เทพเทือกไม่แคร์คนตามป่วน

“บิ๊กป้อม” โยน กกต.ดู “เทพเทือก” เดินรายวัน หากยังมีคนต่อต้านวุ่นวาย อาจต้องเรียกหัวหน้าพรรคไปคุย พร้อมกำชับ ตร.ดูแลความเรียบร้อย ยัน “สุเทพ” ไม่เกี่ยวข้องเชื่อมโยง คสช. “เทือก” ย้ำความเชื่อ พวกก่อกวนเป็นกลุ่มอำนาจเก่า เจออีกหนุ่มแว่นดำชูป้ายจวกคนโกหก ปะทะคารมเล็กน้อยก่อนแยก พท.กระทุ้งให้ย้อนดูพฤติกรรมตัวเอง อย่าสำคัญตัวผิดมีหัวไว้แค่ให้ผมขึ้น “หญิงหน่อย” ประเดิมเคลื่อนทัพโคราช ลั่นเป็นลูกอีสานหลานย่าโม ปลื้มชาวบ้านเชียร์ “นายกฯสุดารัตน์” ลั่นจะทำให้เป็นยุครวยกระจาย เลิกภาษีอาน ยักไหล่ไม่ยี่หระปลดล็อกเมื่อไหร่ก็เอาที่สบายใจ “นคร” แทงหนังสือขอสหรัฐฯร่วมสังเกตการณ์เลือกตั้ง “ปรีชา” ปัดชิ่งหนี พปชร. พร้อมโวมีอดีต รมต.-ส.ส.พท.ตามมาอีกเพียบ นายกฯพุ่งเป้าการเมืองทำวุ่นวาย ไร้ระเบียบ โอดโดนจ้องหาเรื่องแต่ทำให้ฮึดสู้ ย้ำไทยกำลังเดินสู่ ปชต. หวังใจไม่กลับไปสู่วังวนเดิมๆ “ดอน” โล่ง เก้าอี้ไม่หลุด ศาล รธน.วินิจฉัยไร้ผิด

สถานการณ์การเมืองเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ หลังเห็นทิศทางชัดเจนสำหรับการเลือกตั้ง ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ.2562 พรรคการเมืองกลุ่มการเมืองต่างขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวตามจังหวะคลายล็อกของ คสช. ขณะที่บางส่วนได้เดินลงพื้นที่เปิดตัว ผู้สมัครกันไปแล้ว โดยเฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่เรียกแขกได้มากกว่าใครในชั่วโมงนี้

“บิ๊กป้อม” โยน กกต.ดูคารวะแผ่นดิน

เมื่อวันที่ 31 ต.ค. เวลา 10.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการเดินคารวะแผ่นดินของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่มีคนไปต่อต้านการเดินดังกล่าวว่า เป็นเสรีภาพของประชาชนจะชอบหรือไม่ชอบก็ว่าไม่ได้ เชื่อว่าสถานการณ์จะไม่กลับมาเหมือนเดิม เพราะเป็นเรื่องของบุคคล เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ต้องไปตรวจสอบดูภาพรวม อีกทั้งตำรวจต้องดูแลความเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ตลอดการเดิน 5 วันที่ผ่านมา แม้จะมีคนปั่นป่วนแต่ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะการลงพื้นที่พบปะและรับสมัครสมาชิกเป็นขั้นตอนตามกฎหมายของ กกต. ซึ่ง คสช.ไม่มีอำนาจเข้าไปเกี่ยวข้อง หากการเดินดังกล่าวยังมีความวุ่นวายหรือคนต่อต้าน กกต.อาจต้องเรียกหัวหน้าพรรคมาพูดคุย เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินไปในพื้นที่ที่อาจเกิดความวุ่นวาย

...

ยัน “เทพเทือก” ไม่เกี่ยวข้อง คสช.

เมื่อถามว่าการที่นายสุเทพลงพื้นที่ฐานมวลชน กปปส. แต่มีการต่อต้านจะสะเทือนถึง คสช.หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า คสช. และนายสุเทพไม่เกี่ยวข้องกัน ดังนั้น นายสุเทพจะทำงานก็ทำไป ไม่เห็นจะมาสนับสนุนตนเองแต่อย่างใด ส่วนการปลดล็อกพรรค การเมืองนั้น ต้องดูว่านายกฯว่างเมื่อใดในช่วงสิ้นเดือน พ.ย.ถึงต้นเดือน ธ.ค.นี้ ที่จะมีการเรียกพรรคการเมืองมาหารือถึงแนวทางการปลดล็อกพรรคการเมือง

“สุเทพ” ย้ำคนป่วนกลุ่มอำนาจเก่า

ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส.และผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายรณรงค์หาสมาชิกพรรค และ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรค รปช. พร้อมคณะ ยังคงออกเดินหาสมาชิก คารวะแผ่นดินเป็นวันที่ 6 โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น. เดินจากลาน Central world (อิเซตัน) ขึ้น sky walk มุ่งหน้าสู่ห้างแพลทินัม พบปะแม่ค้าประชาชนในพื้นที่ประตูน้ำ ซึ่งนายสุเทพกล่าวถึงกรณีถูกคนต่อต้าน ปั่นป่วนหลายครั้งว่า คนไทยรู้เท่าทัน มีแต่การต่อต้านของบริวารกลุ่มผู้มีอำนาจเก่า ตนไม่ดำเนินคดี ไม่ปรับแผนความปลอดภัย อยากทำก็ทำไป ตอนพวกตนชุมนุมรู้ดีคนพวกนี้อำมหิต เราจะใช้วิธี สงบสันติ มีคนพยายามสร้างความขัดแย้ง คนบางกลุ่มรักคนจ่ายเงินเลี้ยงดูมากกว่ารักประเทศ สื่อมวลชนมีอิสระเสนอข่าว มีเพียงบางคนแฝงตัวตามไปทุกที่ บรรยายผ่านโซเชียลทั้งไทย อังกฤษ สร้างความเสียหาย ทำเป็นกระบวนการ มั่นใจว่าไม่ใช่สื่อมวลชนที่แท้จริง เป็นกลุ่มอำนาจเก่า

