การเมืองรอบนี้สงสัยจะเข้มข้นต่อเนื่องยาวไปถึงปีหน้าหลังเลือกตั้ง เพราะมีแต่ข่าวกระแสแรงๆ สะพัดออกมาไม่ได้หยุดหย่อน โดยเฉพาะพลังดูด จากพรรคพลังประชารัฐ ที่ดูดจนหยดสุดท้าย ฉกตัวอดีต ส.ส. และแกนนำเพื่อไทยไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เสียอย่างนั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใช้อะไรดูด

ที่แน่ๆ ล่าสุด รองศาสตราจารย์พิเศษ ดร.อดิศร เพียงเกษ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม จัดรายการ "ตรงไปตรงมา" ผ่านช่องพีชทีวี (Peace TV) ยิงตรงไปถึง นางจุรีพร สินธุไพร รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ร้อยเอ็ด อดีตแกนนำเสื้อแดงพัทยา ชลบุรี กรณีอยู่ดีๆ ก็ย้ายพรรคซะอย่างนั้น มีใจความสรุปว่า 

"พรรคพลังประชารัฐ คลอดจากมดลูกเผด็จการ มันจะมาจากประชาธิปไตยได้อย่างไร เพราะพ่อแม่มันเป็นเผด็จการ น่าเห็นใจ นิสิต สินธุไพร ที่อยู่ดีๆ น้องสาวแท้ๆ อย่าง "นางจุรีพร สินธุไพร" อดีตแกนนำหลักคนเสื้อแดงที่พัทยา ก็สละเรือไปสวมเสื้อพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งนิสิตเสียใจมาก "นิสิต" เป็นน้องรักของผม มีคนเห็นใจเค้าเยอะแยะ ผมเองก็เห็นใจ ผมขอประกาศตัดญาติขาดมิตรกับจุรีพร ฝากไปบอกสามีคุณด้วย อย่าให้ผมมีอำนาจ นี่พูดในนามผมเอง ได้ข่าวว่าคุณจะลงสมัคร ส.ส.จังหวัดร้อยเอ็ด คุณต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาตลอด วันพูดหาเสียง คุณจะไปพูดว่าอย่างไร?"

รองศาสตราจารย์พิเศษ ดร.อดิศร บอกด้วยว่า ที่ผ่านมา นิสิต ไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่าน้องสาวจะย้ายพรรค โทรไปหาน้องสาวตัวเองก็ไม่ยอมรับสาย โทรไปเป็น 20 ครั้งก็ไม่ยอมรับสาย ทั้งๆ ที่พี่ชายคนนี้เป็นคนผลักดันให้น้องสาวมีตำแหน่งในทางการเมือง ชื่อ จุรีพร ตายไปก็ไม่มีใครรู้จัก ได้ดีเพราะพี่ชาย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าประชาชนแยกแยะได้ ....นอกจากนี้ อดิศร ยังแต่งกลอนให้กำลังใจนิสิต  1 บท 

...

ขณะที่ นางจุรีพร สินธุไพร ระบุว่า รู้สึกเสียใจที่ผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือพูดถึงกันแบบนี้ แต่ไม่เคยคิดโกรธ หรือเก็บมาแค้นใจ หากวันนี้ยังไม่มีใครเข้าใจ พูดตะโกนจนสุดเสียงก็คงไม่มีใครเข้าใจอยู่ดี เมื่อตนเองเคยบอกไปแล้วว่า ไม่เคยโกรธเกลียดใคร รักเคารพอย่างไรก็จะเป็นเช่นเดิม นาทีนี้ไม่ใช่นาทีที่จะมาต่อปากต่อคำกับใคร แต่เป็นเวลาที่เราต้องคิดทำประโยชน์ต่อส่วนรวม เพื่อชาติบ้านเมื่อ วันนี้ทุกพรรคอยู่ในกติกา คือเราต้องลงสมัครรับเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ตนเองก็เปิดตัวลงสมัครแข่งขัน ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ พรรคเพื่อไทย เหมือนเดิม แต่ไม่เคยที่จะไม่เคารพรัก 

"ไม่มีอะไรจะพูดค่ะ เพราะว่าเราเชื่อในความปรารถนาดีในใจเรา พูดไปก็เหมือนแก้ตัว อยากให้ทุกอย่างวัดกันที่ผลงาน และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับในอนาคตดีกว่า คำพูดของท่านอดิศร ทำให้ดิฉันอยากพิสูจน์ตัวเองให้ท่านเห็นว่า ดิฉันไม่เคยเปลี่ยนไป  ถึงจะย้ายมาอยู่พลังประชารัฐ ก็ตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อส่วนรวมเหมือนที่ผ่านๆมา "