รัฐเทอีกหมื่นล้านมัดใจอสม.
“บิ๊กตู่” ย้ำชัดจัดเลือกตั้งก่อนมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รอโปรดเกล้าฯ และหมายกำหนดการของสำนักพระราชวัง ยังกั๊กอนาคตรอหลังปลดล็อก โอ่กำลังบำเพ็ญขันติบารมี “บิ๊กป้อม” ปัดพัลวันดีลลับดูด ปชป. ผ่าน “เสี่ยต่อ เฉลิมชัย” รับรู้จักกันแต่วันนี้ไม่มีเบอร์โทร. ข้องใจถูกดิสเครดิต “อภิสิทธิ์” ตอกผู้นำว่าแต่เขาอิเหนาทำซะเอง ธรรมาภิบาลอย่าพูดแต่ปาก ไม่ต้องมาต่อรองเรื่องตำแหน่ง “เฉลิมชัย” แจงชัดไม่เคยคุยกับใคร รับมีเบอร์แปลกๆต่อเข้ามาแต่ไม่รับสาย ปชป.รุมสะกิดต่อมสำนึกนายกฯก่อนลงสนาม “ธนา” โวยถูกมองแค่ไม้ประดับไม่ร่วมวงปาหี่ “จาตุรนต์” ชี้ถก คสช.ผิดหลักการ ครม.เทกระจาดอีกรอบมัดใจ อสม. รมว.สธ.ติดเบรกพวกหนีกฎ ป.ป.ช. นายกฯแข็งใจยังไม่ใช้ ม.44
มีความชัดเจนขึ้นมาอีกระดับ สำหรับงานพิธีสำคัญของพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ เมื่อล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ย้ำชัดเจนว่าต้องจัดการเลือกตั้งก่อนมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
นายกฯออกอีเวนต์ก่อนถก ครม.
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนการประชุมมีคณะบุคคลทยอยเข้าพบ อาทิ นางพัชราภรณ์ อินทรียงค์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นำคณะเข้าพบเพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมเดินรณรงค์ “คน รัก คลอง”... “ไม่ทิ้ง ไม่เท ทุ่มทำความดี” เพื่อบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ อุทิศถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเฉลิมพระชนม พรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสืบสานพระราชดำริสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการดูแลรักษาพัฒนาลำน้ำและคูคลอง นายกฯกล่าวว่า กิจกรรมที่ทุกอย่างขอให้เริ่มก่อนที่จะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
...
ชมโขนตัวแทน นร.คนพิการ
ต่อมา นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข นำคณะเข้าพบเพื่อสรุปกิจกรรม “อาสาปราบยุงลายควบคุม โรคไข้เลือดออก” ต่อมา พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำคณะมอบถุงผ้าและถุงกระดาษลดโลกร้อน เพื่อรณรงค์ “รับบริจาคถุงผ้าใส่ยากลับบ้าน” ซึ่งนายกฯร่วมบริจาคถุงผ้าลายผ้าขาวม้า ขณะที่นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม นำคณะนักเรียนผู้พิการทางการได้ยินและสายตา โรงเรียนโสตศึกษา และโรงเรียนกาวิละอนุกูล จ.เชียงใหม่ เข้าพบเนื่องในวันคนพิการสากล พร้อมชมสาธิตการอ่านอักษรเบรลล์ และชมการแสดงโขนจากตัวแทนนักเรียนคนพิการ
แจง 2 ช่วงพิธีบรมราชาภิเษก
กระทั่งเวลา 14.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม. ถึงพระราชพิธีสำคัญที่จะเกิดขึ้นว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนรัชกาล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับครองราชย์ เหลือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยมี 2 ช่วง คือ การทำงานรัฐบาลเพื่อเตรียมงานเพื่อเข้าสู่ช่วงพระราชพิธี และช่วงที่ 2 เมื่อโปรดเกล้าฯกำหนดลงมา รัฐบาลต้องเตรียมการในส่วนของโบราณราชประเพณี ซึ่งเกี่ยวกับหลายๆเรื่องและหลายจังหวัด จำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควร ต้องมีพิธีมากกว่า 10 อย่าง ทั้งหมดคือความร่มเย็นของประเทศ ต้องนำน้ำจากแหล่งน้ำทั่วประเทศ สายน้ำที่สำคัญ ดินทุกจังหวัด ประกอบพิธีที่กำหนดไว้ในโบราณราชประเพณี หรือเรียกว่าจารีต ประเพณี โดยในช่วงที่ 2 นี้ใช้เวลาหลายวันเป็นหมาย กำหนดการของสำนักพระราชวังที่จะมีลงมา