เจออีกหนุ่มแว่นดำชูป้ายคนโกหก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเดินคารวะแผ่นดินตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นไปด้วยดี จนกระทั่งเวลา 13.30 น. ระหว่างที่คณะนายสุเทพเดินมาถึงห้างบิ๊กซี ราชดำริ ได้มีชายสวมเสื้อสีดำและสวมแว่นตาดำ ยืนชูป้ายข้อความ “LIAR LIAR” ซึ่งแปลว่า คนโกหก ต่อหน้านายสุเทพ ทำให้นายสุเทพชูนิ้วโป้งกลับไปให้ พร้อมถามว่า “เขาจ้างคุณมาเท่าไหร่” ชายสวมแว่นดำจึงบอกว่า “ป่าวครับ ผมเป็นประชาชนคนไทย อย่าหลอกลวงประชาชน อย่าเป็นไม้คำยันเผด็จการ” เสร็จแล้วจึงเดินจากไปโดยไม่มีเหตุการณ์วุ่นวาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชายคนดังกล่าวคือ นายเอก อัตถากร หรือ “เอก respect my vote” ที่เคยชูป้าย “respect my vote” ใส่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และเคยตะโกนเรียกร้องให้ประชาธิปัตย์ปฏิรูปตัวเองก่อนปฏิรูปประเทศ ระหว่างการประชุมใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อเดือน มี.ค.57 มาแล้ว

พท.ฉะ “สุเทพ” ให้ย้อนดูเงาตัวเอง

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส.และผู้ร่วมจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ออกเดินหาสมาชิกพรรคแล้วมีคนต่อต้าน แต่ระบุว่าเป็นฝีมือของกลุ่มอำนาจเก่าว่า นายสุเทพจะพูดแก้เกี้ยวที่เสียหน้าอย่างไรก็ได้ การออกมาเดินถนนอีกครั้งของนายสุเทพ ประชาชนมีภาพจำที่เลวร้ายกับการเป็นแกนนำม็อบชัตดาวน์ประเทศ ก่อจลาจลขัดขวางการเลือกตั้ง นายสุเทพเคยประกาศจะไม่เล่นการเมือง ก็เล่น บอกจะไม่ตั้งพรรคการเมือง ก็มาตั้ง อ้างว่าตระบัดสัตย์เพื่อชาติ ไม่รู้ว่าในอนาคตจะตระบัดสัตย์เพื่อใครหรือเพื่ออะไรอีกหรือไม่ คำว่ากลุ่มอำนาจเก่าของนายสุเทพไม่รู้ว่าหมายถึงกลุ่มใด แต่กลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากการชัตดาวน์ประเทศ เป็นกลุ่มที่ถืออำนาจรัฐอยู่ในปัจจุบันหรือไม่ สังเกตจากการมีแกนนำ กปปส.ได้รับการตบรางวัลเข้าไปรับตำแหน่งในรัฐบาลมากมาย ดังนั้นการมีคนไปต่อต้านก่อกวน มีห้างไม่ยอมให้เข้า แทนที่นายสุเทพจะโทษคนอื่น ต้องสำรวจพฤติกรรมของตัวเองด้วยว่าไปทำอะไรไว้ สิ่งที่นายสุเทพได้รับผลกรรมในวันนี้ อาจเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความเสียหายที่เกิดในวงกว้างจากการชัตดาวน์ประเทศ

เย้ยหยามมีหัวไว้ให้แค่ผมขึ้น

นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีนายสุเทพระบุว่ากลุ่มอำนาจเก่าก่อกวนการเดินหาสมาชิกพรรคนั้น เป็นนิสัยอันถาวรของนายสุเทพ แก้ไขไม่ได้ อำนาจเก่าคือใคร คือจอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายชวน หลีกภัย หรือหมายถึงพรรคเพื่อไทย อย่าตีกินแบบโบราณอย่างนี้ เมื่อไม่ได้อะไรดังใจก็ฟาดงวงฟาดงาไปเรื่อย อยากเดินหาสมาชิกก็ทำไป คนด่านายสุเทพ ไม่ให้เข้าห้าง มันเกี่ยวกับอำนาจเก่าตรงไหน ทำไมไม่ดูตัวเองบ้าง ที่ประชาชนบอกว่าโกหกนั้นจริงหรือไม่ ทำให้คนทำมาหากินเดือดร้อนจริงหรือไม่ จะมาโอดครวญให้ใครเห็นใจทำไม กลัวทำไม ทีสมคบคิดกันมายึดอำนาจบ้านเมืองนี้ไม่เห็นกลัวอะไรเลย นายสุเทพอายุมากแล้ว ให้นึกถึงคำกล่าวที่ว่า มีตั้งอยู่และดับไป เคยบวชมาแล้วต้องคิดเป็นด้วย ศีรษะไม่ได้มีให้เส้นผมขึ้นเท่านั้น อย่าว่าสอนเลย การถ่ายภาพแล้วถือโอกาสกอดผู้หญิงสาวนั้น คนมีสมองไม่ทำกัน

ชาวโคราชเชียร์ “นายกฯสุดารัตน์”

