ท้าเกิดกลุ่มงูเห่า 2 อีกก็ลองดูสิ "นิพิฏฐ์" จ่อฟัน "ลูกหมี" ไม่ส่ง ส.ส. "เจ๊หน่อย" คุยจีนจะจับมือประชาธิปัตย์


ศึกในประชาธิปัตย์ระอุเดือด “นิพิฏฐ์” สวมบทโหดขู่ตัดสิทธิ “ลูกหมี-ชุมพล จุลใส” ไม่ให้ลงสมัคร ส.ส.ทั้งแบบเขตและบัญชีรายชื่อ หลังดื้อแพ่งแอบหนุนพี่ชายลงพรรค “เทือก” ซัดหักหลังพรรค “คนใช้ไม่ได้” “มาร์ค” ลั่นประชาธิปัตย์ได้ ส.ส.ต่ำร้อยไขก๊อกแน่ อยากเป็นมากรัฐบาลพรรคเดียว ฮึ่มใครคิดเป็น “งูเห่า 2” ก็ลองดู “จุรินทร์” เหยียบจมูกบิ๊กสามมิตรฟุ้งกวาดสุโขทัย ยกทีม ปูด “เจ๊หน่อย” หยอดจีนพร้อมจับมือ ปชป.ตั้งรัฐบาล “ทักษิณ” ขยับโลกโซเชียลอีก ชี้อนาคตหนีไม่พ้นโลกยุคเอไอ ชทพ.จี้ติด กกต.แจงเลือกตั้งให้ชัด อย่าทำขายขี้หน้า “ธนาธร” จัดอันดับที่สุด คสช.ปาหี่ ส.ว.ลากตั้งล้างผลาญงบ “พรเพชร” โอ่ผลงาน สนช.สุดยอด พลิ้วออกกฎหมายเอื้อ พปชร. มท.จ่อตั้งชุด ฉก.ดูแลเลือกตั้ง

โรดแม็ปเลือกตั้งจะต้องเลื่อนจากกำหนดเดิมวันที่ 24 ก.พ.2562 ออกไปหรือไม่ ยังคงอึมครึม แต่ศึกภายในของพรรคประชาธิปัตย์เริ่มระอุเดือด เมื่อนายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคกำกับดูแลภาคใต้ เปิดเผยว่า มีแนวโน้มอาจไม่ส่งนายชุมพล จุลใส ลงสมัคร ส.ส.ชุมพร รวมถึงแบบบัญชีรายชื่อ

“มาร์ค” ลั่น ปชป.ต่ำร้อยไขก๊อก

เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตั้งเป้าหมายจำนวนที่นั่ง ส.ส. ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นว่า ยังไม่ฟันธงว่าจะได้เท่าไหร่ หากคิดตามตัวเลขเดิมที่พรรคเคยได้ 160 ที่นั่ง นำคะแนนดิบที่เคยได้ 9.8 ล้านเสียง เป็นฐานคำนวณตามระบบสัดส่วนปันส่วนผสม จะออกมาที่ 140 ที่นั่ง หากเราทำได้เยอะกว่านี้ถือว่าประสบความสำเร็จ ถ้าถอยลงมาระดับหนึ่งคนก็คงไม่แปลกใจเพราะคู่แข่งเยอะ แต่เราคงไม่ถอยเยอะ ทางบวกมีมากกว่าทางลบ มั่นใจได้เลยว่าเราไม่มีต่ำกว่าร้อยแน่นอน หน่วยงานไหนที่ปรามาสว่าพรรคประชาธิปัตย์จะต่ำร้อยให้ไปดูแลพรรคที่อิงกับผู้มีอำนาจดีกว่า ว่าจะทำได้ถึงร้อยที่นั่งหรือเปล่า เคยประกาศไปแล้วว่าหากได้ไม่เกิน 100 เสียง พร้อมลาออกจากหัวหน้าพรรค ถือว่าทำให้พรรคถดถอยต้องรับผิดชอบ

...

อยากเป็นรัฐบาลพรรคเดียว

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตอนนี้ทุกพรรคถือเป็นคู่แข่งทั้งหมด พรรคเพื่อไทยเป็นแชมป์เก่ายังได้เปรียบอยู่ แม้ไม่มีระดับหัวจ่ายท่อน้ำเลี้ยงได้มากมายเหมือนที่ผ่านมา เพราะบางคนหนีออกนอกประเทศ แต่หากพร้อมส่งผู้สมัคร และมีการประชาสัมพันธ์ที่ดีเขาก็เดินไปได้ ส่วนพรรคพลังประชารัฐก็เป็นคู่แข่งที่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ หากเราได้เสียงมาเยอะเราก็จัดตั้งรัฐบาล ได้เสียงมาไม่มากก็เป็นไปตามระบบรัฐสภา ถ้าไปเป็นรัฐบาลแล้วไม่ได้ทำงานตามอุดมการณ์ได้ เราก็ไม่เป็น ไม่ใช่กั๊ก ให้ไปรวมรัฐบาลที่โกงกินจนระบบพังตนไม่เอา ไปร่วมรัฐบาลบริหารเศรษฐกิจแบบนี้ก็ไม่เอา แต่เราจะไปตัดเสียเลยก็ไม่ได้ ต้องดูว่าเขาจะเปลี่ยนนโยบายหรือเปล่า ไม่ได้คิดเรื่องผลประโยชน์ต่อรองตำแหน่ง หากพลังประชารัฐหรือเพื่อไทยยอมรับแนวทางเรา ต้องแสดงท่าทีออกมาก่อน ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าแต่ละพรรคมีจุดยืนท่าทีอย่างไร วันนี้ยังตอบไม่ได้ เราไม่เคยประกาศว่า “ฉันจะไม่ร่วมกับใคร แต่เป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้ก็เป็นถ้าประชาชนให้ เราอยากจะเป็นมาก”

