ประชุมสองสภา กมธ.เสนอสูตร 375+125 เสียงข้างน้อยยกเหตุดัน สูตร 400+100 ขณะฝ่ายค้านยั่วพรรคร่วมโหวตคว่ำสูตรปชป. “เด็กเติ้ง” เล่นเสียวนับองค์ประชุมหวิดล่ม...
เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 25 ม.ค.ที่ประชุมร่วมสองสภา ได้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 93-98 ตามที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว โดยนายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ รายงานต่อที่ประชุมว่า ต้องการให้เกิดความรอบคอบ และเป็นไปตามเจตนารมณ์ที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เสนอมา จึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง และ แสดงความเห็น เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรมการปกครอง สำนักงานกฤษฎีกา เมื่อได้ดูรอบคอบและเสร็จสมบูรณ์แล้วจึงนำเสนอต่อที่ประชุมให้ร่วมกันพิจารณา
ขณะที่ นายชัย ชิดชอบ ประธานในที่ประชุมได้แจงว่า จะลงมติเรียงตามคำแปรญัตติ เพราะได้มีสมาชิกสงวนคำแปรญัตติและกรรมาธิการฯสงวนความเห็นกันจำนวนมาก โดยพิจารณามาตรา 93 ที่ร่างของคณะกรรมาธิการฯกำหนดให้ ส.ส. ประกอบด้วย ส.ส.จำนวน 500 คน เป็น ส.ส.มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 375 คน และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจำนวน 125 คน แต่มีสมาชิก 2 กลุ่มใหญ่ได้แปรญัตติต่างจากร่างของคณะกรรมาธิการ คือ สูตร400+100 ที่พรรคร่วมรัฐบาลสนับสนุน และสูตร 400+125 ที่ นายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย ที่ได้สงวนคำแปรญัตติไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรรมาธิการฯเสียงข้างน้อย โดยเฉพาะ ส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาลต้องการแก้ไขให้ที่มาของส.ส.เป็นสูตร 400+100 ต่างอภิปรายยกเหตุผลกันอย่างกว้างขวางถึงข้อดีทำให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน เช่น นายสาธิต เทพวงศ์ศิริรัตน์ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า ในชั้นการประชุมคณะกรรมาธิการเสียงข้างมากไม่เคยมีคำอธิบายที่ชัดเจน ว่าส.ส.เขต 375 คน มีความใกล้ชิดกับประชาชนอย่างไร บนฐานที่ระบบเลือกตั้งใหญ่ขึ้นแม้เป็นระบบเขตเดียวเบอร์เดียว และไม่สามารถอธิบายได้ว่าส.ส.บัญชีรายชื่อ 125 คนเพิ่มขึ้นจากเดิมจะทำให้มีความใกล้ชิดกับประชาชนได้อย่างไร
นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า การเมืองไทย ส.ส.ไม่ได้ทำหน้าที่แค่นิติบัญญัติ แต่ ส.ส.ในพื้นที่รู้ และเข้าใจปัญหาเขตชนบท ประชาชนคิดว่าส.ส. เป็นเหมือนแก้วสารพัดนึก มีอะไรก็เข้าหา ส.ส.ก่อน เพราะประชาชนในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงระบบราชการได้ยาก ทำให้ส.ส.เขตมีความสำคัญอย่างมาก ทั้งนี้ มีการบอกว่า สูตร375 คนจะแก้ปัญหาซื้อเสียงได้ ที่ผ่านมาเลือกตั้งเขตใหญ่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาซื้อเสียงได้ การแก้ไขเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่เขตเล็กหรือเขตนใหญ่ แต่อยู่ที่ กกต. ต้องเข้มงวดตรวจสอบ อย่างไรก็ตามไม่ว่ามติเสียงข้างมาก จะออกมาอย่างไรก็พร้อมที่ให้ความเคารพกับมติของรัฐสภาวาระ 2 ออกหน้าไหน วาระ3 เอาตามนั้น
