เปิดศักราชใหม่ปี 2562 เข้าสู่โหมดการเลือกตั้งเต็มรูปแบบในช่วงปลายเทอมรัฐบาล “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ที่รอคืนอำนาจให้ประชาชน

หลายพรรคโหมโรงเปิดปฏิบัติการหาเสียงช่วงชิงคะแนนเต็มที่ ภายหลังการออกคำสั่งหัวหน้า คสช.คืนอิสรภาพให้นักการเมือง สามารถเคลื่อนไหวทำกิจกรรมได้

ถนนทุกสายมุ่งสู่สนามเลือกตั้งใจจดใจจ่อไปที่วันคืนประชาธิปไตย 24 ก.พ.นี้ หลังจากที่ประเทศไทยร้างการเลือกตั้งมา 7 ปี

ทุกค่ายการเมืองทะยานลงสนามเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่มีหลากหลายกฎเกณฑ์จะถูกนำมาประเดิมใช้เป็นครั้งแรก อาทิ การเลือกตั้ง ส.ส.ระบบจัดสรรปันส่วนผสม การให้ ส.ว.ร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย แต่ก็เป็นกติกาที่ทุกฝ่ายต้องยอมรับ

ท่ามกลางการจับตามองจากทั้งในและต่างประเทศกับก้าวย่างที่จะไปสู่ประชาธิปไตยในเที่ยวนี้ โดยมีศึกชิงอำนาจรอบใหม่ของประเทศไทยเป็นเดิมพัน

“ทีมข่าวการเมืองไทยรัฐ” ขอทำหน้าที่จับทิศทาง “วาทะร้อน” จากฝ่ายต่างๆที่แสดงออกมา เพื่อสะท้อนถึงสถานการณ์ความเป็นไปของบ้านเมืองในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญภายในวิถีเลือกตั้งปี 2562.

...


เยื้องย่างเสียบยอด

พ.ศ.ที่ผ่านไป ก็น่าจะเป็นปีที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ตั้งใจจะลดโทนร้อนเรื่องลีลาวาทะ แต่เอาเข้าจริงก็กลายเป็นใส่แบบหูดับตับไหม้เช่นเคย ชนิดที่ว่ากล้าเปิดข้อมูลประชดตัวเอง บอกที่พูดในรายการคืนวันศุกร์ “ถอดเทปมาพูดไปแล้วกว่า 4 ล้านคำ รวมวันอื่นๆทั้งหมดประมาณ 10 ล้านคำมั้ง”

ตลอดทั้งปี 2561 พระเอกอย่าง “บิ๊กตู่” มาในจังหวะ “เยื้องย่าง” จนถูกมองว่าท่ายาก-ท่าเยอะ ไล่ตั้งแต่โรดแม็ปเลือกตั้ง กว่าจะลงตัวต้นปี 2562 ก็ลากยาวกินแดนมาหลายช็อต ขณะที่สถานะส่วนตัวก็เปิดนำร่อง “ผมไม่ใช่ทหาร เป็นนักการเมืองที่เคยเป็นทหาร” แต่จากนั้น ผู้นำก็แค่แพลมไต๋ “ผมสนใจการเมือง ต้องการติดตามงานที่ทำไว้”

ส่วนค่ายใดจะเชิญขึ้นหิ้ง “ถ้าผมถูกใจก็พร้อมรับ ถ้าโดนก็เต็มร้อย” รวมทั้งพรรคพลังประชารัฐ “ผมก็สนใจ มีคนที่ร่วมงานกันไปอยู่” แน่นอนย่อมปกป้องคนในค่ายที่คาดจะเป็นนั่งร้าน แบ็กอัพ 4 รมต.จากกระแสกดดันให้ไขก๊อก
“กฎหมายว่าอย่างไร รัฐบาลก่อนนี้ทำอย่างไร” และเมื่อลูกถึงตัว “ฉันจะทำหน้าที่จนจบ อย่ามากดดัน”

แน่นอนที่เห็นลวดลายแฝงคิวประจาน “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวอดีตผู้นำ มีกระแสเผ่นหนีโยงข่าวคุ้ยปมจำนำข้าวลอต 2 “ทำไมต้องหลบ ถ้าคิดว่าทำถูกต้อง ก็สู้คดีไป” และเมื่อมีคนแหยมโจมตีแบรนด์ประชารัฐ “ทำไมตอนอยู่ไม่ทำ แล้วที่อยู่มามีธรรมาภิบาลกันหรือ”

