"ประชาธิปัตย์" เปิดนโยบาย 5 คูณ 2 ฟื้นชีวิตเกษตรปาล์มน้ำมัน-ยางพารา ชูประกันราคายาง 60 บาท/กก.-ปาล์ม 4 บาท/กก. ยกระดับความเป็นคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.61 นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ 50 เขต ร่วมแถลงนโยบายหลักในการแก้ไขปัญหายางพารา ปาล์มน้ำมัน ว่า ครั้งนี้เป็นการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครทั้ง 50 เขต เพื่อให้ได้รับรู้ถึงนโยบายของพรรค ที่จะใช้รณรงค์ในทุกช่องทาง เพราะภาคใต้เปรียบเสมือนเมืองหลวงของพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีปัญหาหลัก 5 เรื่อง คือ 1.ยางพารา 2.ปาล์มน้ำมัน 3.ประมง 4.การท่องเที่ยว 5.ปัญหาความมั่นคงในสามจังหวัดชายแดนใต้ วันนี้เราประกาศนโยบายปาล์ม ยาง 5 คูณ 2 เพราะตลอดห้าปีที่ผ่านมาพี่น้องเกษตรกรต่างอยู่อย่างยากลำบาก ดังนั้น 1 ปี หลังการเลือกตั้งเราต้องนำมาปฏิบัติฟื้นฟูวิถีเกษตรกร หากพรรคได้เป็นรัฐบาลจะทำให้เกิดขึ้นให้ได้คือ 1.ประกันรายได้ยางพาราที่ 60 บาท/กิโลกรัม ครอบครัวละไม่เกิน 25 ไร่ ไม่ว่าจะมีที่ดินหรือไม่ แต่ต้องมีการลงทะเบียนเกษตรกรชาวสวนยางไว้ เพราะนโยบายเดิมที่ชดเชยให้เกษตรกรชาวสวนจะได้รับ แต่คนกรีดยางจะไม่ได้รับ ดังนั้นพรรคจะประกันรายได้ภายใต้นโยบาย "60 บาท 25 ไร่ ได้ทุกคน" 2.ผลักดันการใช้ยางพาราในประเทศ 20% หรือปีละ 1 ล้านตัน ในการทำถนนพาราแอสฟัสติก หรือพาราซอยซีเมนต์ แปรรูปทำสนามเด็กเล่นและอื่นๆ หากทำได้รัฐก็ไม่จำเป็นต้องแทรกแซงราคา 3.ตั้งกองทุนสวัสดิการชาวสวนยางแบบสมัครใจ จ่ายสมทบตามมาตรา 49(5) พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทย พ.ศ.2558 4.แก้ปัญหาเกษตรกรชาวสวนยางที่ปลูกยางในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ มีจำนวน 300,000 ครัวเรือน พื้นที่สวนยาง 5 ล้านไร่ ด้วยโฉนดสีฟ้า คือ การยกระดับโฉนดชุมชน เพื่อให้พี่น้องชาวสวนยางได้รับสิทธิการใช้ประโยชน์ในที่ดินตามกฎหมาย ที่ไม่ใช่กรรมสิทธิ์และ 5.สร้างความมั่นคงในอาชีพการทำสวนยาง ด้วยชุดความคิดสวนยางยั่งยืน เพื่อเปลี่ยนสวนยางเชิงเดี่ยวให้เป็นป่ายางที่มีสมดุลนิเวศ ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
...
นายนิพิฏฐ์ กล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายการแก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ พรรคมีนโยบาย 1.ประกันรายได้เกษตรกร ที่ กก.ละ 4 บาท 25 ไร่/ครอบครัวได้ทุกคน 2.ประกาศใช้น้ำมันดีเซลบี 10 ทั่วประเทศ บี 20 ในการขนส่ง การประมง และ บี 100 เพื่อสิ่งแวดล้อมในการเกษตร ประมง และการท่องเที่ยว 3.เสนอกฎหมาย พ.ร.บ.ปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มฉบับสภาเกษตรกร ให้มีการซื้อปาล์มคุณภาพตามราคาคุณภาพของปาล์มที่ราคาหน้าโรงงาน ไม่ใช่กำหนดราคาจากกรุงเทพฯ 4.ปรับสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มให้เอื้อกับเกษตรกร และนำน้ำมันปาล์มไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าจังหวัดกระบี่ เพื่อปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ และ 5.ประกาศนโยบายสนับสนุนการส่งออกและใช้นโยบายชะลอการนำเข้า หรือการผ่านแดนของน้ำมันปาล์ม ทั้งนี้เชื่อว่านโยบายปาล์ม-ยางพารา 5 คูณ 2 นี้ จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรทั้งสวนปาล์มและสวนยางพาราให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน พ้นจากความทุกข์ที่สั่งสมมาเป็นเวลานาน จากปัญหาราคาปาล์มและยางพาราตกต่ำ เพราะเป็นนโยบายแก้ไขปัญหาทั้งระบบแบบครบวงจร.