ท้าใครคิดเป็น “งูเห่า 2” ลองดู

เมื่อถามว่า หากพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล ประชาธิปัตย์จะจับมือเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า การเป็นฝ่ายค้านไม่จำเป็นต้องจับมือร่วมกับใคร ต่างคนต่างมาเป็น แต่หากเราจับมือกันแล้วรัฐบาลเป็นเสียงข้างน้อยจะอยู่ได้หรือ แม้จะมี ส.ว.อยู่ในมือแต่ก็ทำได้แค่ช่วงเลือกนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ที่บอกกันว่าระวังจะเกิด “กลุ่มงูเห่า 2” อีกครั้ง ก็ลองดูซิว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน และจะจบอย่างไร ไม่หนักใจต่อการเป็นแม่ทัพนำศึกเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะเป็นความรับผิดชอบปกติธรรมดาของนักการเมืองอาชีพ

“จุรินทร์” ฟุ้งกวาดสุโขทัยยกทีม

ที่ จ.สุโขทัย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่พบปะรับฟังปัญหาจากประชาชนและเกษตรกร ที่ ต.หาดเสี้ยว อ.ศรีสัชนาลัย พร้อมนายวิรัตน์ วิริยะพงษ์ นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล และนายโด่ง แสวงลาภ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุโขทัย นายจุรินทร์กล่าวว่า รัฐบาลปัจจุบันมีภารกิจสำคัญ 2 ข้อ คือ สร้างความสงบ กับแก้ปัญหาปากท้อง แต่ที่ผ่านมาทำงานบรรลุผลได้เพียงข้อเดียว คือเรื่องความสงบ ส่วนเศรษฐกิจฐานรากคนส่วนใหญ่ยังไส้กิ่ว ประชาชนจึงอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง หากประชาธิปัตย์มีโอกาสเข้ามาทำหน้าที่ตั้งใจเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องเป็นลำดับแรก โดยเฉพาะเกษตรกร หากเกษตรกรมีเงินในกระเป๋า ร้านค้าก็ขายของได้มากขึ้น เศรษฐกิจในท้องถิ่นหมุนเวียนมากขึ้น พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบาย “ประกันรายได้เกษตรกร” เราส่งครบทั้ง 3 เขต โดยเขต 1 และเขต 2 เป็นที่นั่งเดิม มั่นใจว่าจะรักษาไว้ได้ ส่วนเขต 3 จะส่งทนายโด่ง แสวงลาภ ลง ถือว่ามีโอกาส

ปชป.เล่นบทโหดตัดสิทธิ “ลูกหมี”

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดูแลภาคใต้ กล่าวถึงกรณีนายชุมพล หรือลูกหมี จุลใส อดีต ส.ส.ชุมพร ที่แสดงความไม่พอใจว่าถูกพรรคบีบไม่ให้ลงสมัคร ส.ส. ว่า เรื่องนี้ได้คุยกันอย่างละเอียดแล้วในที่ประชุมกรรมการบริหาพรรค กรณีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ ที่นายชุมพลยกขึ้นมาอ้าง ก็มีคนหยิบยกขึ้นมาพูดในที่ประชุม ซึ่งนายอภิสิทธิ์ชี้แจงให้เข้าใจแล้ว แต่กรณีของนายชุมพล กับนายสุพล จุลใส พี่ชาย แม้จะลงคนละเขต แต่มีข้อเท็จจริงว่าคนของเราอาจมีส่วนสนับสนุนช่วยผู้สมัครต่างพรรค แต่นายอภิสิทธิ์ไม่ได้มีข้อเท็จจริงตรงนั้น หรือกรณีนายอัศวิน วิภูศิริ รองหัวหน้าพรรค ที่ลูกชายคือนายชาญวิทย์ วิภูศิริ ไปอยู่ พปชร.ก็ไม่มีข้อเท็จจริงว่านายอัศวินไปสนับสนุนผู้สมัครต่างพรรค แต่ของนายชุมพลมีข้อเท็จจริงที่ชัดกว่ากรณีอื่น เราจึงมีมติให้นายชุมพลไปเคลียร์ให้ชัดเจน ไม่น่าบานปลาย เราทำให้จบ ได้คุยกับนาย ชุมพลเขาบอกบังคับพี่ชายไม่ได้ ตนจะนำไปรายงานในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค จะตัดสินใจอย่างไรก็แล้วแต่ แต่มีแนวโน้มไม่ส่งนายชุมพลลงสมัคร ส.ส.