รวมทั้งที่แจงข้อหาดูดนักการเมืองเข้าหนุนค่ายการเมืองใหม่ “ไม่ใช่บอกแต่ คสช.ดูด การดูดมีมานาน เป็นครรลองประชาธิปไตยไทย” แถมยิงมุก “ฉันไม่ใช่เครื่องดูดฝุ่น” เช่นเดียวกับการตอบโต้เรื่องใช้อำนาจ “ถ้าเผด็จการไม่ต้องแบบนี้หรอก นั่งสั่งอย่างเดียว” ยิ่งโค้งท้ายๆถูกถามเรื่องแบ่งเขตเลือกตั้งเอื้อบางพรรค ผู้นำว้ากเบอร์แรง “แม่ง จะตายห่ากันหรือไงไม่รู้ ไอ้เรื่องซังกะบ๊วย”

4 ปีที่เผชิญแรงเสียดทานการเมือง คุ้นชินจนตกผลึก “ไม่ว่าแมวขาวแมวดำ ขอให้เป็นแมวสะอาด ไม่มีเชื้อโรค ไม่เช่นนั้นปราบหนูไม่ได้” และ “ผมยินดีรับคำด่าทุกวัน มากกว่าคำชมที่เคลือบแฝงไปด้วยยาพิษ”

ทั้งหมดคือลีลาวาทะ ตำรับ “เยื้องย่าง” รอ “เสียบยอด” ไปต่อของ “นายกฯลุงตู่” เค้าล่ะ!!

ป้อมปราการผู้นำ

ปะทะแรงเสียดทานหนักๆตลอดปี บทบาทของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม คอยลดแรงกระแทกช่วย “น้องเล็ก” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.

ผูกขาดคุมงานความมั่นคงมาหลายปี ทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่อง คุยโอ่เสียงดัง “ถ้า 4 ปี คสช.ไม่ดีจริงอยู่ไม่ได้” ตอกกลับพรรคเพื่อไทยที่ตั้งโต๊ะวิจารณ์ผลงานท็อปบูตตอนครบ 4 ปียึดอำนาจ

โดยเฉพาะคู่ปรับ “ทักษิณ ชินวัตร” ใส่กันไฟแลบ มีเรื่องให้ลับฝีปากกันตลอด ออกแอ็กชันแดกดัน “บ้านเมืองที่มันยุ่งอยู่นี่เพราะใคร” ไม่สนใจปรองดองนายใหญ่ แถมไล่ส่ง “ไปเคลียร์เรื่องที่ทำผิดให้ได้ก่อนค่อยคุยกัน”

ฟอร์มดุตลอดทั้งปี ยังไม่รวมตอนว้ากใส่ “เสธ.ยอร์ช” พล.อ.ยศนันท์ หร่ายเจริญ อดีตรอง ผบ.ทหารสูงสุด ลูกน้องเก่าแปรพักตร์ไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามที่แว้งมาถล่ม คสช. เปรียบทำตัวเหมือน “จิ้งจก” ลืมบุญคุณ “ข้าวแดงแกงร้อน” ที่เคยชุบเลี้ยงมา ตอกใส่หน้ารุ่นน้องทำตัว “น่าผิดหวัง”

เป็นเสาหลักค้ำยันช่วย “ลุงตู่” ประคองบ้านเมืองพร้อมส่งไม้คืนประชาธิปไตย กรุยทางให้ “น้องเล็ก” ตีตั๋วไปต่อ “ไม่เห็นจะมีอะไร ถ้านายกฯจะทำงานต่ออีก 4 ปี” ไม่ให้สิ่งที่ทำมา “เสียของ”

ส่วน “พี่ใหญ่” ขอวางมือไม่รับตำแหน่งใดๆอีก “ผมพอแล้ว โดนด่าพอแล้ว ทำแทบตายโดนด่าอย่างเดียว” หมดแรงบู๊ต่อกับนักการเมือง อุตส่าห์ประกาศชัดๆหลายครั้งหลายหน ได้ตอกเสาเข็มเลือกตั้งแน่ๆ 24 ก.พ.2562 แต่ยังโวยวายจ้องตุกติกเลือกตั้ง

เล่นเอาพี่ใหญ่ของขึ้นฮึ่มฮั่มใส่ “พูดแบบนี้มาชกกันดีกว่า” ฉุนฝ่ายการเมืองที่ไม่เชื่อใจกัน