เลือกตั้งก่อนงานพระราชพิธี
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้เริ่มเตรียมการในส่วนนี้แล้วหรือยัง นายกฯตอบว่า ต้องรอห้วงเวลาที่จะทรงโปรดเกล้าฯลงมาก่อน คิดว่าคงไม่นานนัก เมื่อถามว่าช่วงนี้รัฐบาลต้องมีการจัดการเลือกตั้งให้เรียบร้อยก่อนใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ต้องดูว่าจะทำอย่างไร ถ้าเวลาเกิดพอดีกัน จะทำอย่างไรให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย รวมถึงการเลือกตั้ง ช่วยกันได้หรือไม่เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศ ต้องเข้าใจกลไก ต้องเข้าใจนายกฯทำเพียงคนเดียวไม่ได้ บางอย่างไม่ควรไปยุ่ง หลายอย่างแก้ไม่ได้จะให้ใช้อำนาจมาตรา 44 ก็ต้องพิจารณาก่อนควรหรือไม่ควร ไม่ใช่มีอำนาจแล้วอยากจะใช้ก็ใช้ กฎหมายเสียหมด “พิธีสำคัญนี้เป็นเรื่องของเหนือหัวขอให้จำไว้ ถือว่าวันนี้ผมไม่ได้พูดอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่อยากเตือนทุกคน” เมื่อถามย้ำว่า ถ้าเป็นเช่นนี้แสดงว่าต้องจัดเลือกตั้งก่อนใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ไม่พูดๆ ยังไงก็ต้องเลือกตั้งก่อนอยู่แล้วล่ะ”
ยังกั๊กอนาคตรอหลังปลดล็อก
ผู้สื่อข่าวถามถึงความชัดเจนอนาคตทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า ทำไมถึงอยากรู้เหลือเกิน ทุกพรรคก็เสนอประยุทธ์ทั้งนั้น แต่ไม่เห็นมีใครมาเชิญสักที เขาจะพูดก็พูดไป ยังไม่ตัดสินใจ ทำไมจะเลือกตั้งพรุ่งนี้หรือ ยังไม่ให้รู้ ยิ่งอยากรู้ยิ่งไม่ให้รู้ ถ้าไม่อยากรู้เดี๋ยวพูดเอง เมื่อถามย้ำว่ารู้สึกอย่างไรที่พรรคพลังประชารัฐประกาศจะเสนอชื่อเป็นนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่อาจพิจารณาตัวเองได้ว่าเก่งหรือไม่เก่ง เลือกตนเพราะอะไรยังไม่รู้ คงอาจเห็นบ้านเมืองสงบเรียบร้อยดี ซึ่งในบารมี 10 ประการ ขันติบารมีคือ เราต้องไม่ยินดียินร้ายต่อคำชมและคำติฉินนินทา ตนกำลังใช้อยู่ เมื่อถามว่า 4 รัฐมนตรีมีส่วนในการตัดสินใจหรือไม่ นายกฯตอบว่า เป็นส่วนหนึ่ง ตนก็ต้องสนับสนุนพรรคที่ทำให้ทำงานต่อไปได้ แต่จะได้เป็นนายกฯหรือเปล่า เป็นกลไกในสภาฯ เมื่อถามว่าจะทำโพลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่ทำ ประชาชนแสดงออกอยู่แล้ว จะเลือกพรรคนู้นพรรคนี้ เลือกคนคุ้นเคย เลือกตัวบุคคลไม่เลือกพรรค เมื่อถามว่าให้เวลาตัวเองบอกความชัดเจนได้เมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ปลดล็อกเมื่อไหร่ค่อยว่ากันตอนนั้น เดี๋ยวก็ปลดล็อกแล้ว ทุกคนจะพูดได้เต็มปากเต็มคำ
เมินพรรคไหนไม่ร่วมช่างเขา
เมื่อถามว่าหลายพรรคปฏิเสธไม่ร่วมหารือในวันที่ 7 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ใครไม่มาก็แล้วแต่เขา การทำงานเพื่อชาติเพื่อประชาชน ต้องเอากติกามา ไม่ใช่มาสู้กับกติกา เหมือนนักมวยจะขึ้นชกต้องฟังกติกา กติกาวันนี้อาจมีความแตกต่างอยู่บ้าง วันนี้กติกามวย กอล์ฟ กีฬาอะไรต่างๆก็เปลี่ยนไป หลายอย่างไม่เคยทำได้ก็ทำได้ หลายอย่างเคยทำได้ก็ทำไม่ได้ เตรียมตัวเองให้พร้อมที่จะเข้าสู่การเลือกตั้งให้ประชาชนตัดสินดีกว่า อย่ามาอะไรกันเลย เสียเวลา ประเทศเดินหน้าลำบาก
“บิ๊กป้อม” ยักไหล่ไม่มาก็อย่ามา