ซัดหักหลังพรรค “คนใช้ไม่ได้”

เมื่อถามว่าหากนายชุมพลไม่ได้ลงสมัคร ส.ส.เขต มีสิทธิไปสมัครในบัญชีรายชื่อหรือไม่ นายนิพิฏฐ์ตอบว่า เลยเวลามาแล้ว นายชุมพลไม่ได้สมัครบัญชีรายชื่อไว้ ก็หลุดจากการสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ พรรคต้องให้เขาเลือก และเขาต้องเห็นใจพรรคด้วย พรรคให้โอกาสแล้วไม่ใช่ไม่ให้โอกาส “ลูกช้าง (นายสุพล) ตอนลงนายก อบจ.ชุมพร ก็ลงในนามประชาธิปัตย์ สวมเสื้อประชาธิปัตย์ วันนี้ไปลงพรรคอื่นอย่างนี้ใช้ไม่ได้ ส่วนลูกหมี (นายชุมพล) เขาบอกแล้วว่าไม่ได้ลงสมัครก็ยังอยู่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ เขาจะไปช่วยคนอื่นไม่ได้”

รัฐบาลใหม่ต้องเร่งแก้ปากท้อง

นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเมืองไทยในปี 2562 ว่า จะเป็นการเลือกตั้งในเชิงยุทธศาสตร์ โดยอำนาจจะอยู่ในมือของประชาชนที่จะตัดสินใจนำพาประเทศให้พ้นจากพันธนาการทั้งปวง สิ่งแรกที่รัฐบาลใหม่ควรทำคือ เร่งกระบวนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สร้างศักยภาพและกำลังซื้อของประชาชน กลุ่มวิชาชีพต่างๆ ให้ก้าวพ้นจากกับดักความยากจน และสภาพความถดถอยสิ้นหวัง ให้ประชาชนได้รับโอกาสที่จะเกิดกำลังซื้อที่เข้มแข็งขึ้น โดยเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ ให้สามารถตอบสนองชีวิตที่มีคุณภาพของประชาชนได้

“เจ๊หน่อย” หยอดจับมือ ประชาธิปัตย์

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย จากการนำคณะเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย และนายโภคิน พลกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย ในฐานะนายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน เมื่อวันที่ 21-23 ธ.ค. นอกจากเข้าพบหารือกับภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจการท่องเที่ยวของจีน สร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวจีนแล้ว ทางฝ่ายจีนยังสอบถามถึงสถานการณ์การเมืองของไทย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ยืนยันว่ายังเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นเร็วที่สุดคือวันที่ 24 ก.พ.2562 และเชื่อมั่นว่าเพื่อไทยจะได้ ส.ส.มาเป็นอันดับ 1 เมื่อรวมกับพรรคเครือข่ายฝ่ายประชาธิปไตย แต่ด้วยข้อจำกัดรัฐธรรมนูญส่งผลให้เสียงอาจไม่มากพอที่จะกำหนดตัวนายกรัฐมนตรี เมื่อถึงเวลานั้นก็พร้อมทาบทามพรรคประชาธิปัตย์ ที่คาดว่าจะได้ ส.ส. 80-100 ที่นั่งมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล เบื้องต้นแกนนำพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาลแล้ว โดยมีข้อเสนอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา พร้อมกับมอบหมายกระทรวงสำคัญบางกระทรวงให้ ส่วนตำแหน่งนายกฯ เป็นของฝั่งพรรคเพื่อไทย

ประชาชนกำหนดอนาคตเอง

นายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ โฆษกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวว่า ในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2562 กรรมการบริหารพรรคและแกนนำพรรค ร่วมกันจัดทำคลิปอวยพรปีใหม่ให้กับคนไทยทั้งประเทศ เผยแพร่ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง โดย ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หน.พรรค กล่าวอวยพรว่า “อยากให้ปี 2562 เป็นปีทองของทุกคน อยากให้ร่วมกันแสดงพลังกำหนดอนาคตประเทศ คิดใหม่ ทำใหม่ กล้าเปลี่ยนแปลง ก้าวให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกไปกับพรรคไทยรักษาชาติ” ขณะที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรค ทษช. กล่าวว่า “ปีใหม่นี้อยากให้ทุกท่านร่วมกันคิดใหม่ ทำใหม่ กล้าเปลี่ยนแปลง ร่วมกันพลิกฟื้นเศรษฐกิจเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น” นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำอีกคนหนึ่ง กล่าวว่า “ขอให้ปี 2561 เป็นปีส่งท้ายเผด็จการ ประชาชนต้องไม่สิ้นหวัง การอยู่ดีกินดีจะต้องกลับคืนมา ประชาธิปไตยจะเป็นรากฐานสำคัญในการนำพาประเทศไทยเดินไปข้างหน้า”