อีกด้านหนึ่งวันเดียวกัน เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ จ.นครราชสีมา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายภูมิภัทร ลีลาปัญญาเลิศ บุตรชายนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ประธานภาคอีสาน นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีต รมช.มหาดไทย นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรค ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. และอดีต ส.ส.นครราชสีมา ทั้ง 14 เขต อาทิ นายสุชาติ ภิญโญ นายจรูญพงศ์ พันธุ์ศรีนคร นายประเสริฐ จันทรรวงทอง นายศรสิทธิ์ เลิศด้วยลาภ นายโกศล ปัทมะ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ที่จะผันตัวเองมาลงสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่เป็นครั้งแรก เดินทางมาสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรือคุณย่าโม ภายในเขตเทศบาลนครราชสีมา โดยจุดธูป 16 ดอก เทียนเอก 9 เล่ม ท่ามกลางชาวโคราชให้การต้อนรับนับร้อยคน โดยมีกลุ่มพ่อค้าแม่ค้านำพระชัยซึ่งเป็นพระประจำจังหวัดมามอบให้คุณหญิงสุดารัตน์ โดยชาวบ้านต่างตะโกนว่า “นายกฯหญิงสุดารัตน์ๆๆๆ”

แห่มอบกุหลาบ–จนท.ประกบติด

จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์ และคณะ เดินทักทายประชาชนที่ตลาดแม่กิมเฮง โดยได้จับจ่ายซื้ออาหารและผักผลไม้ เช่น ผักหวาน โดยคุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่าจะซื้อไปแกงทำบุญให้แม่ เนื่องจากวันนี้เป็นวันครบรอบ 10 ปีที่คุณแม่เสียชีวิต ซึ่งคุณแม่ชอบแกงผักหวานมาก และที่มาลงพื้นที่โคราชเป็นที่แรก เพราะเป็นชาวโคราช พร้อมได้นั่งรับประทานขนมจีนจากประโดก ชื่อร้านโชคดีของยายเป้า (ยายเป้ากระเด้าหม้อ) และยังได้พูดกระเซ้าเย้าแหย่ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.โคราชว่า ในตลาดแม่กิมเฮงมีขนมจีน 4 ร้านให้รับประทานครบ 4 ร้าน เราจะได้ ส.ส.ทั้ง 14 เขต หรือมี 16 เขตก็จะได้ทั้ง 16 เขต พร้อมกับหัวเราะ ก่อนเชิญชวนประชาชนที่มารอทักทาย มอบกุหลาบแดง มาร่วมรับประทานขนมจีนกันอย่างเอร็ดอร่อย ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และนายทหารนอกเครื่องแบบร่วมสังเกตการณ์ และติดตามตลอดเส้นทาง

แนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อีสาน

จากนั้นเวลา 13.40 น. คุณหญิงสุดารัตน์เดินทางมาที่โรงแรมลีโอซอ ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย พบปะกับประชาชน ได้กล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า ขอสืบสานปณิธานของพ่อ ที่เป็นอดีต ส.ส.นครราชสีมา ทุ่มเททำงานมาโดยตลอด โคราชคือประตูสู่อีสาน อะไรที่เป็นอุปสรรคที่จะขัดขวางความเจริญเราจะต้องแก้ไข จะทำให้โคราชมีการขนส่งที่ดี เป็นศูนย์กลางท่าเรือทางบกของประตูอีสาน จะต้องเชื่อมทุกเส้นทางไปยังแหลมฉบัง และจะต้องทำให้โคราชเป็นศูนย์กลางทางการศึกษา จะทำให้อีสานเป็นฐานการผลิตสินค้าเกษตรคุณภาพ และเป็นฐานการผลิตอาหารที่จะส่งไปทั่วโลก จะทำให้ประชาชนมีความสุข และมีเงินในกระเป๋ามากขึ้น นโยบายที่ผ่านมาเราทำไว้ดี ซึ่งเรารู้ว่าจะทำอย่างไรให้สิ่งดีๆเหล่านั้นกลับคืนมา ทำให้ความสุขของคนไทยกลับคืนมาให้ได้ จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์ ได้แนะนำอดีต ส.ส.นครราชสีมา และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา รวมทั้งอดีต ส.ส.อีสาน หลายจังหวัดที่เดินทางมาร่วมให้กำลังใจ

อ้อนเป็นลูกหลานย่าโมตัวจริง

คุณหญิงสุดารัตน์ให้สัมภาษณ์ว่า เหตุเลือกมาเปิดตัวที่จังหวัดนครราชสีมาเป็นจังหวัดแรกเพราะ 1.เป็นลูกหลานคนโคราช เลือดเนื้อเชื้อไขโคราช เป็นหลานย่าโมโดยแท้ 2.วันนี้ครบ 10 ปีที่คุณแม่จากไป และเดือนหน้าครบ 4 ปีที่คุณพ่อจากไป จึงถือโอกาสมาทำบุญที่วัดแจ้งนอก และถือโอกาสมารับสมัครสมาชิกในพื้นที่ การมาครั้งนี้เพียงเพื่อเชิญชวนชาวบ้านให้มาสมัครสมาชิกพรรค ไม่ได้ทำอะไรที่ขัดคำสั่ง คสช. อยากให้ประชาชนมาร่วมกันคิด และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งเท่าที่พูดคุยชาวบ้านหลายคนมากอด มาร้องไห้ ถือป็นความทุกข์ยากลำบากของประชาชนด้านเศรษฐกิจ วันนี้ประเทศไทยต้องหมดยุครวยกระจุกจนกระจาย ต้องรวยกระจายจนกระจุก และต้องหมดยุคภาษีอาน แต่ต้องเก็บภาษีอย่างเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม การจัดสรรตัวผู้สมัครลงรับสมัครทั้ง 14 เขตนั้น ยังไม่ลงตัวในบางเขต เนื่องจากมีคนแสดงความจำนงลงสมัครเกินจำนวน

ยักไหล่ไม่แคร์ปลดล็อกเมื่อไหร่ก็ได้

เมื่อถามถึงกรณีที่อดีต ส.ส.นครราชสีมา ย้ายไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ จะมาดึงคะแนนของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า ประชาชนมีความคิดเป็นของตัวเอง รู้ว่าจะเลือกใครที่จะทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้น ส่วนตัวบุคคลที่ย้ายไปก็ไม่ใช่ปัญหา เราเคยโดนสึนามิเมื่อปี 2549 มาแล้ว ตอนนั้นออกไปครึ่งหนึ่ง ยังอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ยืนยันว่าวันนี้เราพร้อมสู้ เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ประกาศจะปลดล็อกประมาณเดือน พ.ย.-ธ.ค. คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า ไม่เรียกร้องอะไร ขอให้ทันกฎหมาย จะปลดล็อกหรือไม่เราก็พร้อม คสช.อยากดำเนินการอย่างไรก็ตามแต่จะเห็นสมควร เราจะไม่เรียกร้องเงื่อนไขใดๆ จะทำอะไรก็ตามสบาย ปลดล็อกเมื่อไหร่เราก็พร้อม