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า การที่บางพรรคไม่เข้าร่วมหารือในวันที่ 7 ธ.ค. ไม่ส่งผลอะไรกับการเลือกตั้ง วันนี้คนที่อยากเลือกตั้งก็ยังอยากอยู่ เมื่อจะมีการเลือกตั้งเขาจะไม่เลือกตั้งหรือ ยืนยันว่า คสช.ไม่ได้มีคำตอบไว้ก่อนเหมือนที่หลายฝ่ายกังวล ไม่อยากพูดอะไรมาก พรรคไหนอยากมาก็มา พรรคไหนไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา เราเชิญหมดคนไม่มาคงไม่รู้เรื่องว่าเขาพูดอะไรกัน และในวันดังกล่าวคงยังไม่รู้วันเลือกตั้งที่แน่นอน ถือเป็นเรื่องของ กกต. ไปล้วงลูกไม่ได้
ปัดพัลวันดีลทางลับ “เสี่ยต่อ”
พล.อ.ประวิตรยังกล่าวถึงกระแสข่าวประสานผ่านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้มาร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ว่า “ไม่จริง ไม่ได้เจอกับนายเฉลิมชัยเลย ไม่ได้พูดอะไรกันเลย เมื่อถามว่าถ้าไม่ใช่นายเฉลิมชัยแล้วได้พูดคุยกับใครบ้าง พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ได้พูดกับใครเลยในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้อยู่พรรคการเมือง ไม่ใช่มือประสาน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง เมื่อถามว่าหากมีคนขอให้ช่วยประสานจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่ประสาน เกี่ยวอะไรจะไปประสานกับใคร ไม่รู้จักใครเลย เมื่อถามว่าการปล่อยข่าวลักษณะนี้มองว่าผู้ปล่อยต้องการอะไร พล.อ.ประวิตรตอบว่า ไม่รู้ เขาดิสเครดิตตนหรือไม่ ยืนยันว่าไม่ได้พูด และไม่ได้เจอหน้านายเฉลิมชัยเลย ที่ผ่านมาเคยเป็นรัฐบาลร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ 3 ปี ก็รู้จักกัน นายเฉลิมชัยก็รู้จัก แต่วันนี้ไม่มีเบอร์โทร.กันแล้ว ส่วนหลังเลือกตั้งจะเล่นการเมืองต่อหรือไม่ ยังไม่รู้ว่าใครเป็นนายกฯ เขาจะมาขอให้ทำงานหรือไม่ หากมีต้องดูว่าจะให้ช่วยอะไร รอให้เขามาเชิญก่อน เมื่อถามย้ำว่าถ้านายกฯ เป็น พล.อ.ประยุทธ์ จะทำงานการเมืองต่อหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ยังไม่รู้ “ถ้า” ไม่ได้ และต่อให้นายกฯเป็นคนหน้าเดิมก็ไม่รู้ว่าเขาจะเชิญหรือไม่ บอกไปตั้งนานแล้วว่าไม่อยากเล่นการเมือง
ตอก “บิ๊กตู่” อิเหนาเป็นซะเอง
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยืนยันจะส่งชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นแคนดิเดตนายกฯอันดับ 1 ของพรรค พปชร. โดยนายอภิสิทธิ์ย้อนถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ยินยอมหรือยัง ถ้าตอบรับก็แปลว่า พล.อ.ประยุทธ์มีส่วนได้เสียกับการเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องพิจารณาว่าหลักธรรมาภิบาลควรปฏิบัติอย่างไร ประชาชนจับตาตลอดว่าใครที่หาเสียงว่าจะบริหารบ้านเมืองด้วยธรรมาภิบาล ต้องมีมาตรฐานเป็นแบบอย่างที่ดี เชื่อว่าคนไทยไม่ชอบคนเอารัดเอาเปรียบคนอื่น จะเป็นปัจจัยในการตัดสินใจของประชาชน ขอเตือนว่าในอดีตพรรคที่ตั้งขึ้นมาสืบทอดอำนาจมักมีจุดจบที่ไม่ดี
ธรรมาภิบาลอย่าพูดแต่ปาก
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ว่าควรเป็นแบบอย่างที่ดีในการสร้างบรรทัดฐานทางการเมือง เรื่องธรรมาภิบาลจะหยุดแค่เรื่องกฎหมายไม่ได้ ตอนเป็นนายกฯมีรัฐมนตรีหลายท่านเกิดปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ส.ส. และต้องไปลงสมัครเลือกตั้งซ่อม จึงให้ทุกคนออกจากตำแหน่งเพราะไม่ต้องการให้ใช้ตำแหน่งเอาเปรียบคู่แข่ง ทั้งที่กฎหมายไม่บังคับ บรรทัดฐานอย่างนี้ต้องสร้างขึ้นหากอยากมีธรรมาภิบาล แต่ถ้าท่องแค่ว่าไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย การเมืองไทยก็คงวนเวียนอยู่แบบเดิม ก้าวแรกทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ คงบอกอะไรไม่ได้ ขอให้พิจารณาเอง ที่พูดเรื่องธรรมาภิบาลตลอดเกือบ 5 ปี เรียกร้องให้คนอื่นทำแต่ตัวเองไม่ทำ หากอยากให้ชาติหลุดพ้นวิกฤติ อย่าทำอะไรที่ซ้ำรอยอดีต เช่น เข้ามาแทรกแซง กกต. โดยการออกคำสั่งหัวหน้า คสช.อย่างน้อย 2 ครั้ง