“ทักษิณ” โพสต์อวยพรปีใหม่

วันเดียวกัน นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ลงเฟซบุ๊กระบุว่า สวัสดีปีใหม่ 2562 แด่พี่น้องไทยทุกท่าน วันนี้ขอมาสวัสดีปีใหม่กับพี่น้องคนไทยเหมือนทุกปีที่ตัวอยู่ไกลแต่ใจอยู่ไทย ปีนี้เป็นปีที่อวยพรด้วยความดีใจที่ประเทศเราจะกลับคืนสู่สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพ ถึงแม้ต้องมาเริ่ม ก.ไก่ กันใหม่ แต่ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี แต่อดห่วงไม่ได้เพราะมีผู้รู้ทางเศรษฐกิจระดับโลกหลายคน ได้แสดงความวิตกว่าครึ่งปีหลังของปี 2562 และต่อปี 2563 เศรษฐกิจโลกจะมีปัญหาอีกรอบ เศรษฐกิจเรายิ่งอ่อนแออยู่ มาเจอแรงกระแทกใหม่จะทำอย่างไร อยากฝากแนะนำสำหรับปีนี้เอาไว้ว่า ทุกวันนี้เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนโลกและเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคไปมาก ถ้าท่านทำธุรกิจไม่ว่าเล็กหรือใหญ่คงต้องปรับตัวอย่างแรง อย่าได้รังเกียจหรือกลัวเทคโนโลยีเลยครับ เล่นเฟซบุ๊กเป็น เล่นไลน์เป็น เรียนรู้ได้หมด ทุกวันนี้ E-commerce สร้างโอกาสให้คนตัวเล็กค้าขายได้กับคนทั่วโลก ทั้งสินค้าและเงินกำลังไหลอย่างอิสระมากขึ้นทุกวัน เราต้องรู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ แม้แต่ธุรกิจอย่างธนาคารก็เหนื่อย เพราะเงินดิจิทัลกำลังมาแรง อีกหน่อยทุกประเทศจะมีเงินดิจิทัลมาใช้ควบคู่กับเงินที่เป็นธนบัตรมากขึ้นเรื่อยๆ

มองอนาคตหนีไม่พ้นโลกเอไอ

นายทักษิณระบุด้วยว่า “เรื่องการทหารต่อไปจะใช้กำลังพลน้อยลง อาวุธในปัจจุบันแทบจะโละทั้งหมด แล้วรบกันด้วยเทคโนโลยี เช่น โดรน หุ่นยนต์ และเลเซอร์ นำคนและงบประมาณไปพัฒนาเรื่องการศึกษาและอื่นๆได้อีกมาก เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุหรือ Ageing Society อย่างมีคุณภาพ การรักษาโรคที่อาศัยความรู้ทาง DNA จะมีมากขึ้น รวมทั้งการวัดความแข็งแรงของร่างกายผ่าน Telomere หรือตัวที่อยู่ปลาย Chromosome เพื่อจะบอกว่าท่านกำลังมีสุขภาพถดถอย ต้องปรับวิถีชีวิตอย่างไรถึงจะแข็งแรง การใช้ยาทางเคมีจะลดน้อยลง การใช้วิชาการทางฟิสิกส์มาแทนยาจะมีมากขึ้น เมื่อคนมีอายุยืนยาวขึ้นจะมีเวลาใช้ชีวิตร่วมกันแสดงพลัง เพื่อพัฒนาประเทศเพื่อลูกหลานของเราได้มากขึ้น สุดท้ายหุ่นยนต์มาแน่ AI Technology จะถูกใช้งานมากขึ้นในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นภาคเกษตร อุตสาหกรรม หรือแม้กระทั่งมาเสริมนักกฎหมายและวินิจฉัยโรคด้วยแพทย์ แต่สิ่งที่หุ่นยนต์มาแทนไม่ได้คือความคิดสร้างสรรค์ ท่านต้องเตรียมตัวเป็นนายของหุ่นยนต์ ไม่ใช่นั่งรอให้หุ่นยนต์มาไล่ท่านตกงาน ถือเป็นหน้าที่เร่งด่วนของคนเป็นรัฐบาล ขอเป็นกำลังใจในการเรียนรู้และปรับตัวของทุกคน โชคดีปีใหม่ 2562 ครับ สำคัญคือสุขภาพที่ดีและการมีครอบครัวที่รักกัน เราจะสู้ได้ทุกเรื่องครับ ผมรักและปรารถนาดีต่อคนไทยทุกคน”