ทำเลยไม่ต้องเชิญคุยให้มากพิธี

นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการที่จะมีการเชิญพรรคการเมืองไปหารือก่อนปลดล็อกว่า ตนมองไม่เห็นเหตุผลและนึกไม่ออกว่าจะหารือพรรคการเมืองเรื่องอะไร เพราะ คสช.และรัฐบาลควรทราบความ ต้องการของพรรคการเมืองที่เรียกร้องตลอดมาเพื่อให้ คสช.ปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมและไปพบปะประชาชนเพื่อรับฟังความเห็นและจัดทำนโยบาย รวมทั้งให้สามารถสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียได้ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการปลดล็อก และยังห้ามหาเสียงทางสื่อสังคมออนไลน์ แม้จะใกล้เวลาเลือกตั้งแล้วก็ตาม ดังนั้น เมื่อ คสช. ทราบความต้องการของพรรค การเมืองส่วนใหญ่แล้ว จึงไม่เห็นความจำเป็นของการเชิญพรรคการเมืองไปให้ความเห็นอะไรอีก เพราะพรรคการเมืองมีงานที่ต้องทำอีกมากมายเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้ง ส่วนถ้ามีการเชิญมาจริงพรรคเพื่อไทยจะไปหรือไม่ ตนคงพูดแทนพรรคไม่ได้ แต่คิดว่าจุดยืนเดิมที่พรรคเคยกล่าวไว้ว่าถ้า กกต.เป็นผู้เชิญพรรคจึงจะส่งตัวแทนเข้าร่วม น่าจะยังคงเป็นท่าทีของพรรคอยู่ในขณะนี้ การแก้ปัญหาที่ตรงจุดและที่ควรทำในขณะนี้คือการปลดล็อกทางการเมือง เพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม

ตั้ง “อ๋อย” ชงนโยบาย–“ชูศักดิ์” ดู ก.ม.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า หลังมีการคัดเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค รวมถึงแต่งตั้ง พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครพรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งแล้ว ทางพรรคยังวางโครงสร้างพรรคให้มีคณะกรรมการด้านอื่นๆ เพื่อเข้ามาบริหารจัดการพรรคเพื่อไทย อาทิ คณะกรรมการนโยบาย มีนายจาตุรนต์ ฉายแสง เป็นประธาน คณะกรรมการด้านกฎหมาย มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล เป็นประธาน และคณะกรรมการจัดกิจกรรมทาง การเมือง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้วางตัวประธาน

ค้านเฉือนเนื้อ กทม.ตะวันออก

ที่สำนักงาน กกต. นายวิชาญ มีนชัยนันท์ นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย และ ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือถึงประธาน กกต.สอบถามถึงรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.ในพื้นที่ กทม. นายวิชาญกล่าวว่า ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยได้พิจารณารูปแบบการแบ่งเขตทั้ง 3 รูปแบบ ตามที่สำนักงาน กกต.กทม.ประกาศทางเว็บไซต์ แต่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่รูปแบบการแบ่งเขตพื้นที่ กทม.รูปแบบใหม่ ส่งมาทางแอปพลิเคชันไลน์กลุ่มของพรรค รูปแบบดังกล่าวไม่ได้อยู่ในกระบวนการ จัดทำของ กกต.หรือเว็บไซต์ของ กกต. ไม่ทราบที่มาหรือว่าจัดทำมาจากที่ใด ถ้าการแบ่งเขตเลือกตั้งมาจาก กกต.ก็ขอคัดค้าน มองว่าขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย และระเบียบของ กกต. ไม่ได้ผ่านการรับฟังจากประชาชน และเห็นได้ชัดว่าพื้นที่ กกต.ฝั่งธนบุรีแทบไม่เปลี่ยนไปจาก 3 รูปแบบของ กกต. ขณะที่ฝั่งตะวันออกของ กทม.ซึ่งเป็นพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย กลับเปลี่ยนแปลง จึงขอให้ กกต.ตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร็ว

นปช.รำลึก 12 ปี “ลุงนวมทอง”

เวลา 10.00 น. ที่สดมภ์อนุสรณ์ นวมทอง ไพรวัลย์ หน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นางธิดา ถาวรเศรษฐ นพ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง รวมถึงครอบครัวนายนวมทอง ไพรวัลย์ พร้อมมวลชนประมาณ 50 คน เดินทางมาวางดอกไม้แสดงความรำลึกวันครบรอบ 12 ปี การเสียชีวิตของนายนวมทอง ที่ผูกคอตนเองเสียชีวิตใต้สะพานลอยหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เพื่อประท้วงรัฐประหารในประเทศไทย เมื่อปี 2549 ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาดูแลความสงบเรียบร้อย

“เต้น” หวังเห็น ลต.แก้ขัดแย้ง

นายณัฐวุฒิกล่าวภายหลังวางดอกไม้ว่า ถ้าจะร้องขอต่อสังคมไทยได้ อยากจะบอกว่าการเสียสละของนายนวมทองไม่ควรสูญเปล่า ความกล้าหาญนี้ควรถูกสลักในหัวใจของคนไทย ในสถานการณ์ที่ผู้มีอำนาจกำลังรักษาอำนาจสืบทอดบทบาทคณะรัฐประหาร ต่อไปหลังการเลือกตั้ง ในวันเวลาที่ฝ่ายความมั่นคง ไม่ยืนยันว่าจะไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้น หน้าที่ของพวกเราต้องเดินหน้าต่อไป เราไม่ประสงค์จะเผชิญหน้าหรือท้าทายผู้มีอำนาจ หวังว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง จะเป็นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในการพาบ้านเมืองไปข้างหน้าแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี ไม่มีความรุนแรง ไม่มีความสูญเสียอีกต่อไป พร้อมร่วมมือเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ให้การตัดสินใจของคนส่วนใหญ่ สร้างทางออกประเทศไทย