ลั่นไม่ต้องมาต่อรองตำแหน่ง
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวอีกว่า ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่า คสช.พยายามติดต่อผ่านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อปูทางเข้าร่วมรัฐบาล โดยเสนอตำแหน่งรัฐมนตรีเกรดเอมาต่อรองนั้น ไม่เป็นความจริง แกนนำ พปชร.ระบุเองไม่ใช่หรือว่าเขาจะได้ ส.ส. 350 คน แล้วจะติดต่อมาทำไม ไม่จำเป็นต้องคุยกัน ยืนยันมาตลอดว่าอย่ามาพูดเรื่องตำแหน่ง จุดประสงค์ของพรรคคือนำพาประเทศชาติไปในทิศทางที่ถูกต้อง และตามขั้นตอนต้องผ่านกระบวนการเลือกตั้งให้ประชาชนให้คำตอบก่อน ว่าสนับสนุนแนวทางพรรคใดและต้องดูว่าตอนหาเสียงพลังประชารัฐยังยืนยันแนวทางหาเสียงเหมือนการทำงานในปัจจุบันหรือไม่ ถ้ายังบริหารเศรษฐกิจแบบนี้ก็ยากที่จะทำงานด้วยกันได้ เพราะประชาชนเดือดร้อนมาก ขอย้ำว่าขณะนี้การเมืองมีสามขั้ว คือพลังประชารัฐ เพื่อไทยและประชาธิปัตย์ เป็นสามแนวทางที่แตกต่างกันชัดเจน ต้องให้ประชาชนพิจารณา
สะกิดต่อมสำนึกก่อนลงสนาม
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งนายกฯและหัวหน้า คสช. ก่อนจะถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯในบัญชีของพรรคการเมือง จะสง่างามมาก หากยังดันทุรังอยู่ต่อ สุ่มเสี่ยงขัดหลักธรรมาภิบาล และจริยธรรมผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ เชื่อว่าทั้งตัว พล.อ.ประยุทธ์ และพรรค พปชร.จะไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชน และมีจุดจบทางการเมืองที่น่าเป็นห่วง แสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นการร่างรัฐธรรมนูญ เขียนกฎหมายต่างๆ การตั้งพรรคการเมืองโดยใช้ทุนมหาศาล ไปดูดอดีต ส.ส.ด้วยรูปแบบต่างๆ รวมทั้งออกคำสั่ง คสช.เรื่องแบ่งเขตเลือกตั้ง ก็เพื่อให้ตัวเองกลับมาเป็นนายกฯ และสืบอำนาจต่อไปอย่างไม่เกรงใจใคร
โวย คสช.มองแค่ไม้ประดับ
นายธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมร่วมกับ คสช. และ กกต. วันที่ 7 ธ.ค. ว่า ไม่ใช่คำเชิญให้ไปร่วมหารือเพื่อจัดทำแผน หรือขั้นตอนดำเนินการสู่การเลือกตั้ง แต่เป็นกรณีที่ คสช. กกต. และ สนช. จัดทำแผนและขั้นตอนดำเนินการทางการเมืองสู่การเลือกตั้งแล้ว เพียงแต่เชิญพรรคการเมืองไปเป็นไม้ประดับร่วมฟังด้วยเท่านั้น อีกทั้งยังมีการใช้คำสั่งหัวหน้า คสช. หลายครั้งที่พรรค การเมืองมีความหวาดระแวงว่าเป็นการแทรกแซงการเลือกตั้ง มีพฤติกรรมหลายเรื่องแสดงว่า คสช.กำลังเปลี่ยนสถานะเป็นพรรคสืบทอดอำนาจ ยิ่งเห็นชัดว่า คสช.ไม่ได้เข้ามายุติความขัดแย้ง หรือแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันตามที่บอก พล.อ.ประยุทธ์จึงมีหลายสถานะคือ 1.เป็นหัวหน้า คสช. 2.เป็นนายกฯ และ 3.เป็นว่าที่ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ
วีโต้ “บิ๊กตู่” ไม่ร่วมวงปาหี่