ฝ่าฟันมรสุมหนักๆ แต่คงไม่มีเรื่องไหนเสียศูนย์เท่าปมนาฬิกาหรู “ยืมเพื่อนใส่” เป็นปมคาใจสังคม ติดชนักอยู่ใน ป.ป.ช.ร่วมปี เจอสื่อเซ้าซี้ถามแทงใจทุกวัน ได้แต่ตัดพ้อ “ถ้าประชาชนไม่ต้องการ ผมก็พร้อมจะไปจากตำแหน่ง” แต่สุดท้าย ป.ป.ช.ลงมติโดยชี้ว่าคดีไม่มีมูลเพียงพอ หลุดข้อกล่าวหาส่งท้ายปี

ยืนตระหง่านเป็นป้อมปราการเหล็กคอยค้ำช่วยรัฐบาลต่อไป.

ดิ้นสู้นอกกระดาน

ออกแนวบู๊ชวนหาเรื่องตลอด “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯปล่อยวาทกรรมดุเดือด สร้างประเด็นขยายผลต่อเนื่อง ปะทะคารม “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม หลายระลอก

ที่ร้อนระอุแชร์กันสนั่นโลกโซเชียล ก็แฮชแท็ก “เกาะโต๊ะ” ที่นายใหญ่ทวีตข้อความเจ็บๆ “ท่าทีและน้ำเสียงขึงขังน่ากลัวจัง ไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนตอนมาเกาะโต๊ะขอเป็น ผบ.ทบ.เลย” สวนหมัดใส่ “บิ๊กป้อม” ที่ตั้งคำถามบ้านเมืองที่ยุ่งอยู่นี่เพราะใคร

อีกช็อตเชือดเฉือน “ทหารที่อาสามาทำงานการเมือง น่าชื่นชมกว่าทหารที่เข้ามาโดยการยึดอำนาจไหมครับป้อม” ตอบโต้วาทกรรม “ข้าวแดงแกงร้อน” ของรุ่นพี่ที่ไม่สบอารมณ์ ที่มีอดีตนายทหารไปทำงานกับฝ่ายคู่แข่ง

สาดสงครามน้ำลายมันหยดในห้วงที่คนแดนไกลต้องดิ้นพล่านสู้ทั้งบนดินและใต้ดิน เพื่อทวงอำนาจคืน

ภายหลังถูกกลไกรัฐธรรมนูญ และเงื่อนไขต่างๆบีบมัด จนกระดิกตัวเดินเกมเลือกตั้งตามที่ถนัดไม่ได้

ไพร่พลแตกกระสานซ่านเซ็น กระเด็นไปคนละทิศทาง นายใหญ่ต้องปลุกใจลูกทีมให้ฮึดสู้หลายรอบ ชูความเชื่อมั่น “เพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลายแบบหิมะถล่ม” ประกาศความมั่นใจ “ฝ่ายประชาธิปไตยจะได้ที่นั่งในสภามากกว่า 300 ที่นั่ง” คว่ำรัฐบาลทหารสำเร็จ

ประกาศ “สงครามยังไม่จบ” ชักธงรบเกมชิงอำนาจประเทศไทย เปิดเกมรุกชู 3 นิ้ว “เราต้องร่วมกันแก้รัฐธรรมนูญฉบับถ่วงความเจริญของประเทศฉบับนี้” ปลุกเร้ากองเชียร์ ต้อนรับการปลดล็อกการเมือง

เดิมพันชะตากรรมนัดสุดท้ายต้องชนะเลือกตั้ง เพื่อกลับมากุมอำนาจประเทศไทยให้ได้ ถ้าไม่สำเร็จก็ปิดประตูที่จะกลับบ้านถาวร.

หัวหอกปั่นแต้ม

พอทางเปิด มือเก๋ากลับเข้าสู่ยุทธจักร “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ก็กลับมาโชว์วรยุทธ์เพริศแพร้ว โลดแล่นไปพร้อมๆกับคู่หู “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็นดูโอตระกูล ส.เสือ

เปิดตัวกลุ่มการเมืองที่ชื่อ “สามมิตร” เว้นโควตาอีก 1 ส. เสือ ให้คนเดาได้ว่าเป็น ส. มหามิตรระดับบิ๊กรัฐบาล ดึงอดีต รมต. นักการเมืองโขยงใหญ่เข้ากรุ๊ป ปั่นกระแส เดินสายรับฟังทุกข์ร้อนชาวบ้าน เกษตรกรไว้เสนอรัฐบาล คสช.