“นคร” นัดพบ จนท.กงสุลสหรัฐฯ

ที่โรงแรมภัทธารา รีสอร์ท ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้นัดพบเจ้าหน้าที่กงสุลฝ่ายการเมืองและเศรษฐกิจ สหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เพื่อพบปะและยื่นหนังสือต่อผู้แทนสหรัฐอเมริกา จำนวน 7 หน้า ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยมี Vi L.Jacops-Nhan Consul, Varunee Torsricharoen, และ Sittha Lertphaiboonsiri เป็นตัวแทนมาพบกับนายนคร จากนั้นนายนครเปิดเผยว่า การแลกเปลี่ยนข้อมูลกับกงสุลสหรัฐฯเกี่ยวกับการเลือกตั้งของไทย ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ได้แจ้งไปว่า คสช.ยึดอำนาจมา 5 ปี วางเครือข่ายจะสืบทอดอำนาจ ควบคุมไม่ให้ฝ่ายประชาธิปไตย กังวลใจว่าการเลือกตั้งจะไม่อิสระเที่ยงธรรม อยากให้สหรัฐฯรับไปพิจารณาว่าจะส่งองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน หรือองค์กรใดๆ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งให้มาช่วยดูแล

ขอให้ร่วมสังเกตการณ์เลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประเด็นที่นายนครระบุไว้จำนวน 7 หน้ากระดาษ สาระสำคัญมีอยู่ 5 ประเด็น อาทิ ขอให้กดดันให้รัฐบาลเผด็จการทหาร เร่งรัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด ตามกรอบที่ประกาศไว้แล้วคือวันที่ 24 ก.พ.2562 ขอให้ส่งตัวแทนเข้าร่วมสังเกตการณ์ ตรวจสอบการเลือกตั้ง และการนับผลการเลือกตั้ง ให้เป็นไปโดยเสรีและเป็นธรรม ขอให้งดการให้ความร่วมมือและการเจรจาใดๆ กับรัฐบาลที่มาโดยเผด็จการทหาร รอจนกว่าจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รวมถึงขอให้กดดันให้ปล่อยนักโทษทางการเมืองทั้งหมด โดยรัฐต้องหยุดล่าคนไทยที่เห็นต่างทางการเมือง ทั้งที่อยู่ในประเทศและต่างประเทศ

“มาร์ค” อ้อนคนอุบลฯขอคัมแบ็ก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการเดินสายขอคะแนนของผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ช่วงโค้งสุดท้าย ที่จะสิ้นสุดภายในเวลา 18.00 น. ของวันที่ 31 ต.ค. ก่อนที่จะให้สมาชิกเริ่มหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค ผ่านแอปพลิเคชัน D-elect ได้ในวันที่ 1-3 พ.ย. และลงคะแนนผ่าน หน่วยเลือกตั้งทั่วประเทศ 2 วัน คือ วันที่ 1 พ.ย.ในพื้นที่ กทม. ภาคเหนือ ภาคกลาง และวันที่ 5 พ.ย.ในส่วนภาคอีสาน ภาคใต้ จะทราบผลหลังปิดการลงคะแนนไม่เกิน 1 ชั่วโมง ก่อนนำผลการหยั่งเสียงเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่พิจารณาเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคอย่างเป็นทางการในวันที่ 11 พ.ย.ต่อไปนั้น ยังเข้มข้น ช่วงเช้าวันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 1 พร้อมคณะผู้สนับสนุน ไปที่วัดบ้านนาควาย ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของจังหวัด เพื่อสักการะพระประธานและกราบขอพรจากพระครูโสภณขันตยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัด ที่ให้พรแก่นายอภิสิทธิ์ว่า ขอให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง จากนั้นนายอภิสิทธิ์ไหว้พระเก่าแก่ในโบสถ์ (สิม) ไหว้พระสีวลี ขอพรให้มีโชค มีชัยชนะ

สามมิตรปัด “ปรีชา” ชิ่งซบ ชทพ.

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร กล่าวถึงกระแสข่าวนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีตรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอดีตส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย จะย้ายไปร่วมงานกับพรรคชาติไทยพัฒนาว่า ไม่เป็นความจริง คงมีใครปล่อยข่าว ผู้หลักผู้ใหญ่ในกลุ่มสามมิตรทราบดี กระแสความนิยมของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จากข้อมูลเบื้องต้นเท่าที่ทราบนโยบายของพรรคพลังประชารัฐตอบโจทย์ความต้องการของพี่น้องประชาชนได้ โดยมีนโยบายของกลุ่มสามมิตรเข้าไปเสริมอีก ส่วนกรณีที่ คสช.จะปลดล็อกการเมืองในช่วงเดือน พ.ย. และต้นเดือน ธ.ค.นั้น เชื่อว่าจะทำให้บรรยากาศการเลือกตั้งเข้มข้นขึ้นอย่าง แน่นอน ส่วนเรื่องหาเสียงไม่อยากให้มีการใช้วาทกรรม สาดโคลนโจมตีกันแบบเดิมๆ สู้กันด้วยนโยบายจะดีกว่า

เจ้าตัวคุยมีตามเข้า พปชร.อีกอื้อ

ขณะที่นายปรีชากล่าวว่า กระแสข่าวย้ายไปอยู่พรรคชาติไทยพัฒนาไม่เป็นความจริง ตนยังอยู่กับกลุ่มสามมิตรเพื่อเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีรัฐมนตรีและอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยมาร่วมอีกหลายคน เพราะมั่นใจนโยบายของรัฐบาล และจะมีนโยบายดีๆให้กับประชาชนอีกมาก

ชพน.นัดเลือก กก.บห.18 พ.ย.