ผุดเว็บไซต์เปิดแนวลบไซเบอร์

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การสื่อสารอวยพรปีใหม่ผ่านโลกออนไลน์ครั้งนี้ นายทักษิณไม่ได้โพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังมีการสื่อสารผ่านช่องทางใหม่ คือ www.thaksinofficial.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ใหม่ที่จัดทำโดยบุตรสาวทั้ง 2 คนของนายทักษิณ ที่รวบรวมความประทับใจ คำพูด แนวคิดดีๆที่เคยถ่ายทอดให้บุตรได้ฟัง ในเว็บดังกล่าวยังเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล ความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ทั้งหลักคิดการบริหารประเทศ มุมมองทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางของนายทักษิณ ในการสื่อสารผ่านโลกโซเชียล จากเดิมที่มักสื่อสารผ่านเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ เป็นหลัก

พ่อลูก “อดิเรกสาร” ลุยสระบุรี

ขณะที่ ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า เร็วๆนี้ตนและบิดาคือ นายปองพล อดิเรกสาร อดีตรองนายกรัฐมนตรี เตรียมลงพื้นที่หลังพบว่าผู้แสดงเจตจำนงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคพลังประชารัฐทั้ง 3 คน มีกระแสตอบรับค่อนข้างดี มีผลงานและคนในพื้นที่รู้จักดี ทั้งเขต 1 น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย อดีต ส.ส.สระบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เขต 2 นายสมบัติ อำนาคะ เเละเขต 3 นายปริญญา วันทา ที่ปรึกษา อบจ.สระบุรี รวมถึงประชาชนต่างพึงพอใจในผลงานของรัฐบาลชุดนี้ เพราะทำบ้านเมืองสงบสุข แก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล หนี้นอกระบบ ยาเสพติด การทวงคืนผืนป่า จัดระเบียบสังคม และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

พลังประชารัฐขอทุกพรรคเลิกทะเลาะ

นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่และจะมีการเลือกตั้งแล้ว อยากวิงวอนให้ทุกพรรคทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เลิกทะเลาะกัน เลิกขัดแย้งกัน เน้นนำเสนอนโยบายที่ดีเป็นประโยชน์ให้กับประชาชน เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทยทั้งประเทศ ขอให้ทุกพรรคไม่นำความรักความศรัทธาของประชาชนมาต่อสู้กันอีก ทุกพรรคต่างประกาศจะนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง ต้องทำอย่างจริงจัง อย่าให้เป็นเพียงวาทกรรมการเมืองเท่านั้น เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งให้หาเสียงได้ ก็อย่าสาดโคลนกันอีก พลังประชารัฐจะทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ นำเสนอนโยบายขอโอกาสจากประชาชน โดยเน้นเรื่องความสงบ การดำเนินสวัสดิการต่างๆ การสร้างความเข้มแข็ง และความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชน

ปล่อยเอ็มวีเพลงที่ 3 “จอห์น นูโว”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กพรรคพลังประชารัฐได้ปล่อย MV สำหรับใช้รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ชื่อเพลง “มาสร้างสรรค์ร่วมทำให้เป็นหนึ่งเดียว” เนื้อหาเพลงสื่อความหมายจากวันนี้พรรคพลังประชารัฐพร้อมจับมือทุกคนก้าวเดินไปยังจุดหมาย และร่วมกันทำเพื่อประเทศไทยของเรา ซึ่งเป็นบทเพลงที่ 3 ขับร้องโดย “จอห์น รัตนเวโรจน์” หรือจอห์น นูโว โดยก่อนหน้านี้ได้ปล่อย MV เพลงที่ขับร้องโดย “หรั่ง ร็อคเคสตร้า” มาแล้ว

ชาติไทยพัฒนาจี้ กกต.อย่าทำขายขี้หน้า

นายยุทธพล อังกินันทน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกระแสข่าวจะเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก 30 วัน เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งไม่ทัน ว่า ความจริง กกต.มีเวลาเตรียมการมาระยะหนึ่งแล้ว และปัจจุบันนี้เทคโนโลยีการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งทำได้ไม่ว่าจะรูปแบบใด เราพร้อมลงเล่นตามกติกาอยู่แล้ว ดังนั้นผู้กำหนดและบริหารจัดการควรบอกให้ชัดเจน การแข่งขันกีฬายังกำหนดวันแข่งขันที่ชัดเจน นักกีฬาจะได้ซ้อมให้ถูกต้องว่าไปแข่งวันไหน แต่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน นักการเมืองพร้อมลงสู่การเลือกตั้ง แต่ถ้าวันเวลายังไม่ชัดเจน บางทีพวกเราก็ซ้อมกันไปเก้อ จึงขอฝากผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะ กกต.ควรกำหนดให้ชัดเจน เพราะทุกประเทศเขารู้กันหมดแล้วว่าบ้านเราจะมีการเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ.2562 อย่าทำให้ประเทศไทยขายขี้หน้าอีกเลย ส่วนกรณีที่มีบางฝ่ายเสนอให้ใช้มาตรา 44 แก้ปัญหานี้นั้น หากจะแก้ไขเพื่อให้ได้ทางออกที่ดี ขอให้ทุกฝ่ายพิจารณากันให้ดีเสียก่อน แต่ตอนนี้ กกต.ต้องรีบเร่งสร้างความชัดเจน

“ธนาธร” จัดอันดับที่สุด คสช.