นายธนากล่าวว่า ขอตั้งคำถามไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ที่จะนั่งเป็นประธานการประชุมวันที่ 7 ธ.ค. หาก พล.อ.ประยุทธ์ยังนั่งเป็นประธาน พรรคประชาธิปัตย์จะไม่เข้าร่วมประชุม เพราะเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง และมีผลประโยชน์ทับซ้อน การจัดการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ กกต. ไม่ใช่เรื่อง คสช.และรัฐบาล ขอให้ชี้แจงสังคมก่อน เราจึงจะพิจารณาว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ ส่วนที่ นายกฯระบุว่า คนที่ไม่เข้าร่วมประชุมวันที่ 7 ธ.ค. เป็นพวกไม่อยากเลือกตั้งนั้น แล้วแต่จะมอง แต่ยืนยันว่าพร้อม กำลังรอคำตอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะถอนตัวจากการเป็นประธานที่ประชุมหรือไม่ หากถอนตัวพรรคจะนำมาพิจารณาอีกครั้ง ส่วน ข่าวการทาบทามนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ให้ร่วมรัฐบาลกับ คสช.นั้น ไม่เป็นจริง สงสัยว่าเป็นความพยายามดิสเครดิตพรรค เพราะในการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค นายอภิสิทธิ์ยืนยันชัดเจนว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะไม่มีเรื่องต่อรองตำแหน่ง
“เฉลิมชัย” เผยยังไม่คุยกับใคร
ขณะที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวดังกล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยหรือเจรจากับใครทั้งสิ้น เพราะกว่าสัปดาห์มาแล้วไม่ได้รับสายเบอร์แปลกๆ หรือเบอร์โทร.ที่ไม่รู้จัก ไม่ได้รับสายมือถือใครอย่างที่สื่อวิเคราะห์ขายข่าวกัน เพราะยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งออกมาเลย ฉะนั้นอย่าดูถูกประชาชน ที่รับสายคุยมีแต่พรรคพวกเพื่อนฝูง และน้องๆที่มักคุ้นเท่านั้น ข่าวคือข่าว ถ้าคุยก็จะบอก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายเฉลิมชัยถือเป็นฐานกำลังสำคัญของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่รับมอบหมายดูแลพื้นที่ภาคกลาง โดยนายเฉลิมชัยจะ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคกลางที่ดูแลอยู่ร่วม 50 คน
“เหลิม” พร้อมขึ้นเวที “เจ๊หน่อย”
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากพรรคให้เป็นหัวหน้าทีมปราศรัยหาเสียงทั่วประเทศ เบื้องต้นจัดทีมปราศรัยไว้แล้วมีตน นายอดิศร เพียงเกษ นายสุทิน คลังแสง พร้อมกันนี้พรรคยังมอบหมายให้ตั้งทีมวอร์รูม มีปัญหาอะไรไม่ต้องมาปรึกษาใน กทม. ให้ติดต่อผ่านวอร์รูม มีนักกฎหมายคอยให้คำปรึกษา ยกร่างแบบฟอร์มให้ผู้สมัครติดตัวหากถูกโกงให้ไปร้องทุกข์แจ้งความได้ทันที ส่วนการทำงานร่วมกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานทีมยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ต่างคนต่างมีแนวทาง แต่ในอนาคตคงได้ขึ้นเวทีปราศรัยร่วมกันอยู่แล้ว แต่ท่านคงไม่เดินทางไปปราศรัยเพราะภารกิจเยอะมาก
คำสารภาพ “เทือก” ทำ พท.ชนะ
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า การที่พรรคพลังประชารัฐและพรรคเครือข่าย มั่นใจว่าจะชนะเลือกตั้งนั้นล่าสุด เมื่อดูจากคำให้สัมภาษณ์ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย หลังเดินคารวะแผ่นดินแล้ว ถามว่าจะเอาอะไรมาชนะพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐเกิดเร็ว ตายเร็ว ตายเมื่อตอนสุเทพให้สัมภาษณ์เอง ยอมรับว่าเศรษฐกิจไม่ดี ชาวบ้านยากจน ทั้งที่เป็นพวกเดียวกันแท้ๆ การเลือกตั้งรอบหน้ามั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.มากกว่าเดิม ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์คงได้ ส.ส.น้อยลง เพราะแสดงวีรกรรมเป็นที่ชัดเจนตอนไปร่วมเป่านกหวีด ดังนั้นเราอย่าทำผิดกฎหมาย อย่าให้เขาโกง ชนะแน่นอน