ที่พรรคชาติพัฒนา นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนาได้จัดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบให้กำหนดวันประชุมใหญ่วิสามัญพรรคชาติพัฒนา เพื่อดำเนินการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ในวันที่ 18 พ.ย. เวลา 10.00-15.30 น. ณ โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท ถนนเพชรบุรี กทม. โดยตามข้อบังคับพรรคกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะมีไม่น้อยกว่า 9 คน แต่ไม่เกิน 30 คน

ภท.ผู้สมัครคืบ 80%–ปัดแทงกั๊ก

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคภูมิใจไทยว่า บรรยากาศค่อนข้างคึกคัก บรรดาแกนนำมาต้อนรับสมาชิกใหม่ตั้งแต่ช่วงเช้า อาทิ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ อดีตว่าที่ผู้สมัครพรรคชาติไทยพัฒนา ที่เดินทางมายื่นใบสมัครสมาชิก รวมถึง น.ส.เพรชาพร ภูมิรัตนประพิณ นายกเทศมนตรีตำบลคอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ ที่จะมาลงสมัครที่เขต 6 จ.ชัยภูมิ โดยนาย สรอรรถ กลิ่นประทุม แกนนำพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าในส่วนของผู้สมัคร ส.ส.ว่า คืบหน้าไปร้อยละ 80 เรียบร้อยแล้วกว่า 250 เขต ถามว่าจะมี “บิ๊กเซอร์ไพรส์” มาเข้าพรรคอีกหรือไม่นั้น ไม่ซีเรียส ถ้าเป็นคนดังแต่มาสร้างปัญหาพรรคไม่เอา ส่วนที่มองว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคแบบกั๊กๆ ไม่เลือกฝั่งใด ระหว่างทหารหรือการเมืองเก่า ไม่เป็นความจริง ยึดหลักการเมืองแบบภูมิใจไทย ต้องการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน

“บิ๊กตู่” หนุนนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่จำนวน 500 คน ร่วมจัดกิจกรรม “นักวิทย์รุ่นใหม่ นำไทยไปด้วยกัน” พร้อมยื่นสมุดปกขาวการวิจัยขั้นแนวหน้าต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยนายกฯกล่าวให้กำลังใจกลุ่มนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ว่า วิทยาศาสตร์จะเป็นเครื่องมือช่วยให้รายได้ประชาชนในประเทศสูงขึ้น ด้วยการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีไปเพิ่มมูลค่าสินค้า หากประเทศไม่พึ่งพาวิทยาศาสตร์ในการขับเคลื่อนรายได้ของประชาชนก็จะน้อยลง เป้าหมายคือเราต้องเอาวิทยาศาสตร์มาช่วยคนที่อยู่ในยุค 1.0 ที่ใช้แรงงานอยู่ 2.0 เป็นเครื่องจักรขนาดเล็ก 3.0 เป็นเครื่องจักรขนาดกลาง และพัฒนายุค 4.0 ไม่ใช่ทุกคนจะไปวุ่นวายแต่เรื่องการเมืองเรื่องต่างๆ ที่วุ่นวายในขณะนี้ ความสงบเรียบร้อยจะทำให้ความคิดไม่ไขว้เขว ไม่ถูกบิดเบือน เกิดสมาธิในการคิด แต่ถ้าเกิดความวุ่นวายก็จะไม่มีสมาธิในการคิดพัฒนาเรื่องต่างๆ ดังนั้น เราต้องคำนึงอยู่เสมอว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอดีต ต้องไม่เกิดขึ้นอีกในปัจจุบันและอนาคต

สังคมวุ่นวายต้องใช้ ก.ม. จัดการ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วิทยาศาสตร์คือความหวัง คืออนาคต ทำให้คนเกิดความสงสัย เกิดการเรียนรู้ นี่คือมนุษยชาติที่มีความต้องการ มีแรงบันดาลใจ มีอารมณ์ ตนแม้เป็นนายกฯแต่ก็มีอารมณ์เหมือนกัน แต่ก็พยายามระมัดระวังอย่างที่สุดในเวทีสาธารณะ ส่วนความเท่าเทียมในสังคมนั้น สิ่งเดียวที่จะทำให้เกิดขึ้นได้คือกฎหมาย ถ้าทุกคนเคารพกฎหมายก็จะไม่เกิดปัญหา แต่ถ้าทุกคนตั้งใจทำความผิดต่อต้านกันทุกวัน กฎหมายก็ไม่มีประโยชน์ กฎหมายเดิมก็มีอยู่มาก แต่เพราะว่าไร้ระเบียบก็ต้องมีกฎหมายเพิ่ม อย่างไรก็ตาม กฎหมายใหม่ต้องไม่สร้างภาระให้ประชาชน อย่าคิดว่ารัฐบาลจะออกกฎหมายเพื่อควบคุมประชาชน จำกัดสิทธิเสรีภาพ วันนี้เอาแค่การทำพรรคการเมืองจะเขียนได้ดีหรือไม่ตราบใดที่ประชาชนในพื้นที่ไม่ยินยอม และก็คงบังคับไม่ได้เพราะเป็นประเทศประชาธิปไตย แล้วจะเกิดได้หรือไม่ผังเมืองดีๆ สิ่งต่างๆเหล่านี้คือยีน ยีนของคนไทยดีอยู่แล้ว แต่ทำอย่างไรยีนแห่งความร่วมมือจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ตนสวมหัวโขน บางเวลาก็สวมพระลักษมณ์ พระราม บางเวลาก็ทศกัณฐ์ บางครั้งก็มีบทผู้ร้ายบ้าง ซึ่งเป็นธรรมดา เพราะทำหลายหน้าที่ แต่จริงๆ แล้วตนเป็นคนใจดี จิตใจดี ไม่ใช่ผู้ร้าย