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ลงเฟซบุ๊กระบุว่า ได้จัดอันดับที่สุดของ คสช.ในปี 2561 อันดับ 3 ได้แก่ เพลงและเอ็มวีประเทศกูมี เนื้อหาเสียดสีสิ่งที่ไม่เป็นธรรมในสังคม ภายใต้การบริหารงานของ คสช. เป็นครั้งแรกที่ประชาชนคนไทยแสดงออกถึงการไม่ยอมรับอำนาจ คสช. แสดงถึงความโกรธ ความเกลียดที่อยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการ ปัจจุบันยอดวิวเพลงนี้เลย 50 ล้านวิวไปแล้ว แสดงว่าประชาชนคนไทยไม่ยอมรับ ไม่สยบยอมต่อระบอบเผด็จการ อย่างที่เขาต้องการให้เราเชื่อกัน อันดับ 2 ได้แก่ ความล้มเหลวในการปราบโกง และการเอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้อง เช่น กรณี ป.ป.ช.ยกคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม

ปาหี่ ส.ว.ลากตั้งล้างผลาญงบ

นายธนาธรกล่าวว่า สำหรับที่สุดของ คสช. อันดับ 1 ได้แก่ การแต่งตั้ง ส.ว. กกต.ตั้งงบไว้ 1,300 ล้านบาท แต่ท้ายที่สุดแล้ว คสช.เป็นคนคัดเลือกอยู่ดี ดังนั้นไม่จำเป็นต้องตั้งงบประมาณให้วุ่นวาย เสียภาษีประชาชนโดยใช่เหตุ คสช.สามารถเลือกทั้ง 250 คน ตามที่ตัวเองพอใจได้อยู่แล้ว ควรทำไปเลย ไม่ควรเอาภาษีประชาชนมาผลาญเล่นแบบนี้ ที่สำคัญสุดคือ ส.ว.ชุดนี้มีขอบเขตอำนาจเกินชุดอื่นในสถานการณ์ปกติ นั่นคืออำนาจร่วมโหวตนายกรัฐมนตรี ที่ควรสงวนไว้กับ ส.ส.ที่ได้รับเลือกจากประชาชน ไม่ใช่มาจากคนที่มาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร และชัดเจนที่สุด หน้าที่ ส.ว.ชุดนี้ คือการปกป้องพิทักษ์รัฐธรรมนูญปี 60 และปกป้องพิทักษ์แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จึงอาจกล่าวได้ว่า ส.ว.ชุดนี้ คือพันธนาการของอนาคตประเทศไทย

เลขา กกต.พูดสวนทางกับงานที่ทำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ออกมาตอบโต้ถึงกระแสข่าวเรื่องการเลื่อนเลือกตั้งจากวันที่ 24 ก.พ.2562 ไปเป็นวันที่ 24 มี.ค.2562 โดยอ้างว่า พ.ร.ฎ.จัดให้มีการเลือกตั้งยังไม่มีผลบังคับใช้ จึงยังไม่สามารถกำหนดวันเลือกตั้งได้นั้น จากการตรวจสอบข้อมูลการเตรียมจัดการเลือกตั้งของ กกต. มีการเตรียมการเป็นการภายในยึดกำหนดเดิมคือวันที่ 24 ก.พ.2562 โดย พ.ต.อ.จรุงวิทย์ได้อนุมัติงบประมาณจ้างสื่อประชาสัมพันธ์กว่า 30 ล้านบาท และเจ้าหน้าที่ได้เร่งรัดดำเนินการแบบช่องทางพิเศษ ไม่ต้องผ่านอีบิดดิ้ง อ้างว่าเพื่อให้ทันการเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ. นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่างๆ อีกประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อีกทั้งเร่งอนุมัติหลายโครงการของด้านกิจการพรรคการเมืองให้แล้วเสร็จตามโรดแม็ปที่วางไว้ คือวันที่ 24 ก.พ. ดังนั้นการที่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ระบุว่ายังไม่ได้กำหนดวันเลือกตั้งนั้น อาจส่งผลให้การดำเนินการจัดจ้างสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ มีปัญหาตามมาได้

ชี้แจงอำนาจศาลช่วงเลือกตั้ง

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายสุริยันห์ หงส์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เผยว่า การเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมีขึ้น นอกจากศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาคดีเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 226 ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 8 ที่ให้ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีแพ่ง รับคดีไว้และส่งศาลฎีกานั้น ในส่วนของคดีที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ที่เข้าลักษณะกฎหมายอาญาหรือกฎหมายที่มีโทษทางอาญา เช่น การฉีกบัตรเลือกตั้ง การทำลายทรัพย์สินในคูหา ป้าย หีบ การก่อความวุ่นวาย ขัดขวางการเลือกตั้ง เหล่านี้เป็นคดีอาญาทั่วไป ต้องดำเนินคดีโดยใช้อำนาจตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เช่น มาตรา 18 และมาตรา 22 คือการกระทำความผิดมีโทษทางอาญาเกินในเขตอำนาจของพนักงานสอบสวนใด ปกติให้ท้องที่นั้นเป็นผู้รับผิดชอบการสอบสวนและอัยการจะฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาคดีอาญา เช่น ศาลอาญากรุงเทพใต้ตามปกติ