กระทุ้ง กกต.อย่าฝืนธรรมชาติ
ช่วงบ่ายที่พรรคไทยรักษาชาติ มีการประชุมสมาชิกพรรค เพื่อหารือและพูดคุยถึงการทำงานด้านต่างๆ โดย ร.ท. ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค พร้อมนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค และสมาชิกพรรคกว่า 20 คนเข้าร่วม ร.ท.ปรีชาพลให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือว่า ได้ระดมความคิดเห็นเพื่อแบ่งบทบาทการทำงานในคณะทำงานด้านต่างๆ รวม 5 คณะ ประกอบด้วย ด้านเศรษฐกิจเทคโนโลยี ด้านต่างประเทศ ด้านกฎหมาย ด้านการเมือง ด้านความมั่นคงและสังคม ในส่วนของการเดินสายปราศรัย ขอเรียกร้องไปยัง กกต. อย่าบิดเบือนธรรมชาติในการหาเสียงมากเกินไป
“อ๋อย” ชี้ถก คสช.ผิดหลักการ
นายจาตุรนต์ ฉายแสง กล่าวว่า กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กล่าวหาพรรคการเมืองที่ประกาศไม่เข้าร่วมประชุมแม่น้ำ 5 สาย วันที่ 7 ธ.ค. เป็นพวกไม่เคารพกติกา และไม่อยากเลือกตั้งว่า ยืนยันว่าพรรคไทยรักษาชาติปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายอย่างเคร่งครัด การที่ คสช.ทำแบบนี้เท่ากับยืนยันว่าจะแทรกแซงการเลือกตั้ง ซึ่งเราไม่เห็นด้วยและจะไม่ไปร่วม ยืนยันว่าต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วเป็นไปตามกำหนด ตัว พล.อ.ประยุทธ์จะถูกเสนอชื่อชิงนายกฯ แล้วจะมาทำหน้าที่ตรงนี้เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ดังนั้นขอให้ พล.อ.ประยุทธ์เปิดเผยให้ชัดว่าจะอยู่ในบัญชีรายชื่อ จะได้แยกแยะกันให้ชัดเจนว่าประชาชนจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่อ หรือต้องการหยุด พล.อ.ประยุทธ์ในการเลือกตั้งครั้งนี้
หลาน “สุริยะ” โชว์ป๋าบริจาค 5 ล.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า เจ้าหน้าที่พรรคได้นำประกาศเรื่องบัญชีรายชื่อผู้บริจาคในนามบุคคลธรรมดา ระหว่างวันที่ 1-30 พ.ย. มาติดประกาศไว้ที่ทำการพรรค โดยมียอดเงินบริจาคเข้าพรรครวมทั้งสิ้น 7 ล้านบาท จากผู้บริจาคซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรค 3 คน ได้แก่ นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ กรรมการบริหารพรรค หลานชายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ บริจาค 5 ล้านบาท นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ เหรัญญิกพรรค และนายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนสมาชิกพรรค บริจาคคนละ 1 ล้านบาท
ออกหน้า 4 รมต.ไม่ต้องทิ้งเก้าอี้
นายศุภชัย สมเจริญ อดีตประธาน กกต. กล่าวถึงเสียงเรียกร้องให้ 4 รัฐมนตรีแกนนำพรรคพลังประชารัฐลาออกจากตำแหน่งว่า ไม่มีความจำเป็นที่ 4 รัฐมนตรีต้องลาออก เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 264 ในบทเฉพาะกาลระบุว่า ให้ ครม.อยู่บริหารราชการแผ่นดินจนกว่าจะมี ครม.ใหม่ เมื่อถามว่าการอยู่ในตำแหน่งของ 4 รัฐมนตรีจะเกิดความได้เปรียบหรือไม่ นายศุภชัยตอบว่า คงตอบไม่ได้ แต่รัฐมนตรีทั้ง 4 คน ต้องระวังตัวเป็นพิเศษหากจะไปหาเสียงให้พรรคพลังประชารัฐ เพราะมีแต่คนคอยจ้องจับผิดอยู่ตลอด เช่น การหาเสียงต้องทำนอกเวลาราชการ ต้องไม่นำทรัพยากรรัฐไปใช้ในการหาเสียง มิเช่นนั้นอาจเข้าข่ายความผิดในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ครม.เมินครหาทุ่มมัดใจ อสม.