โอดโดนจ้องหาเรื่องแต่ทำให้ฮึดสู้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า บางทีไปต่างประเทศต้องใส่เฝือกมือ เพราะต้องจับมือทั้งวัน แล้วมีคนออกมาโจมตีว่าคนไม่รักตน ไม่ต้อนรับตน ไม่เข้าใจจริงๆ วันนั้นที่มีรูปออกไปในสื่อโซเชียลรถนำตำรวจ 6-7 คัน เขาให้จอดข้างประตูโรงแรมแต่กลับไปจอดที่ประตูหน้าตนก็ต้องเดินอ้อมไปขึ้น แต่กลับมาบอกกันว่าประเทศเขาไม่ต้อนรับ มาหาว่าตนกำลังไปหาโรงแรมไปหาที่นอนอยู่ ก็ช่างเขียนช่างคิดกันจริงๆ ตอนจับมือกับนายกฯฟินแลนด์ ก็มาหาว่ารัฐบาลไปจ้างคนที่มีรูปร่างคล้ายกับนายกฯฟินแลนด์ ก็ยังมีคนไปเชื่ออีก แบบนี้ยิ่งทำให้ตนสู้หนักกว่าเดิม ไม่มีวันท้อแท้ ทำเพื่อชาติประชาชน ไม่มีวันท้อแท้จำคำพูดตนไว้

ปัดตอบ “สุเทพ” เดินคารวะแผ่นดิน

ผู้สื่อข่าวถามถึงการเดินคารวะแผ่นดินของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) จะนำไปสู่ความขัดแย้งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว เมื่อสอบถามถึงอาการเจ็บมือของนายกฯ และสภาพอากาศ พล.อ.ประยุทธ์ตอบสั้นๆว่า หนาวและเจ็บมือเล็กน้อย ก่อนจะเดินขึ้นห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้าไป

ไทยกำลังเดินไปสู่ ปชต.เร็วๆนี้

ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม นำคณะเยาวชนที่ชนะการประกวดด้านศิลปวัฒนธรรมในต่างประเทศ อาทิ คณะนักร้องประสานเสียงสวนพลู หุ่นละครเล็ก นาฏยบางกอก โรงเรียนสุรนารีวิทยา เข้าพบนายกฯ โดยคณะนักร้องประสานเสียงสวนพลู ขับร้องเสียงประสานเพลง “อโยธยาคู่ฟ้า” จากนั้นนายกฯกล่าวว่า รู้สึกภาคภูมิใจที่ทุกคนแสดงออกให้คนภายนอกได้เห็นความเข้มแข็ง ความเก่งกล้าสามารถในทางที่ถูกที่สร้างสรรค์ และตนจะสนับสนุนต่อไป ต่างประเทศชื่นชมยกย่องเรา เราก็ต้องชื่นชมคนของเราเองด้วย ทั้งนี้ ไม่มีอะไรที่จะได้มาง่ายๆ และไม่มีอะไรที่ยากเกินกว่าที่คนไทยจะทำได้ คนไทยจะเห็นว่ามีทั้งดีและไม่ดี ถ้าไม่ดีอาจไม่เข้าใจ หรืออาจทำเพื่อหวังผลอื่นก็ปล่อยเขาไป ส่วนคนดีต้องทำให้กลับคืนมาสู่สังคมที่ดี เรากำลังเดินหน้าไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยในเร็วๆนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งเดิมๆจะไม่เกิดขึ้นอีก วันนี้ตนอยากจะฟังคนออกมาพูดนู่นพูดนี่ได้พูดในสิ่งเหล่านี้ และอยากฟังว่าเขาจะทำยังไงต่อไป

แนะ ขรก. ท้องถิ่นอ่าน “ชนะสิบทิศ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็น พล.อ.ประยุทธ์ได้โพสต์ภาพโต๊ะทำงานที่มีหนังสือที่ชื่อว่า “ชนะสิบทิศ การบริหารท้องถิ่นสู่ความเป็นเลิศ” วางอยู่ ผ่านทางเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” พร้อมโพสต์ข้อความว่า “อยากให้ข้าราชการ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น กทม. อ่านหนังสือเล่มนี้ ช่วยกันครับ” ซึ่งหนังสือดังกล่าวเขียนโดย น.ส.อรพินท์ สพโชคชัย สถาบันพระปกเกล้า

เปิดไทม์ไลน์ “บิ๊กตู่” ไป ตปท. พ.ย.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ออกมาระบุการหารือกับพรรคการเมืองเรื่องการปลดล็อก โดยที่การพูดคุยครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นประธานด้วยตัวเอง คาดว่าไม่เกินเดือน พ.ย.-ธ.ค. ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า คสช.จะหารือพรรคการเมือง ต้องรอจังหวะเดือน พ.ย. ช่วงที่นายกฯอยู่ที่ประเทศนั้น ช่วงเดือน พ.ย. พล.อ.ประยุทธ์มีกำหนดเดินทางไปร่วมประชุมเวทีต่างประเทศสำคัญๆ 3 งานด้วยกันคือ 1.การเข้าร่วมกิจกรรมในงานวันรำลึกการยุติสงครามโลกครั้งที่ 1 และพิธีเปิดการประชุม Paris Peace Forum ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 11-12 พ.ย. 2.การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 33 ณ ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 13-15 พ.ย และ 3.การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 26 ณ กรุงพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี ระหว่างวันที่ 16-18 พ.ย.

ศาล รธน.ชี้ “ดอน” ไม่ขาดจาก รมต.