“พรเพชร” โอ่ผลงานสุดยอด

อีกเรื่อง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงผลงาน สนช.ในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ว่า สนช.ออกกฎหมายได้มากกว่าสภาปกติ ทุกคนทำงานไม่มีวันหยุด ส่วนเรื่องคุณภาพของกฎหมาย ถ้าดูระยะสั้น สนช.ออกกฎหมายที่เกิดความชอบธรรมตามกระบวนการรัฐธรรมนูญ ถือว่าสอบผ่าน ส่วนระยะยาวต้องดูกันต่อไป เสียงวิพากษ์วิจารณ์อาจมีบ้าง แต่เราชี้แจงได้ การออกกฎหมายบางครั้งไม่จำเป็นต้องถูกใจประชาชนเสมอไป แต่ต้องยึดหลักนิติธรรมถึงจะทำให้สังคมและประเทศเจริญ ขอให้คะแนนผลงาน สนช.ที่ผ่านมา 80 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าน่าพอใจ การพิจารณากฎหมายในรอบปีที่ผ่านมามีหลายฉบับที่สำคัญ โดยเฉพาะกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่นำไปสู่กระบวนการเลือกตั้ง แม้กฎหมายบางฉบับมีการโต้แย้งถูกส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ 3-4 ฉบับ แต่สุดท้ายกฎหมายไม่โมฆะ ถือเป็นผลงานที่ สนช.พยายามดำเนินการให้ถูกต้อง

พลิ้วออกกฎหมายเอื้อ พลังประชารัฐ

ผู้สื่อข่าวถามว่า สนช.จะพิจารณากฎหมายที่ค้างอยู่อย่างไรให้เสร็จทันเพื่อส่งต่อไปยังรัฐบาลหน้า นายพรเพชรตอบว่า สนช.ต้องสละเวลามากขึ้น กฎหมายบางฉบับอาจไม่เสร็จ แต่จะพยายามกลั่นกรองพิจารณาในเบื้องต้น หรือบางฉบับ สนช.ก็ไม่รับไม่ใช่ว่า สนช.จะทำตามที่รัฐบาลเสนอมาทั้งหมด มีกฎหมายจำนวนมากที่ สนช.ไม่รับ แต่ถ้ากฎหมายฉบับใดมีประโยชน์มีคุณค่าที่ยังค้างอยู่ จะเร่งดำเนินการ ขณะนี้มีกฎหมายที่เสนอเข้ามาใหม่ 30-40 ฉบับ กฎหมายเก่าที่ค้างอยู่ 20-30 ฉบับ บางฉบับอาจถูกตีตกไป แต่บางฉบับที่ค้างอยู่จะเสร็จเร็วๆนี้ ประเมินว่าทั้งกฎหมายเก่าและใหม่ที่ค้างอยู่กว่า 70 ฉบับ คาดว่าจะทำเสร็จใน สนช.ชุดนี้ 40-50 ฉบับ เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่ากฎหมายที่ออกมาช่วงนี้ เป็นกฎหมายที่เอื้อในการหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ นายพรเพชรตอบว่า ไม่มี พรรคพลังประชารัฐไม่ได้ส่งกฎหมายมา สนช.ไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง กฎหมายส่งมาจากรัฐบาล

เอาแน่โละ ก.ม. มรดกบาป คสช.

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สิ่งที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ปลาบปลื้มใจที่ออกกฎหมายจำนวนมากนั้น กฎหมายหลายร้อยฉบับที่ออกมาไปเพิ่มอำนาจราชการ ไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก หลายฉบับพยายามตอบสนองเป้าหมายและแรงกดดัน ที่นายพรเพชรระบุว่า สนช.ยึดหลักนิติธรรม จะให้ถูกใจประชาชนทั้งหมดไม่ได้นั้น ก็จริง แต่ต้องมีคำตอบที่ชัดเจนว่าเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมคืออะไร หากตั้งใจดีแต่ปฏิบัติไม่ได้ ก็ทำให้เกิดช่องทางรีดไถ บทพิสูจน์หนึ่งว่าคุณภาพกฎหมายยุคนี้เป็นอย่างไร คือ กฎหมายที่ออกมาเองกลับต้องใช้มาตรา 44 มาแก้ และคนที่ใช้อำนาจมาตรา 44 ก็บ่นว่ากฎหมายสร้างปัญหา แม้แต่ปฏิรูปตำรวจในที่สุดบอกทำไม่ทัน แต่ที่ทำไปแล้วเช่นนำทหารไปนั่งอยู่ในวงตำรวจของพวกนี้ต้องสะสางหมด