ขณะที่นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคมาตุภูมิ กล่าว เห็นด้วยที่ใช้สูตร 400+100 เพราะใกล้ชิดกับประชาชนมากกว่า แต่หากผลการโหวตออกมาอย่างไรก็พร้อมให้ความเคารพกับมติของรัฐสภา ไม่ควรจะมีด้วยซ้ำ อย่างไรก็ดี แม้ตนจะเห็นกับสูตร 400+100 แต่ถ้าวาระ 2 ลงมติไปในทางใด ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ก็จะต้องโหวตในวาระ 3 ตามเสียงข้างมากในวาระ 2
นายกฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร อภิปรายว่า หากใช้สูตร 375+125 จากที่ได้ลงพื้นที่พบว่าประชาชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็เอาด้วยกับสูตร 400+100 เพราะต้องการเชียร์คนที่รู้จัก ช่วยเหลือเกื้อกูลกันต่อไป แต่รัฐบาลกลับไปเปลี่ยนใหม่ ทำให้เกิดปัญหายุ่งยากตามมา แล้วเชื่อมั่นได้อย่างไร กกต. แบ่งเขต แล้วถูกใจประชาชนในพื้นที่หรือจะให้ถูกใจรัฐบาลอย่างเดียว ที่บอกว่า แบ่งเป็นเขตเล็กแล้วจะเหมือนสมาชิกสภาจังหวัด ไม่ใช่ คนละเรื่อง งานคนละอย่าง
นายพิษณุ หัตถสงเคราะห์ ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ผู้สงวนคำแปรญัตติสูตร 400+100 กล่าวว่า การตัด ส.ส.เขตออกไป 25 คนกระทบต่อประชาชนทันที หากในที่ประชุมนี้เห็นด้วยที่จะให้มี ส.ส. เขต 400 คน ก็ไม่มีผลกระทบอะไร ขอให้รัฐบาลมองที่ประชาชนเป็นหลัก
นายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ผู้สงวนคำแปรญัตติสูตร 400+100 กล่าวว่า เท่าที่ฟังพรรคร่วมรัฐบาลอภิปรายต้องการสูตร400+100 แต่ทำไมผลที่จะออกมาเป็นสูตร 375+125 น่าจะมีอะไรไม่ตรงไปตรงมา หากต้องการแก้ไขเพื่อความอยู่รอดของรัฐบาลที่บริหารประเทศ ก็ค่อนข้างน้อยเนื้อต่ำใจกับระบบรัฐสภา ที่ต้องตรากฎหมายสูงสุดให้ฝ่ายบริหารไปตามสิ่งที่ไม่อยากจะดำเนินการเลย ดังนั้นเราต้องโหวตร่วม 400+100 เพื่อไปยื่นในวาระ 3 ตัวเลข ดังกล่าวมีความเหมาะสมมากกว่าสูตร 375+125 ส่วนวาระ3 จะออกอย่างไรค่อยว่ากันอีกครั้ง
เมื่อเวลา 18.35 น. ระหว่างบรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างราบรื่น แต่สมาชิกอยู่ในห้องประชุมโหรงเหรง ทำให้ นายพีระเดช ศิริวันสาณฑ์ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคชาติไทยพัฒนา ลุกขึ้นเสนอให้ตรวจสอบองค์ประชุม โดยอ้างว่าการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ กลับมีสมาชิกอยู่ห้องประชุมน้อยมาก นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นสนับสนุนทันที ทำให้ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา และรองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธาน กดออดส่งสัญญาณเรียกสมาชิกที่อยู่รอบบริเวณรัฐสภาให้เข้าห้องประชุมเป็นการด่วน สร้างความโกลาหล แก่สมาชิกที่อยู่บริเวณภายนอกห้องประชุม ในช่วงเวลาดังกล่าว นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ต้องขึ้นบัลลังก์แทน เพื่อควบคุมเกม พร้อมกดออดติดต่อกันนาน เมื่อมองด้วยสายตาสมาชิกไม่น่าจะครบองค์ประชุม จึงสักพักประชุม 5 นาที แต่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงประธานให้ทำหน้าที่อย่างสมศักดิ์ศรี และขอให้นับองค์ประชุมต่อ ในที่สุดประธานได้สั่งให้สมาชิกเสียบบัตรแสดงตนปรากฎว่า มีสมาชิกอยู่ในห้องประชุม 331 เสียง ถือว่าครบองค์ประชุม ทำให้การประชุมดำเนินการต่อไป
...