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติเพิ่มค่าตอบแทนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จากเดิม 600 บาท เป็น 1,000 บาทต่อเดือน เนื่องจากปรับเพิ่มมาเป็นเวลา 10 ปี โดยจะเริ่มขึ้นค่าตอบแทนในเดือน ธ.ค.นี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ อสม.ทั้งประเทศมี 1,054,729 คน แบ่งเป็น อสม.ต่างจังหวัด 1,039,729 คน ใน กทม. 10,500 คน เมื่อปรับเพิ่มค่าตอบแทนใหม่ จะใช้วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 12,656 ล้านบาท ครม.ยังมีมติอนุมัติวงเงิน 763 ล้านบาท นำไปปรับปรุงแก้ไขปัญหาซื้ออุปกรณ์ที่ทันสมัยให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลประมาณ 1,000 แห่ง จากทั้งหมด 9,800 แห่ง เพื่อรองรับความแออัดของผู้ป่วยในแต่ละจังหวัด ที่ผ่านมามีการปรับปรุงไปแล้วประมาณ 5,000 แห่ง ถือเป็นนโยบายช่วยเหลือ และให้เป็นของขวัญแก่ประชาชนตามปกติ ไม่มีอะไรเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง แม้จะเป็นช่วงใกล้เลือกตั้ง
“บิ๊กตู่” ว่าคนไทยยังมีกินอยู่นะ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กล่าวว่า วันนี้รัฐบาลพยายามทำทุกมาตรการออกมา ไม่ใช่เอาเงินให้อย่างเดียวเหมือนที่ผ่านมา ส่วนของขวัญในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ถามว่าเป็นการสนับสนุนให้คนใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายหรือ ถ้าคนไม่มีจะใช้อย่างไร เขาก็ไม่มี จะคืนภาษีเท่าไหร่เขาก็ไม่มีซื้อหรอก อย่ามาบอกว่ารัฐบาลนี้สนับสนุนให้คนสุรุ่ยสุร่าย คนที่มีกำลังซื้อก็ซื้อโดยลดภาษีนิดหน่อยเพื่อให้กำลังใจ ใครที่ไม่มีก็ดำรงชีวิตอยู่อย่างพอเพียง ไม่ใช่ไปกู้เงินมาเพื่อให้ได้ลดภาษี ส่วนคนข้างล่างเราดูแลด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นี่คือวงจรเศรษฐกิจ ที่บอกว่าคนจะตายกันอยู่แล้วไม่มีจะกิน ก็เห็นว่ามีกินอยู่นะ ไม่ใช่ยากไร้จนแสนเข็ญ ต้องว่ากระบวนการคิดกันใหม่ บางทีต้องพูดเยอะ เบื่อที่จะพูด แต่ต้องพูดไม่อย่างนั้นถูกโจมตีทุกเรื่อง
“พรเพชร” ยก สนช.เหมาะ ส.ว.
วันเดียวกันที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว สนช.เริ่มวิ่งเต้นขอเป็น ส.ว. ว่า ไม่เคยได้ยิน ข่าวที่ออกมาเป็นการพูดเองเขียนเอง สนช.มีสิทธิเป็น ส.ว.อยู่แล้วหากมีคุณสมบัติครบ ไม่มีลักษณะต้องห้าม ส่วนการวิจารณ์ว่า สนช.มีโอกาสสูงกว่าคนอื่นนั้น เป็นเรื่องของคณะกรรมการสรรหา และ คสช.จะพิจารณา หากพูดถึงประสบการณ์การทำงานของ สนช.ชุดนี้ ถือว่ามีประสบการณ์ทำงานด้านนิติบัญญัติ ขยันมีความพร้อมที่จะปฏิบัติงาน หลายคนมีความเหมาะสมที่จะเป็น ส.ว.ได้
แก้ ก.ม.ไล่บี้คนหนีคดีอีกระลอก
ต่อมามีการประชุม สนช. เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จำนวน 5 มาตรา ในวาระ 2-3 มีสาระสำคัญโดยเฉพาะมาตรา 5 ที่ห้ามประชาชนเป็นโจทก์ฟ้องคดีผู้อื่นโดยไม่สุจริต หรือเพื่อกลั่นแกล้งกัน โดยครอบคลุมถึงกรณีผู้ปฏิเสธคำสั่งคำพิพากษาศาลในคดีที่ถึงที่สุดแล้วโดยปราศจากเหตุผลอันสมควร เช่น ศาลตัดสินลงโทษจำคุกหรือปรับ แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตาม เช่น หลบหนีไป บุคคลผู้นั้นจะถูกตัดสิทธิไม่ให้มาฟ้องคดีอาญาต่อศาลได้อีก อย่างไร ก็ตาม การตัดสิทธิดังกล่าวไม่รวมถึงกรณีการไปดำเนินคดีผ่านช่องทางตำรวจและอัยการ ทั้งนี้ที่ประชุมลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 149 ต่อ 0 งดออก เสียง 3 เสียง
โวยโดนหางเลขบี้ภาษีออนไลน์
