สมาชิกพรรคเพื่อไทยหลายคน ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ กกต. ให้ตรวจสอบ กรณีที่มีความไม่ชอบมาพากล เอาเปรียบกันในการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.ในจังหวัดนครราชสีมา โดยกล่าวหาว่าโม่งร่วมกับผู้มีอิทธิพล แบ่งเขตเลือกตั้งโดยผ่าอำเภอเดียวไปอยู่ หลายเขตไม่เป็นไปตามระเบียบของ กกต.และ ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น

หนังสือร้องเรียนยังได้ทวงถามถึงผลการร้องเรียนครั้งก่อน ที่กล่าวหาว่ามีคนบางกลุ่มเก็บบัตรประชาชน เพื่อนำไปทำบัตรสมาชิกพรรค แต่เมื่อข่าวเงียบไป กลุ่มคนเดิมๆก็กลับมาทำกันใหม่ โดยให้ค่าตอบแทนเจ้าของบัตร 100 บาท ให้ผู้เก็บบัตร 100 บาท ส่วนผู้สมัครในพื้นที่ได้หัวละ 20 บาทต่อเดือน บางคนอาจได้ถึงเดือนละ 2 แสนบาท

คำร้องเรียนไม่ได้กล่าวหาใดๆ ต่อ กกต.แต่ย่อมกระทบต่อ กกต.อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นประเด็นที่ว่ามี “ไอ้โม่งร่วมกับผู้มีอิทธิพล” แบ่งเขตเลือกตั้งกันตามชอบใจโดยที่ กกต.ไม่รู้เห็น เป็นไปได้อย่างไร เช่นเดียวกับการทวงถามผลการร้องเรียนครั้งก่อน เรียกการเก็บบัตรประชาชนให้เป็นสมาชิกพรรคใดพรรคหนึ่ง ก็ไม่มีความคืบหน้า

อาจเปรียบเทียบได้กับอีกกรณีหนึ่ง ซึ่งไม่ทราบว่ามีการร้องเรียน กกต. หรือไม่ แต่ กกต. แสดงความกระตือรือร้นจะตรวจสอบ เมื่อรองนายกรัฐมนตรีท่านหนึ่งพูดผ่านสื่อว่า ให้ กกต.ตรวจสอบกรณีที่ว่ามีคนที่ไม่ใช่สมาชิกเข้าครอบงำ และชี้นำกิจกรรมของพรรคเพื่อไทย อาจเป็นความผิดกฎหมายพรรคการเมือง ที่มีโทษจำคุกและยุบพรรค กกต.ขานรับทันที

ต่างจากกรณีที่เป็นข่าวโด่งดังอยู่หลายเดือน นั่นก็คือกลุ่มการเมืองกลุ่มหนึ่งเดินสายเพื่อ “ดูด” บรรดาอดีต ส.ส.ภาคอีสานเข้าเป็นสมาชิกพรรคที่มีท่าทีสนับสนุน คสช. โดยเสนอให้อามิสสินจ้าง ทั้งในรูปของเงิน การช่วยเหลือเรื่องคดีความ แต่เรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้ขอให้ กกต. ตรวจสอบ อ้างว่าเป็นการกระทำของ “กลุ่มการเมือง” ไม่ใช่พรรคการเมืองจึงไม่ผิด

...

ทั้งๆที่กฎหมายพรรคการเมืองเขียนไว้ชัดเจนว่า “ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ใดให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน” เพื่อจูงใจให้บุคคลสมัครเข้าเป็นสมาชิก กฎหมายไม่ได้ห้ามแค่พรรค แต่ห้ามแม้แต่ “ผู้ใด” ก็ตาม ไม่ให้กระทำการดังกล่าวมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี และยุบพรรค เช่นเดียวกับกรณีครอบงำพรรค

กกต.มีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลการเลือกตั้ง ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม จึงหวังว่า กกต.จะตรวจสอบการร้องเรียนทุกเรื่อง หรือแม้แต่เรื่องที่ไม่มีการร้องเรียน แต่เป็นข่าวตามสื่อ และจะตรวจสอบอย่างโปร่งใสตรงไปตรงมา โดยยึดถือคำประกาศของประธาน กกต. ที่ว่า “จะปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรม ซื่อสัตย์สุจริต กล้าหาญ ไม่อยู่ภายใต้การครอบงำ...”.