โหวตผ่านฉลุย พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ 166 ต่อ 0 เสียง ปลดล็อกกัญชา-กระท่อมพ้นบัญชียาเสพติดประเภท 5 นำมาใช้รักษาโรค ให้หน่วยงานแพทย์ การเกษตร หน่วยปราบยาเสพติด แพทย์แผนไทย ผู้ป่วย ใช้ประโยชน์จากกัญชาได้ ไฟเขียว ป.ป.ส.กุมอำนาจกำหนดโซนนิ่งปลูกกัญชาและเสพใบกระท่อมโดยไม่มีความผิด “ไบโอไทย” ยังตามจวกกรมทรัพย์สินทางปัญญาแหกตาประชาชนไม่ยกเลิกคำขอจดสิทธิบัตรสารสกัดกัญชาตามวาจา “สนธิรัตน์” ม.รังสิตยื่น ป.ป.ช.สอบผลกระทบ หลังปีใหม่ให้ฝ่ายกฎหมายเดินเครื่องฟ้องกรมทรัพย์สินฯทันที ขณะที่ “บิ๊กจิน” งึมงำเรื่องสิทธิบัตรคุยแล้วให้ชะลอไว้ก่อน
หลังภาคประชาสังคมกดดันเรียกร้องให้รัฐบาล ดำเนินการปลดล็อกกัญชาและกระท่อม ออกจากบัญชียาเสพติดมาเป็นพืชสมุนไพร ล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 25 ธ.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ทำหน้าที่ประธานการประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ วาระ 2-3 จำนวน 28 มาตรา ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ที่มีนายสมชาย แสวงการ เป็นประธานพิจารณาเสร็จ โดยมีสาระสำคัญคือการพิจารณาปลดล็อกกัญชาและกระท่อมออกจากการเป็นยาเสพติดประเภท 5 ให้สามารถนำไปศึกษาวิจัยเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ สามารถนำไปใช้รักษาโรคภายใต้การควบคุมและดูแลทางการแพทย์ได้ แต่การจะผลิต นำเข้า ส่งออก ครอบครอง หรือจำหน่ายเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้ ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎกระทรวงกำหนดและอยู่ภายใต้ความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ทั้งนี้หากมีการครอบครองเกิน 10 กิโลกรัมให้สันนิษฐานว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย
ส่วนหน่วยงานที่จะได้รับอนุญาตให้ผลิต นำเข้า ส่งออก ครอบครอง หรือจำหน่ายกัญชาทางการแพทย์ได้ประกอบด้วย
...
1.หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัยหรือจัดการเรียนการสอนวิชาด้านการแพทย์ เภสัชกรรม วิทยาศาสตร์ เกษตรศาสตร์ หรือหน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่ ป้องกันปราบปรามแก้ปัญหายาเสพติด หรือสภากาชาดไทย
2.ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เภสัชกรรม ทันตกรรม การแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้านตามเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศ
3.สถาบันอุดมศึกษาที่ศึกษาและวิจัยด้านการแพทย์
4.ผู้ประกอบอาชีพเกษตรที่รวมตัวเป็นวิสาหกิจชุมชนจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยวิสาหกิจชุมชน
5.ผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะระหว่างประเทศ
6.ผู้ป่วยที่เดินทางระหว่างประเทศที่มีความจำเป็นต้องใช้ยาเสพติดติดตัวเพื่อใช้รักษาโรคเฉพาะตัว
และ 7.ผู้ขออนุญาตอื่นที่ รมว.สาธารณสุขเห็นชอบ
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ให้ความเห็นชอบการกำหนดโซนนิ่งในการปลูกกัญชา หรือผลิตทดสอบ เสพ หรือครอบครองในปริมาณที่กำหนด รวมถึงมีอำนาจกำหนดพื้นที่เสพกระท่อมได้โดยไม่เป็นความผิด โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง ส่วนบทลงโทษหากครอบครองเพื่อจำหน่ายมีปริมาณกัญชาไม่ถึง 10 กิโลกรัม มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ครอบครองเกิน 10 กิโลกรัม จำคุก 1-15 ปี ปรับ 100,000-1,500,000 บาท เป็นต้น ทั้งนี้ เมื่อร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวมีผลใช้บังคับแล้ว 3 ปี ให้คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดประเมินผลการดำเนินงานเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตการผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่ายหรือครอบครองกัญชาทุก 6 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสมาชิก สนช.