จากนั้นที่ประชุม สนช. พิจารณาร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร จำนวน 5 มาตราวาระ 2-3 มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้สถาบันการเงินต้องรายงานข้อมูลของบุคคลและนิติบุคคลที่มีความเคลื่อนไหวทางบัญชีในการทำธุรกรรมฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีเกิน 3,000 ครั้งต่อปีหรือการฝาก-รับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 200 ครั้ง ที่ยอดเงินตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไปต่อปี ส่งให้กรม สรรพากรตรวจสอบเพื่อเก็บภาษีได้อย่างถูกต้อง โดยตั้งเป้าเรียกเก็บภาษีจากผู้ขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ เนื่องจากปัจจุบันการติดตามข้อมูลเพื่อจัดเก็บภาษี ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่มี สนช.หลายคน อาทิ นายวรพล โสคติยานุรักษ์ นายตวง อันทะไชย อภิปรายท้วงติงว่า เนื้อหาใน พ.ร.บ.ยังขาดหลักเกณฑ์รายละเอียดที่ชัดเจน อาจส่งผลกระทบต่อคนที่ไม่ได้เป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ แต่มีธุรกรรมฝากหรือรับโอนเงินหลายครั้งเข้าข่ายถูกเพ่งเล็งตรวจสอบ โดยเฉพาะ สนช. 240 คน ที่ขณะนี้ได้รับทั้งเงินเดือน เบี้ยประชุม ผ่านการโอนกว่า 200 ครั้งต่อปี ที่สุด กมธ.ต้องยอมแก้ไขมาตรา 3 เรื่องการให้สถาบันการเงินรายงานการทำธุรกรรมจาก 200 ครั้งต่อปี เป็น 400 ครั้งต่อปีและมียอดรวมเงิน 2 ล้านบาทขึ้นไป ที่ต้องรายงานให้กรมสรรพากรทราบ ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบด้วยคะแนน 139 ต่อ 0 งดออกเสียง 7
รมว.สธ.ติดเบรกพวกหนีกฎ ป.ป.ช.
อีกเรื่อง ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.อุดม คชินทร รมช.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีกรรมการสภามหาวิทยาลัยทยอยลาออก เนื่องจากติดขัดที่จะปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แม้จะมีการขยายเรื่องการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินออกไปเป็นวันที่ 31 ม.ค.2562 ว่า ต้องรอประกาศ ป.ป.ช.ฉบับจริงออกมาก่อนว่าจะเป็นอย่างไร นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กำลังเจรจาอยู่คงมีทางออก ยังมีเวลาจึงไม่ควรลาออก ถ้าต่อมามีประกาศ ป.ป.ช.ออกมาว่าไม่ต้องยื่นจะกลับมาก็ลำบาก รอให้มันไปไม่ได้จริงๆแล้วค่อยลาออก ขณะนี้เท่าที่ทราบกรรมการสภามหาวิทยาลัยยังลาออกกันไม่ถึงครึ่งยังถือว่าทำงานได้แต่อย่าให้ออกไปมากกว่านี้ ทราบว่าส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยพอใจส่วนการสรรหาบุคคลมาแทนที่นั้นจะใช้เวลา 2-3 เดือน
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า กรณีของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่ลาออกไป เราสรรหาบุคคลมาทดแทนแล้ว ส่วนคณะกรรมการคณะอื่นที่เหลือยังไม่มีการรายงานตัวเลขที่ชัดเจน ต้องรอความชัดเจนจากประกาศของ ป.ป.ช.อีกที ดังนั้น กรณีที่มีผู้ยื่นใบลาออกในขณะนี้ เราจึงยังไม่ดำเนินการใดๆให้ โดยให้กรรมการเหล่านั้นได้รับข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อนำไปตัดสินใจอีกครั้ง
นายกฯแข็งใจไม่ใช้มาตรา 44
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กล่าวภายหลังการประชุม ครม.ถึงข้อเสนอให้ใช้มาตรา 44 แก้ปัญหาประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องกำหนดตำแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 พ.ศ.2561 หลังผู้มีหน้าที่เกรงความยุ่งยากต่างๆทยอยลาออกว่า ยังไม่ใช่ตอนนี้ ป.ป.ช.กำลังทบทวนอยู่ที่ผ่านมาได้ยืดเวลาบังคับใช้ แต่ปัญหาก็ยังไม่จบ พอยืดเวลาไปแล้วก็ต้องไปดูว่าจะทำอย่างไรไม่ให้มีปัญหาเกิดขึ้น ต้องไปดูว่าทำอย่างไรให้เกิดความเป็นธรรม อย่าไปมองว่าดีทั้งหมด หรือเสียทั้งหมด คนดีก็มีเยอะ เหตุผลของแต่ละคนก็มีอยู่ ก็ต้องรับฟังกันบ้าง อย่ามองว่าทำอย่างนี้แล้วสะใจดี ตอนตนเป็น ผบ.ทบ.ก็ชี้แจงบัญชีทรัพย์สินเหมือนกันและ ป.ป.ช.เก็บไว้ไม่ได้นำมาเปิดเผย ถ้ามีเรื่องอะไรถึงหยิบยกออกมา แต่พอเป็นนายกฯต้องเปิดเผย มาตีแผ่ให้คนด่าทั้งประเทศ รวยมาก รวยน้อย ไม่จบกันสักที