กระทั่งถึงห้วงเหมาะเจาะ สามมิตรของ 2 ส.ก็สลายกลุ่มเข้าร่วมกับพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดเต็มตามหน้าตัก ไม่ได้โม้กับตัวเลข 60 บวกๆ ขึ้นหม้อกำลังหลักค่ายใหม่

จากนั้นเจ้าของฉายา “เจ้าพ่อวังน้ำยม” ก็เริ่มมีบทเด่น นอกจากร่วมทีมยุทธศาสตร์ พปชร. ยังสวมบทขุนพลนำทัพหาเสียงกระตุ้นแต้มพรรค ถึงแม้เรื้อเวทีมาหลายปี แต่รอบนี้ยกระดับเชิงล้ำ ทำคอการเมืองซู้ดปากตลอดไม่ว่าจะเป็นช็อตที่ต้องขีดเส้นใต้ “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา” รวมทั้งยิงลูกหนักไม่กั๊ก ถล่มอดีตผู้นำที่เคยร่วมงาน “นโยบายรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ส่วนใหญ่ให้กู้ จนชาวบ้านเป็นหนี้สะสม” ก่อนเขย่าขวัญ “ที่บอกจะพาทักษิณกลับบ้าน เอามาไม่ได้ จะเกิดสงครามกลางเมือง”

รวมถึงทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์ผู้นำ ย้อนอดีต ยกเหตุยึดอำนาจเพราะ “รัฐบาลที่แล้ว เสนอกฎหมายนิรโทษ จนขัดแย้ง บ้านเมืองวุ่นวาย” จนต้องพลิกมาหนุน “บิ๊กตู่” เพราะ “ทำให้ประเทศมีความสุข”

ยิ่งใกล้ไคลแมกซ์ ยิ่งปั่นแรง ประกาศ “เลือก พปชร.ได้ พล.อ.ประยุทธ์” อ่านปัจจัยหนุนวางเป้าค่ายน้องใหม่ จะกวาด ส.ส.อีสาน 50 ที่นั่ง ทั้งประเทศน่าจะเกิน 150 บวกด้วย 250 ส.ว. เส้นทางสู่ทำเนียบฯของผู้นำก็เปิดโล่ง

นั่นก็แน่นอน ถ้า พปชร.เข้าป้ายเข้าล็อก “หัวหอกปั่นแต้ม” ไม่ต้องวิ่งจองเก้าอี้ แต่งตัวรอได้เลย!!

ตัวแปรผยองศึก

หลังเลือกตั้งมีโอกาสสูงจะเป็นขั้ว “ตัวแปร” ในศึก 3 ก๊ก ฉะนั้น ใครจะค่อนขอดเป็น “เด็กดื้อ” ยังไง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็คงยักไหล่ไม่สน เล่นบทเฮี้ยวดะทั่วทิศ ชนิดขั้วค่ายอื่นเริ่มมองเป็น “ตัวปัญหา”

ไล่ตั้งแต่มีข่าวลูกพรรคปีก กปปส.ส่ออพยพไปร่วมค่ายใหม่ “ลุงกำนัน” คิวนี้บิ๊ก ปชป.ไม่ยี่หระ มั่นใจความขลังของแบรนด์ หยามใส่แผนอดีตพ่อบ้าน ปชป. “คนที่ตั้งพรรคเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นจุดยืนที่ต่างกัน”

กระทั่งปราบกลุ่มกบฏอยู่หมัด วางหมากแก้เกมได้ชัยคิวโหวตเลือกประมุข ปชป. “อภิสิทธิ์” ตีธงลุยแรง “ศึกนอก” ด้วยคมวาทะเชือดเฉือน เมินใส่ไอเดียจับมือขั้วใหญ่เข้าสู่อำนาจ “เราไม่ยอมถูกลากให้เลือกข้าง เพราะไม่เอาทั้งทุจริตและเผด็จการ” ยืนยันไม่จำเป็นดิ้นรนจับมือใคร “ถ้าอุดมการณ์ไม่ตรงกัน ก็ทำหน้าที่ตรวจสอบได้”

ปฏิเสธชัดทั้งแผนบวกพรรคขั้วนายใหญ่ ต้านท็อปบูต “หากยังอยู่ใต้ร่มเงาตระกูลชินฯก็คงไม่สามารถร่วมงานได้” พร้อมเหน็บ “บางคนให้เลือกเผด็จการกับประชาธิปไตย ไม่แน่ใจมีจิตวิญญาณนั้นจริงหรือ”