พิจารณาเสร็จครบทุกมาตรา ที่ประชุม สนช.มีมติให้ความเห็นชอบร่างด้วยคะแนน 166 ต่อ 0 งดออกเสียง 13 นายสมชาย แสวงการ ลุกขึ้นกล่าวขอบคุณสมาชิก สนช.ที่พิจารณาเห็นชอบ พ.ร.บ.ดังกล่าวเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่จาก สนช.และ ครม.มอบแก่ประชาชนเพื่อให้สามารถนำกัญชาไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ หลังจากนี้จะเร่งพิจารณาออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ด้านนายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผอ.มูลนิธิชีววิถี หรือไบโอไทย กล่าวว่า ในวันนี้ชัดเจนแล้วว่า รัฐบาลไม่ได้สนใจปกป้องคนไทยเลย เนื่องจากกรมทรัพย์สินทางปัญญาไม่ได้ทำตามที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เคยให้ข่าวไว้ว่าจะมีการยกเลิก 3 คำขอสิทธิบัตร จะเหลืออีก 7 คำขอ และกลายเป็นว่าเหลืออีก 10 คำขอที่ไม่ได้ยกเลิก แบบนี้แหกตาประชาชนหรือไม่ แค่นี้ยังหลอกลวงแล้วอนาคตจะฝากความหวังได้อย่างไร ตรงนี้ประชาชนจะได้เรียนรู้แล้วว่าคำรับปากของทีมเศรษฐกิจหรือรัฐบาลที่เป็นแกนนำสำคัญของพรรคพลังประชารัฐหาความเชื่อถือไม่ได้ ภาคประชาชนที่ต้องการปกป้องทรัพยากรและภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมทั้งกลุ่มคนที่จะได้ประโยชน์ ทั้งผู้ป่วยจะได้หูตาสว่างว่าควรเลือกมาบริหารประเทศหรือไม่ อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากเดินหน้าฟ้องร้องร่วมกับมหาวิทยาลัยรังสิต ทางกลุ่มจะเดินหน้ารณรงค์ให้ประชาชนรับทราบมากยิ่งขึ้นให้ทีมรัฐบาลนี้ได้รับบทเรียน ทั้งนี้ยังมีอีกเรื่องที่เรียกร้องไปแล้ว อย่างการยกเลิกสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีพิษร้ายแรง เช่น พาราควอต ก็ไม่ได้ยกเลิกเหมือนเดิม
ขณะที่นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ในวันที่ 28 ธ.ค.นี้ จะดำเนินการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะผู้ได้รับผลกระทบจากการขอจดสิทธิบัตรของต่างชาติ หลังปีใหม่ทางมหาวิทยาลัยรังสิตจะนำข้อมูลจากการรวบรวมของฝ่ายกฎหมายทั้งหมดยื่นฟ้องกรมทรัพย์สินทางปัญญาทันทีเพื่อให้กรมทรัพย์สินทางปัญญายกเลิกคำขอจดสิทธิบัตร ก่อนที่กฎหมายจะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ และ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ตนได้รายงานถึงกรณี สนช.มีมติเห็นชอบร่างแก้ไข พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษที่เกี่ยวข้องกับการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีรับทราบ จากนี้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และทีมงานของ รมว.สาธารณสุข จะต้องตรวจสอบเรื่องการแก้ไขกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ งานวิจัยในสถานศึกษา รวมถึงกลุ่มบุคคลที่จะมาเกี่ยวข้อง อาทิ เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน เพื่อเตรียมการเรื่องรายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆคาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 60 วัน โดยนายกฯ มอบหมายให้ รมว.สาธารณสุข ช่วยดูเรื่องการทำงานร่วมกันและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเพราะอาจมีคนเข้าใจอย่างหนึ่งและพูดอีกอย่างหนึ่ง ส่วนบางฝ่ายที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับการขอจดสิทธิบัตรสารสกัดกัญชาของบริษัทต่างชาติในประเทศไทยนั้นได้มีการพูดคุยกันแล้วขอให้ชะลอไว้ก่อน เพราะต้องดูเรื่องความพร้อมของคนไทยไม่เช่นนั้นจะถูกดึงไปเป็นเรื่องเชิงพาณิชย์โดยต่างชาติ