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค 1 (5) ประกอบมาตรา 187 หรือไม่ จากกรณีภรรยาถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากว่า ข้อเท็จจริงในคดีพิจารณาชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานแล้วฟังได้ว่า คู่สมรสของนายดอนได้โอนหุ้นให้แก่บุคคลอื่นโดยชอบด้วยกฎหมาย และคงเหลือหุ้นในแต่ละบริษัทไม่เกินร้อยละ 5 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้ ตามที่ พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี 2543 มาตรา 4 กำหนด ภายในระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ 6 เม.ย.2560 จึงเป็นกรณีที่คู่สมรสของนายดอนดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 187 ถูกต้องแล้ว ความเป็นรัฐมนตรีของนายดอนจึงไม่สิ้นสุดลง

เจ้าตัวโล่งลุยจัด ปธ.อาเซียน

นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า โล่งใจและขอขอบคุณคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยอมรับว่าก่อนหน้านี้กังวลและทำงานได้ไม่เต็มที่ จากนี้จะเดินหน้าการรับหน้าที่ของประเทศ ไทย ในฐานะประธานอาเซียนวันที่ 15 พ.ย.นี้ ตนยืนยันว่าจะไม่ร่วมเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด แม้จะมีคนมาชักชวน แต่อาจเป็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับการต่างประเทศได้ จะอยู่ร่วมงานกับรัฐบาลนี้จนครบวาระหรือไม่นั้น ขอดูก่อน มีปัญหาด้านสุขภาพ ส่วนข่าวการปรับคณะรัฐ– มนตรีในเร็วๆนี้ ไม่ทราบ เป็นการตัดสินใจของนายกฯ

“กาญจนาภา” เบี้ยวนัดคดีฟอกเงิน

วันเดียวกัน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวกรณี การนัดส่งตัวฟ้องคดีสมคบฟอกเงินเกี่ยวกับการโอน และรับโอนเงินที่ได้จากการอนุมัติสินเชื่อระหว่าง ธ.กรุงไทยฯ กับกลุ่มกฤษดามหานคร โดยมิชอบ ที่ดีเอสไอกล่าวหา นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีต ภริยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายวันชัย หงษ์เหิน สามี และนายมานพ ทิวารี ข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ว่า วันนี้ผู้ต้องหาทั้งสามไม่ได้เดินทางมาพบอัยการ นายมานพได้ส่งสำเนาตั๋วเครื่องบินไปประเทศเยอรมนี พร้อมหนังสือขอเลื่อนนัดมายืนยันว่าจะมาพบอัยการในวันที่ 29 พ.ย. อัยการพิจารณาแล้วก็อนุญาต กำชับ และเเจ้งในหนังสือว่าไม่อนุญาตให้ผู้ต้องหาเลื่อนนัดอีก ส่วนนางกาญจนาภา และนายวันชัย สามีนั้น ไม่มาโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องซึ่งทั้งสองก็ไม่ได้มาพบอัยการตามนัดเป็นครั้งที่ 2 อัยการจะแจ้งประสานไปยัง ดีเอสไอ ให้ติดตามเอาตัวมาเพื่อส่งตัวฟ้องโดยเร็ว

พระราชทานน้ำหลวง “แม่วิษณุ”

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ศาลา 9 วัดโสมนัสวิหาร ราชวรวิหาร สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้แทนพระองค์อัญเชิญน้ำหลวงอาบศพพระราชทานให้แก่นางถาวร เครืองาม มารดาของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่เสียชีวิตอย่างสงบในวัย 91 ปี โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.เป็นประธานในพิธี รวมทั้งยังมีนางนราพร จันทร์โอชา ภริยาของ พล.อ.ประยุทธ์และคณะรัฐมนตรีร่วมพิธี อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ และ รมว.ยุติธรรม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และบุคคลสำคัญจากแวดวงต่างๆ พร้อมกันนี้มีการส่งพวงหรีดแสดงความเสียใจจำนวนมาก จากนั้นเวลา 18.30 น. พล.อ.ประยุทธ์พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี สมาชิก สนช. นายพินิจ จารุสมบัติ และสภาวัฒนธรรมไทยจีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ได้ร่วมเป็นเจ้าภาพพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ท่ามกลางบรรยากาศเศร้าโศก โดยกำหนดสวดพระอภิธรรมจะมีจนถึงวันที่ 6 พ.ย.

“สมคิด” บอกใบ้นายกฯหน้าคล้ายเดิม

วันเดียวกัน ที่โรงแรม ดิ แอทธินี ถนนวิทยุ กรุงเทพฯ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานสัมมนา Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 18 ตอนหนึ่งว่า “ระฆังกำลังจะหมดยก จะมีการเลือกตั้งต้นปี นักลงทุนจำนวนมากถามผมว่า จะสะดุดไหม ที่วางแผนไว้จะหยุดหรือไม่ ผมบอกว่า อย่าห่วงเลย การเมืองเมืองไทยก็แบบนี้ ข้อที่ 1 สิ่งที่รัฐบาลทำไปใน 3-4 ปีมีแต่ให้คุณกับประเทศ ไม่มีให้โทษ อนาคตถ้าจะมีเปลี่ยนแปลงก็มีแต่ต้องทำให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี 2 โครงการสำคัญๆ ทีโออาร์ออกมาก่อนเลือกตั้งแน่นอน โดยกฎหมายต้องเดินไปอยู่แล้ว โปรเจกต์ใหญ่ต้องล็อกอิน อีอีซีต้องเกิด แสดงว่าเดินหน้า ไม่มีถอยหลัง ข้อที่ 3 เรามีคณะกรรมการปฏิรูป คณะกรรมการยุทธศาสตร์ ถ้าคุณออกนอกทางยุทธศาสตร์ คงยาก ต้องคุยกันยาว ข้อสุดท้าย สำคัญมาก ผมมีลางสังหรณ์ว่านายกฯคนต่อไปหน้าตาจะคล้ายๆคนเดิม แต่เราต้องการทำให้ดีกว่ารัฐบาลเดิม เมืองไทยไปได้ไกลกว่านี้ ฉะนั้นไม่ต้องกังวล”