ที่ไต่จุดเดือด คิวโวยถูกบล็อกกลุ่มทุน-ดูดไพร่พล “คนที่ทำอะไรไม่อาย มักได้เปรียบเป็นธรรมดา” ก่อนอัดตรงผู้มีอำนาจ “ไม่พยายามยกระดับการเมืองไทย” ยิงรัว “เราไม่มีหน้าที่เป็นตัวช่วยหรือกองเชียร์ใคร”

ก่อนเดินสู่โหมดหล่อหรูชู ปชป. “เราไม่ใช่ตัวแปร แต่เป็นตัวหลัก ทางหลักและทางออกของประเทศ” และที่เท่มาก บอกเหตุผลไม่ตั้งค่ายสาขา “ผมยอมโง่แต่ซื่อตรง ดีกว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์ที่ซ่อนกลโกง” ว้าวๆๆ

ทั้งหมดทั้งปวง บิ๊ก ปชป.เชื่อว่าจุดยืนโชว์เก๋จะเข้าตาแฟนๆ “มั่นใจว่าคนจะสนับสนุนพรรคมากกว่าจะทำให้ได้ ส.ส.ต่ำร้อย” แต่ถ้าเป็นตรงข้ามก็พร้อมแสดงสปิริต “ถ้าต่ำกว่าร้อย เป็นพรรคลำดับ 3–4 ก็อยู่ไม่ได้อยู่แล้ว”

เมื่อยังไม่ถึงห้วงต้องเทข้าง บท “ตัวแปร” เล่นสนุก ออกลีลา “ผยองศึก” ให้เข้มๆไว้ก่อน!!

เป้าล่อเคลื่อนที่

กลืนน้ำลายคืนสนามการเมือง “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. บีบน้ำตาซีนดราม่าลั่นคำ “ตระบัดสัตย์” รวมไพร่พลตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย

ร่ำหลักการสวยหรู “ขออาสาเป็นขี้ข้ารับใช้ประชาชน” ลุยเดินสายคารวะแผ่นดินทั่วสารทิศ รณรงค์หาสมาชิกพรรคไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แต่เที่ยวนี้ไม่เปรี้ยงปร้าง ชาวบ้านไม่ก้มหัวซูฮกให้เหมือนเดิม

เจอเสียงโห่ เสียงด่ารายทาง ห้างดังปิดประตูไม่ต้อนรับ สาวกก็วิ่งโร่คืนนกหวีด ถึงขั้นเจอชูป้าย “คนโกหก” ประจานกันต่อหน้า ยั่ว “ลุงกำนัน” ให้หงุดหงิด ต้องเอ่ยปากถามกลับ “เขาจ้างคุณมาเท่าไหร่” โบ้ยเป็นฝีมือกลุ่ม “อำนาจเก่า” คอยส่งคนมาป่วน

ขยับไปที่ไหนก็ชวนหวาดเสียวกลัวมีเรื่อง ตามประสาคนมีโจทก์รอบทิศ หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยเดินสร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่

กระแสตอบรับวูบน่าใจหาย แต่กล้าอวยตัวเองเป็นพรรคเนื้อหอม ประกาศตีตราจองร่วมรัฐบาลล่วงหน้า “นี่คือพรรคที่มีประชาชนร่วมเป็นเจ้าของกว่าล้านคน ใครก็อยากคบ”

ทำนายพรรคเพื่อไทยแห้วตั้งรัฐบาล ออกโรงแฉอุบายนายใหญ่แตกเหล่าแตกกอเป็นพรรคเล็กพรรคน้อย ตั้งชื่อเรียกยุทธวิธี “แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย” เพื่อมารวมตัวกันให้ได้ ส.ส.ตามเป้า

เตะสกัดทั้งระบอบ “ทักษิณ” แม้กระทั่ง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตหัวหน้าเก่าค่ายประชาธิปัตย์ โทษฐานเป็นเด็กดื้อ คอยขัดแข้งขัดขาไม่อยากให้ “ลุงตู่” กลับมาเป็นใหญ่

เป็นเป้าล่อเคลื่อนที่ ไล่เหยียบตาปลาฝ่ายตรงข้ามไปทั่ว.

“ทีมการเมือง”