“ศรีสุวรรณ” โต้ล่าชื่อถอด ป.ป.ช.ได้

ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า ตามที่มีอดีตตุลาการท้วงติงเรื่องการตั้งโต๊ะให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าชื่อ 2 หมื่นรายชื่อ เพื่อดำเนินการถอดถอน 5 ป.ป.ช. ที่มีความเห็นว่าการครอบครองนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ไม่เข้าข่ายยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จว่า ไม่แน่ใจว่าท่านอ่าน รัฐธรรมนูญและกฎหมายใหม่ๆครบถ้วนหรือไม่ หรือเอาแต่เฉพาะที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้มีอำนาจ ยกมาเฉพาะบางมาตราเพื่อแก้ต่างให้ผู้มีอำนาจอย่างน่าฉงน ทั้งที่เรื่องนี้นักกฎหมาย นักวิชาการ ประชาชน ต่างวิพากษ์วิจารณ์และท้วงติงคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช.กันทั้งประเทศ การขู่ว่าอาจเข้าข่ายแจ้งความเท็จ ทั้งที่รัฐธรรมนูญให้การคุ้มครองประชาชนให้มีสิทธิตรวจสอบผู้ใช้อำนาจรัฐ และสามารถฟ้องร้องเอาผิดข้าราชการ นักการเมือง และเจ้าหน้าที่รัฐได้

ยันเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ

นายศรีสุวรรณกล่าวอีกว่า การเข้าชื่อถอดถอน เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 236 ประกอบมาตรา 234 (1) ที่บัญญัติไว้ ถ้ากรรมการ ป.ป.ช. ทั้ง 5คนมีความผิดจริงตามข้อกล่าวหา รัฐธรรมนูญก็บัญญัติไว้ชัดเจนว่าให้ผู้ถูกกล่าวหาต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และต้องพ้นจากตำแหน่งในที่สุด พร้อมเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และอาจเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปีได้ ดังนั้นการที่ประชาชนจำนวนมากมาเข้าชื่อกันก็หวังจะให้ ป.ป.ช.มีบรรทัดฐานในการปราบปรามการทุจริตตามที่ประชาชนคาดหวัง อดีตตุลาการซึ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของสังคมควรออกมาเป็นแกนนำสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายมากกว่าจะมาท้วงติงในสิ่งที่เด็กอมมือก็รู้ว่าคิดอะไรอยู่ “เพิ่งเข้าใจวันนี้เองว่าแก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน นั้นคืออะไร”

มท.จ่อตั้งชุด ฉก.ดูแลเลือกตั้ง

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการดูแลสถานช่วงเลือกตั้งว่า ต้องบังคับใช้กฎหมายให้การเลือกตั้งเดินไปได้ และให้คนออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุด ให้เกิดเป็นฉันทามติของคนในประเทศ หวังว่าจะไม่มีการสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายโดยเฉพาะพวกป่วน อาจมีพวกคึกคะนองต้องช่วยกันดูแล ต้องช่วยกันรณรงค์ให้พรรคการเมือง หรือกลุ่มการเมืองพยายามเล่นอยู่ในกรอบกติกา เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เมื่อถามว่า กระทรวงมหาดไทยจะตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลเลือกตั้งโดยเฉพาะหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า คิดว่าคงต้องมี เพราะต้องมีการรายงานความเรียบร้อยในพื้นที่ ทั้งในของส่วนอำเภอ และจังหวัด

ผบ.สูงสุดย้ำกองทัพหนักแน่น

พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทหารสูงสุด กล่าวว่า ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ากองทัพจะตกเป็นเป้าโจมตีจากฝ่ายการเมืองในช่วงเลือกตั้งนั้น เราต้องหนักแน่น เพราะเรามั่นใจว่ากองทัพไม่ใช่ผู้สร้างสถานการณ์ให้เกิดความขัดแย้ง เราไม่ได้กังวลเรื่องการใส่ร้ายป้ายสี แต่ต้องทำความเข้าใจและชี้แจง หากถูกให้ร้ายหรือบิดเบือน ทำให้กองทัพเสียหาย แต่หวังว่าประชาชนทุกคนคงเข้าใจว่าธรรมชาติของกองทัพเราไม่ทำเรื่องที่ไม่ดี ถ้าประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจจุดยืนของทหาร ก็ถือเป็นเรื่องดี เมื่อถามว่านายกฯได้กำชับอะไรหรือไม่ พล.อ.พรพิพัฒน์ตอบว่า ไม่ได้สั่งกำชับอะไร เราทำหน้าที่โดยธรรมชาติของเราอยู่แล้ว นำประชาชนเป็นที่ตั้ง และมีเจตนาที่บริสุทธิ์ ส่วนผู้ที่ไม่ปรารถนาดีหรือบิดเบือน เราไปบังคับห้ามใจคนไม่ได้ แต่หวังว่าคนส่วนใหญ่จะเข้าใจ