำให้ประเทศสงบสุข เพื่อให้เกิดบรรยากาศที่ดีในการลงทุน

“สิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนในตอนนี้ เชื่อว่าประชาชนอยากเห็น 2 อย่าง คือ 1. เลือกตั้งครั้งนี้จบไหม ความรักความสามัคคีกลับมาได้แล้วนะ ไม่มีความขัดแย้งกัน 2. อยากเห็นบรรยากาศเศรษฐกิจที่ดี โดยเฉพาะคนยากจนในชนบท ที่เขาอยากเห็นความยั่งยืนในชีวิตเขา ผมคิดว่าสังคมอยากเห็น 2 เรื่องความเรียบร้อยของบ้านเมือง กับชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องประชาชน”

เข้ากับใครก็ได้ คือ การแทงกั๊ก หวังเป็นรัฐบาล?

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีเป้าหมายอย่างไร อยากได้ ส.ส.กี่เสียง ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา ยิ้มๆ ตอบอย่างใจเย็นว่า เราไม่ได้ตั้งเป้าหมาย แค่อยากรักษาพรรคเอาไว้ รักษาความเป็นกลาง เข้าได้กับทุกฝ่าย เพื่อความสงบเรียบร้อย

การที่เข้าได้กับทุกฝ่ายเรียกว่า แทงกั๊กหรือเปล่า นายสุวัจน์ ตอบทันควัน ว่า “จะเรียกแทงกั๊กก็ได้” แต่ความหมายของเราคืออยู่ตรงกลาง เราไม่ต้องการเห็นการเมืองที่เผชิญหน้ากัน หรือการเมืองที่ไปสร้างเงื่อนไขอะไร เพื่อที่เลือกตั้งกันแล้วยังสามารถพูดคุยกันได้ ผมคิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้อยากให้ทุกคนช่วยสร้างบรรยากาศการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปูพื้นให้เหมือนกับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีความเป็นธรรม ได้รับความไว้วางใจจากนานาชาติ เพื่อที่เราจะได้ตั้งรัฐบาลเป็นไปอย่างเรียบร้อย

แสดงว่าพรรคชาติพัฒนาเตรียมพร้อมที่จะเป็นรัฐบาลหรือไม่ นายสุวัจน์ แทงกั๊กในคำตอบว่า ผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวชี้ขาด ว่าใครจะเป็นรัฐบาล ใครจะเป็นฝ่ายค้าน เราเป็นได้ทั้งนั้น รัฐบาลและฝ่ายค้าน จุดประสงค์หลักคือเราขอการอยู่ตรงกลาง เราเป็นพรรคที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งเราไม่ได้สร้างเงื่อนไข นำไปสู่การที่มีเงื่อนไขมากมาย และเราก็เป็นพรรคขนาดกลาง ไม่ได้เป็นพรรคที่ตัดสินใจ พรรคที่เขาตัดสินใจตอนนี้ในทางการเมืองก็น่าจะใกล้เสร็จละว่าใครเป็นพรรคที่ตัดสินใจ

"พรรคชาติพัฒนาเหมือนพรรคนักกีฬา ที่ปฏิบัติตนตามกติกาทุกอย่าง กติกาว่าอย่างไรเอาตามนั้น กรรมการตัดสินอย่างไร เรายอมรับ นี้คือพรรคชาติพัฒนา”

รัฐธรรมนูญใหม่ และการออกกฎเพื่อสืบทอดอำนาจ?

มองอย่างไรกับรัฐธรรมนูญใหม่ ที่อยากให้พรรคใหญ่ซอยย่อยเล็กลง นายสุวัจน์ กล่าวว่า การปฏิรูปการเมืองก็อยู่ในคิดและคนร่างรัฐธรรมนูญ มองว่าการเมืองสมัยก่อนค่อนข้างที่จะผูกขาด ผูกยึดติดกับคนบางกลุ่ม เขาอยากทำให้เป็นการเมืองของประชาชน ให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับคนในพรรค เปิด Welcome ให้กับคนที่มีความรู้ความสามารถมากขึ้น การกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ เป็นกฎเกณฑ์แบบใหม่ เพื่อให้มีที่นั่ง มีประตูที่กว้างๆ ให้คนที่สนใจการเมืองเข้ามา และลดการผูกขาดทางการเมือง ทำให้เกิดความสมดุลทางการเมือง

มีคนกล่าวว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นการสืบทอดอำนาจหรือเปล่าที่ออกกฎกติกาแบบนี้ นายสุวัจน์ กล่าวว่า การเมืองไม่ใช่การบังคับ เป็นเรื่องของการอาสาตัวเข้ามาทำงานให้บ้านเมือง และกติกานี้เป็นกติกาที่พี่น้องประชาชนให้การยอมรับ ดังนั้นจึงคิดว่าเราควรปฏิบัติไปตามรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าเราเดินตามรัฐธรรมนูญไปแล้วมีการติดขัดตรงไหน แล้วต้องการให้มีการแก้ไขปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมืองในตอนนี้ เราก็มาถามเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน หากเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วย เราก็ทำการแก้ไขต่อไปในอนาคต

จากประสบการณ์ทางการเมืองกว่า 30 ปี มีสิ่งหนึ่งที่ นายสุวัจน์ อยากเห็นคือ การยอมรับการเลือกตั้ง ตรงนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะปัจจุบันประเทศของเรามีปัญหาหลักๆ อยู่ 2 เรื่องคือ เศรษฐกิจ และ การเผชิญหน้าทางการเมือง

“ผมคิดว่า หากมีรัฐบาลที่นานาชาติให้การยอมรับ ประชาชนยอมรับ ไม่ได้เป็นอะไรที่ยากมากนัก เพราะว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจดี การลงทุนพอใช้ได้ โครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลได้วางเอาไว้ เป็นโครงการหลัก ถ้าการเมืองนิ่ง เศรษฐกิจก็ไม่มีปัญหา เป็นเรื่องที่เราทำกันได้ การที่เราจะไปสู่จุดนั้นได้ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือประชาธิปไตย ที่จะเป็นตัวที่ทำให้นานาชาติยอมรับประเทศไทยอีกครั้ง เหมือนกับการใส่สูทผูกไทเวลาไปงานก็เป็นมาตรฐานในการแต่งตัว พอเราแต่งตัวเป็นมาตรฐานทุกคนก็อยากมาคุยกับเรา การเลือกตั้งก็เช่นกัน เมื่อเลือกตั้งเสร็จก็เหมือนกับการใส่สูทผูกไท ในมุมมองของคนอื่น วันนี้ประเทศไทยมีการเลือกตั้งแล้ว ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย เขาก็มั่นใจในการลงทุน ในการท่องเที่ยว ผมเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะกลับมายิ่งใหญ่”

ยังอุบ 3 ชื่อพรรคชาติพัฒนา รอดูใกล้ๆ จะเสนอใครเป็นนายกฯ

ทีมข่าวฯ ถามว่า ตอนนี้ ชาติพัฒนามี 3 ชื่อ ที่จะเสนอใครเป็นนายกฯ แล้วหรือยัง นักการเมืองมากประสบการณ์อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง ตอบว่า ยังไม่ทราบ ตอนนี้เขาก็คงสาละวนเรื่องตัวผู้สมัครก่อน เพราะตอนนี้มีบัตรเพียงใบเดียว ฉะนั้นพรรคไหนส่งผู้สมัครไม่ครบ 350 เขต ถือว่าเสียเปรียบมาก ภาระจึงตกอยู่กับพรรคเล็กๆ ที่จะหาผู้สมัครให้ครบ 350 เขต ตอนนี้อย่างพรรคชาติพัฒนาก็สาละวนอยู่กับเรื่องนี้เช่นกัน

คิดว่าใคร ลุงตู่ สุดารัตน์ หรือนายอภิสิทธิ์ นายสุวัจน์ ตอบว่า ต้องรอดูว่าพรรคการเมืองแต่ละพรรคจะเสนอใคร เพราะพรรคการเมืองไม่ได้มีแค่ 3-4 พรรค ครั้งนี้น่าจะ 50 พรรคขึ้นไป บางทีจะมีการเปิดเผยชื่อคนนั้นคนนี้ และต้องขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชนว่าคิดอย่างไร

“ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่การเลือกตั้งที่มีการเปิดเผยชื่อ “ว่าที่นายกฯ” อย่างชัดเจน ให้พี่น้องประชาชนตัดสินใจเลือก องค์ประกอบของว่าที่นายกฯแต่ละพรรค จะเป็นไฮไลต์องค์ประกอบของการตัดสินใจ เมื่อเปิดแบบนี้แล้วคำตอบเป็นอย่างไร นั่นก็คือคำตอบ..

คุณสมบัติว่าที่นายกฯ ต้องเป็นอย่างไร นักการเมืองสุดเก๋าคนเดิม สาธยายว่า ต้องเอาความต้องการของพี่น้องประชาชนมาเป็นเกณฑ์ อย่างวันนี้พี่น้องอยากได้ความสงบความเรียบร้อย ต้องมีคุณสมบัติที่พี่น้องอยากได้ ฉะนั้นเข้ามาแล้วต้องมาคลี่คลายสถานการณ์บ้านเมืองได้ เข้าได้กับทุกฝ่าย ประนีประนอม เพื่อให้การเมืองนิ่ง หากพี่น้องห่วงเรื่องเศรษฐกิจ คนนี้เข้ามาจะต้องแก้ไขเศรษฐกิจได้ เข้ามาทำให้เศรษฐกิจดีได้ ทำให้นานาชาติยอมลงทุนกับเราได้

“คุณสมบัติของนายกฯ ก็คือการที่เข้ามาแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในประเทศได้”

เคยมั้ยลึกๆ อยากจะเป็นนายกรัฐมนตรี นายสุวัจน์ตอบว่า จริงๆ แล้วไม่ต้องการตำแหน่ง ประเทศชาติได้ให้อะไรกับผมมามากละ วันนี้ผมอยากจะทำอะไรให้กับประเทศ โดยไม่จำเป็นที่ต้องมีตำแหน่งอะไรที่ผมทำได้ ผมทำเต็มที่

“ผมผ่านมาหมดแล้ว ได้เป็น ส.ส. ได้เป็นรัฐมนตรี ได้เป็นรองนายกฯ ผมรู้สึกว่าไม่ได้อยากเป็นอะไร ผมจะมีความสุขมากถ้าผมได้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ช่วยเหลือประเทศชาติ เพราะประเทศชาติให้โอกาสผมมา”

นี่คือมุมการเมืองของชายที่ชื่อ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ”
ไม่ว่าการเมืองจะเป็นอย่างไร
การเลือกตั้งจะมีกฎอย่างไร
หากเลือกที่จะลงสู่สนามเลือกตั้งแล้ว เขาตอบทันทีว่า “No Problem”

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน