แย่งพื้นที่ลงส.ส.เขต ทั้งที่วางตัวกันไว้แล้ว
3 รมต.พลังประชารัฐลุยตลาดน้ำคลองลัดมะยม ระดมสมองเครือข่ายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากชุมชน “สนธิรัตน์” ออกตัวไม่ได้สวมหัวโขน รมต.มา โต้มาตรฐานสูงกว่านักการเมืองเดิมๆ แยกแยะบทบาทออก “อุตตม” ขอโอกาสทำงาน อดีต ส.ส.แห่ย้ายซบไม่ได้ทำอะไรเกินเลย 3 อดีต ส.ก.ประชาธิปัตย์เปิดตัวแจม “กรณิศ” รับทิ้งบ้านเก่าเพราะชอบนโยบายทำได้จริง ปชป.ระส่ำลูกพรรคตีจากไม่หยุด อดีต ส.ส. สระบุรีส่อไหลออกอีกคน “ลูกกำนันเซี้ยะ” แจงจำเป็นต้องย้าย บิ๊กพปชร.ยื่นเงื่อนไขปักธงยึดเมืองกาญจน์ “มาร์ค” รับทราบเหตุถูกบีบ “สามารถ” จี้ กกต.สอบคนพลังประชารัฐฝืนคำสั่ง คสช.ชุมนุมแนะนำผู้สมัคร ส.ส.พะเยาเขต 1 “วรชัย” เย้ย “บิ๊กตู่” เปิดกี่เพจก็โดน ถล่ม “เจ๊หน่อย” ซัดรัฐแบ่งแยกคนไทยไม่เท่ากันด้วยบัตรคนจน “ไก่อู” สวนจ้องดิสเครดิต ปัดนายกฯ ผุดเพจฯโกยเสียง
รัฐมนตรีแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ใช้เวลาวันหยุดราชการ ชิมลางลงพื้นที่หาเสียงคนฝั่งธนบุรี ร่วมกิจกรรมระดมสมองเครือข่ายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากชุมชน ตลาดน้ำคลองลัดมะยม เขตตลิ่งชัน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ว่าที่เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ โต้ครหาเอาเปรียบคู่แข่งหาเสียงล่วงหน้า ยืนยันแยกแยะบทบาทหน้าที่ออก และกำลังสร้างมาตรฐานการเมืองสูงกว่านักการเมืองเดิมๆ
...
แกนนำ พปชร.ลุยตลาดน้ำคุย ปชช.
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 15 ต.ค. ที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ เครือข่ายขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากชุมชน ตลาดน้ำคลองลัดมะยม นำโดยนายชวน ชูจันทร์ ว่าที่กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรตลาดน้ำคลองลัดมะยม ได้จัดกิจกรรมระดมสมองเครือข่ายภาคประชาชนทั่วประเทศ มีนายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ว่าที่เลขาธิการพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ว่าที่โฆษกพรรค และนายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้ช่วย รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ว่าที่ ผอ.พรรค ร่วมกิจกรรม โดยมีตัวแทนเครือข่ายกลุ่มต่างๆ อาทิ เครือข่ายการจัดการน้ำชุมชน ตามแนวทางพระราชดำริ กทม. เครือข่ายเกษตรกรรุ่นใหม่ วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา กลุ่มนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ สมาคมชาวนาไทยและพันธุ์ข้าวเข้าร่วม
3 อดีต ส.ก.ประชาธิปัตย์โผล่แจม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเริ่มกิจกรรมนายอุตตมและนายกอบศักดิ์ได้เยี่ยมชมซุ้มกิจกรรมที่เครือข่ายจัดแสดง ทั้งคู่ได้ทดลองนวดแผนไทย และปรากฏว่าได้มี 3 อดีต ส.ก.พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมกิจกรรมด้วย ได้แก่ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันติ ส.ก.พระนคร นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ก.คลองเตย และนางกนกนุช กลิ่นสังข์ ส.ก.ดอนเมือง หลังมีกระแสข่าวถูกดึงตัวร่วมงานพรรคพลังประชารัฐ ส่วน นพ.พลเดช ปิ่นประทีป อดีต รมช.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)ในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกฯ และอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่มีข่าวจะเปิดตัวในกิจกรรมครั้งนี้ไม่ได้มาร่วมแต่ได้ส่งตัวแทนมา
รมต.ออกตัวไม่ได้สวมหัวโขนมา
ก่อนเริ่มกิจกรรมนายสนธิรัตน์กล่าวกับผู้เข้าร่วมว่า วันนี้พวกตนไม่ได้สวมหัวโขนรัฐมนตรีมา แต่มาในนามพรรคพลังประชารัฐ อยากมาฟังพี่น้องประชาชนจากตัวแทนกลุ่มต่างๆ อยากให้ทุกคนสบายใจจะได้พูดคุยกันอย่างใกล้ชิด ถือว่ามาฟังอะไรดีๆที่ประเทศไทยขาดไป จะได้เติมเต็มสิ่งนั้น มารับแนวทางที่ไม่เคยได้รับ การขับเคลื่อนเป็นนโยบาย หากได้ทำจะช่วยพี่น้องประชาชน ช่วยเปลี่ยนแปลงประเทศ ช่วยคนข้างล่างได้มีโอกาส นี่คือสิ่งที่ตั้งใจมา ในฐานะอาสาจะเป็นตัวแทนภาคประชาชน มาทำงานให้บ้านเมืองในนามของพลังประชารัฐ อนาคตจะได้มาช่วยพรรคทำงาน แลกเปลี่ยนกันต่อ
ชาวนาขอข้าวเกวียนละหมื่นห้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กิจกรรมครั้งนี้แบ่งตัวแทนเครือข่ายประชาสังคมเป็น 3 กลุ่มให้ 3 รัฐมนตรีแยกรับฟังความคิดเห็น ส่วนใหญ่ชื่นชมการทำงานและขอบคุณรัฐบาลที่ใช้แนวทางประชารัฐแก้ไขปัญหา พร้อมเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาการเกษตร การปลูกข้าว การบริหารจัดการน้ำ อาทิ นายภานุมาศ แก้วนอก ตัวแทนชาวนา จ.นครราชสีมา เรียกร้องนาย อุตตมแก้ปัญหาระบบน้ำปลูกข้าวภาคอีสาน โดยระบุว่า เชื่อสมัยหน้านายอุตตมจะได้เป็นนายกฯ และพรรคพลังประชารัฐจะได้ใจคนอีสานทั้ง 20 จังหวัด รวมถึงขอให้ปลดหนี้เกษตรกร ทำราคาข้าวอยู่ที่เกวียนละ 15,000 บาท และถ้าเป็นไปได้อยากให้ชาวนามีเงินเดือน 3,000 บาทต่อครอบครัว สนับสนุนให้มี พ.ร.บ.ข้าวและชาวนา และขอให้พลังประชารัฐคัดเลือกตัวแทนเกษตรกรลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคด้วย ขณะที่นายสนธิรัตน์ ถูกเรียกร้องขอให้ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชน และทำที่พักโฮมสเตย์ จัดทำแบรนด์ชุมชน โดยมีนายเชษฐวุฒิ วัชรคุณ หรือบ๊วย ดาราพิธีกรชื่อดัง มาร่วมด้วย
“อุตตม” อ้อนขอโอกาสทำงาน
นายอุตตมกล่าวว่า ยินดีที่ประชาชนตื่นตัว ตื่นรู้ และรู้แล้วว่าอยากให้ประเทศเป็นอย่างไร อยากได้คนแบบไหนมาบริหารประเทศ การพูดคุยวันนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีต่อการเมืองต่อไปในอนาคต แล้วแต่ความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนว่า จะให้โอกาสเราทำงานอย่างไร ทุกเรื่องเราจะรีบไปดำเนินการเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนจบงานนายชวนได้ร้องเพลง “อยากให้ความรัก” และอ่านบทกลอน “พลังใจ” ที่แต่งขึ้น โดยนายชวนกล่าวว่า ชุมชนไม่ต้องห่วง ถ้ายังมีพวกเราอยู่ ประเทศไม่ต้องห่วง ถ้ายังมีพวกเราอยู่
“สนธิรัตน์” โต้มาตรฐานสูงกว่าของเดิม
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ว่าที่เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงการวางตัวระหว่างบทบาทรัฐมนตรีกับฐานะผู้บริหารพรรค หลัง กกต.ระบุไม่ควรใช้สถานที่และเวลาราชการให้สัมภาษณ์การเมืองว่า เราเข้าใจบทบาทตัวเองอยู่แล้ว ยืนยันไม่ได้ใช้เวลาราชการหรือทรัพยากรของรัฐทำงานการเมือง เราระมัดระวังมากเรื่องการตอบคำถาม เพราะอยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎกติกา ขอให้สบายใจได้ว่าจะเข้มงวด ไม่คิดเอาเปรียบโดยใช้ตำแหน่งรัฐมนตรีไปสร้างผลประโยชน์ทางการเมือง เมื่อถามว่ามีเสียงวิจารณ์ว่าการลงพื้นที่ต่างๆเป็นการหาเสียงล่วงหน้า นายสนธิรัตน์ตอบว่า ไม่ได้หาเสียง กลุ่มต่างๆเขาประชุมกันอยู่แล้ว เมื่อเชิญมาก็ไป เราเข้ามาทำถือเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ ย่อมลำบากใจมากกว่านักการเมืองในอดีตแน่นอน อยากให้ดูพฤติกรรมเป็นตัวตั้งมากกว่า ที่ต้องการสร้างมาตรฐานให้สูงกว่ามาตรฐานของนักการเมืองเดิมๆ ยืนยันเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม พวกเราทั้ง 4 คนจะยุติบทบาทรัฐมนตรีแน่นอน เพียงขอเวลาสะสางงานที่ค้างคาอยู่ก่อน
ติดใจจ่อทัวร์ ตจว.–กทม.วันหยุดอีก
ต่อมาเวลา 12.00 น. ภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรม นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐให้สัมภาษณ์ว่า มาในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่จะมาทำงานให้ชาติ เพราะเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่ได้เห็นคนไทยทำอะไรดีๆเพื่อประเทศ เริ่มต้นจากชุมชนแล้วภาครัฐมาเติมเต็ม ลงพื้นที่ร่วมกิจกรรมที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยม เพราะเชิญพวกตนมาร่วม หลังอาสามาทำงาน ไม่ได้มาเสนอ นโยบาย แต่ต้องการมารับฟังปัญหาให้มาก ส่วนที่หลายคนยังสับสนว่าลงพื้นที่ในฐานะรัฐบาลหรือกลุ่มการเมือง ต้องยอมรับว่ายังทำงานในรัฐบาล แต่ไม่ปิดกั้นรับฟังความเห็นที่ประชาชนเสนอมา และจะลงพื้นที่อีกช่วงวันหยุดราชการทั้งต่างจังหวัดและ กทม.
ชี้อดีต ส.ส.ย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติ
เมื่อถามถึงข่าวการดึงตัวอดีต ส.ส.พรรคอื่นเข้าร่วมพลังประชารัฐ นายอุตตมตอบว่า ถือเป็นปกติของนักการเมืองที่ย้ายพรรค ทางกลุ่มไม่ได้ทำสิ่งใดเกินเลย บุคคลที่ติดต่อเป็นบุคคลคุ้นเคย มาจากหลากหลายกลุ่ม พร้อมเปิดและพูดคุย แต่อนาคตจะเป็นอย่างไรต้องรอให้ได้รับรองการจัดตั้งพรรคอย่างเป็นทางการก่อน จากนั้นจะพูดคุยอย่างเป็นทางการถึงการทำงานร่วมกันกับกลุ่มการเมืองต่างๆ รวมถึงจะเปิดตัว เสียงวิจารณ์เป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้ แต่สุดท้ายประชาชนจะพิจารณาว่าข้อกล่าวหาเชื่อถือได้หรือไม่ เมื่อถามว่า 3 อดีต ส.ก.พรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมกิจกรรมที่ตลาดน้ำคลองลัดมะยมด้วย ถือว่าเปิดตัวหรือไม่ นายอุตตมตอบว่า ไม่ขอแสดงความเห็น
“กรณิศ” เปิดตัวทิ้ง ปชป.ซบบ้านใหม่
นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา อดีต ส.ก.คลองเตย พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่าตัดสินใจย้ายมาร่วมทำงานกับพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่เพราะคำชวนของนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมือง ว่าที่กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ แต่ตัดสินใจด้วยตนเอง หลังจากเห็นแนวคิดและแนวทางการทำงานพลังประชารัฐ เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ การทำงานท้องถิ่นกว่า 12 ปี เป็น ส.ก. 2 สมัย ได้เห็นชัดเจนว่าแนวทางที่ท้องถิ่นควรต้องขับเคลื่อนมีประเด็นใดบ้าง จะลงเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแกนนำพรรคอีกครั้ง หลังจากนี้จะมี ส.ก.ของพรรคประชาธิปัตย์ย้ายสังกัดอีกหรือไม่ ยังไม่ทราบ ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ของแต่ละบุคคล
ลูกกำนันเซี้ยะแจงจำเป็นต้องย้ายค่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ถึงกรณีที่นายธรรมวิชญ์และนายอรรถพล โพธิพิพิธ บุตรชายของนายประชา โพธิพิพิธ หรือกำนันเซี้ยะ อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ถูกดูดไปร่วมงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐว่า ก่อนหน้านี้นายธรรมวิชญ์และนายอรรถพล ได้แจ้งเหตุผลความจำเป็นให้ผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ทราบว่า มีผู้ใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐตั้งเป้าจะปักธงกวาด ส.ส.กาญจนบุรี ยกทั้งจังหวัด ได้ประสานผ่านมายังนางเขมพร ต่างใจเย็น หรือ “ซ้อเขม” ภรรยาของกำนันเซี้ยะที่สูงอายุแล้ว และมีโรคประจำตัว ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน หลังกำนันเซี้ยะถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 2 ปี 8 เดือน จากคดีบุกรุกที่ดินราชพัสดุ จ.กาญจนบุรีถึงราชบุรี โดยมีการอ้างว่าผู้มีอำนาจจะช่วยดูแลลักษณะเดียวกับที่เคยมีข้อครหาดีลการเมืองของพรรคพลังชล หลังนายสนธยา คุณปลื้ม อดีต รมว.การท่องเที่ยวฯ บุตรชายของนายสมชาย คุณปลื้ม หรือ “กำนันเป๊าะ” นำลูกพรรคย้ายเข้ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ทั้งนี้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่บุคคลทั้งสองให้ความเคารพ ได้รับทราบเมื่อวันที่ 12 ต.ค.แล้ว
จ่อดูดเพิ่มให้ครบ 4 อดีตคนในชี้เป้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ยังมีความพยายามจะดูดอดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์อีก 2 คน คือนายปารเมศ โพธารากุล หรือกำนันบอย และนายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร ให้ไปร่วมงานด้วย โดยประสานผ่านทางนางเขมพรเช่นเดียวกัน โดยแกนนำพรรคพลังประชารัฐ เน้นย้ำต้องการให้ จ.กาญจนบุรีต้องได้ ส.ส.ทั้ง 4 เขต ยกจังหวัดเพื่อเป็นทีมเดียวกันในการพัฒนาจังหวัดไปทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ กรณีที่มีอดีต ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ถูกพรรคพลังประชารัฐดูดไม่หยุด และถือว่าเดินงานการเมืองได้เข้าเป้า เนื่องจากมีอดีต ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ในปีก กปปส.เดิม ที่ย้ายไปร่วมงานกับพลังประชารัฐแล้ว เป็นคนทำหน้าที่ให้ข้อมูลวงใน ชี้เป้าเลือกดูดอดีต ส.ส.และ ส.ก.ที่มีฐานเสียงแน่น มีโอกาสได้ ส.ส.ค่อนข้างแน่นอน
“กำนันบอย” อ้อมแอ้ม “ฉัตรพันธ์” สู้ตาย
ด้านนายปารเมศ โพธารากุล (กำนันบอย) อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ถูกทาบทามจากผู้มีอำนาจหลายด้านทั้งตำรวจ ทหารและผู้ใหญ่ที่นับถือว่าขอให้ย้ายไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ จะได้พัฒนา จ.กาญจนบุรี เป็นกลุ่มจังหวัดในทิศทางเดียวกันจะได้ไม่มีความขัดแย้ง ซึ่งตนยังไม่ได้ตัดสินใจ
นายฉัตรพันธ์ เดชกิจสุนทร อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่ามีการทาบทามตนให้ไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐจริง แต่ตัดสินใจที่จะยืนหยัดอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อ เนื่องจากพรรค การเมืองนี้ให้โอกาสตนได้เกิดทางการเมือง
อดีต ส.ส.สระบุรี ปชป.ส่อไปอีกคน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะนี้อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ยังคงถูกทาบทามดึงไปร่วมงานกับพรรคอื่นอีกอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในการหารือของรองหัวหน้าพรรค ที่รับผิดชอบพื้นที่ภาคต่างๆ ได้ไล่ตรวจสอบสถานะของอดีต ส.ส.ว่าจะอยู่กับพรรคหรือไม่ ล่าสุด พบว่าอดีต ส.ส.สระบุรี พรรคประชาธิปัตย์ คือ น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย มีแนวโน้มสูงที่จะถูกพลังดูดของพรรคพลังประชารัฐ หลังจากมีข่าวคุยในกลุ่มอดีต ส.ส.พรรคมาก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนึ่งในคนที่จะย้ายพรรคออกไป คณะผู้บริหารพรรคประเมินว่าหลังการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เสร็จสิ้นในต้นเดือน พ.ย.แล้ว ยังจะมีอดีต ส.ส.พรรคทยอยลาออกอย่างเป็นทางการอีกจำนวนหนึ่ง
“มาร์ค” รับทราบลูกพรรคถูกบีบตีจาก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกฯ กล่าวเพียงสั้นๆว่า รับทราบถึงสถานการณ์และเงื่อนไขของอดีต ส.ส.กาญจนบุรีทั้งสองคนเป็นอย่างดี จึงไม่อยากพูดอะไรมาก ขอให้ไปสัมภาษณ์นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคที่ดูแลภาคกลางแทน อย่างไรก็ตาม ไม่หนักใจต่อกระแสดูดที่ยังคงมีการดึงตัวอดีต ส.ส.ของพรรค ไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐอย่างต่อเนื่อง
ติง “วิษณุ” บิดปมลูกหาบบินพบ “ทักษิณ”
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีแกนนำพรรคเพื่อไทยเดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่ฮ่องกง สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่เผชิญกับม็อบและปัญหาหลายอย่าง แต่การพยายามติดตามคดีความของนายทักษิณ โดยเฉพาะนายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ ทำงานเชิงรุกจริงจัง ทำให้การเคลื่อนไหวของนายทักษิณถูกจำกัดพอสมควร ส่วนที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯบอกว่าผู้ที่ไปพบนายทักษิณเป็นเสรีภาพของการเดินทาง พูดถูกต้องเฉพาะประเด็นการเดินทาง แต่เป็นการเปลี่ยนประเด็น เนื่องจากผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีปัญหาเรื่องกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่
ห่วงเคาะ 194 ส.ว.ส่อไม่เป็นกลาง
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่ากรณีการสรรหา ส.ว.ที่ใกล้จะเริ่มขึ้นว่าสิ่งที่น่าสนใจคือเป็น ส.ว.ชุดพิเศษ มีอำนาจพิเศษ 5 ปี และมีอำนาจเลือกนายกฯ ด้วย ถามว่าหากเลือกรายชื่อ ส.ว. 194คน หลังการเลือกตั้ง ส.ส.เพื่อรอดูผลว่า ส.ส.เป็นใคร และดูอีกว่า ส.ส.ที่สนับสนุนคนนี้เป็นใคร หรือไม่สนับสนุนคนนี้เป็นใคร หากเป็นอย่างนี้คิดว่าเราไม่ได้เลือก ส.ว.ตามความเหมาะสม เพื่อมาทำหน้าที่ตามปกติ รวมทั้งมีโอกาสสูงที่จะได้ ส.ว.ซึ่งไม่มีความเป็นกลาง
“ปรพล” โวยดึง “กัลยา” มามีปัญหาแน่
ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร อดีต ส.ส.สระบุรี ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์กระแสข่าวแกนนำพรรคพลังประชารัฐทาบทาม น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย อดีต ส.ส.สระบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมงาน อาจส่งผลการแย่งชิงพื้นที่เลือกตั้งสระบุรีเขต 1 กันเองว่า ถ้าเป็นจริงจะเกิดปัญหาแน่นอน เพราะตนและ น.ส.กัลยามีฐานเสียงตรงข้ามกันมาตลอด บางทีคนในพรรคอาจไม่เข้าใจตรงนี้ลึกซึ้ง และได้วางตัวคนในทีมงานคือนายปริญญา วันทา ที่ปรึกษา อบจ.สระบุรีลงแทนไว้นานแล้ว เคยพานายปริญญาไปพบผู้ใหญ่ในพรรค พปชร.ให้ความเห็นชอบแล้วด้วย นายปริญญาได้ลงพื้นที่ปูฐานเสียง ช่วยงานพลังประชารัฐมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีฐานเสียงเก่าของตนสนับสนุนเต็มที่ ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลง แกนนำพรรคต้องบอกกล่าวให้รับทราบก่อน
สามมิตรจี้อย่าปรองดองแต่ปาก
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร กล่าวว่าอยากให้ทุกพรรคการเมืองให้ความสำคัญและเอาจริงเอาจังกับนโยบายสร้างความปรองดองให้คนในชาติ ที่ผ่านมาบ้านเมืองขัดแย้งมานาน ประชาชนแบ่งพรรคแบ่งพวกแบ่งสี ประเทศบอบช้ำมามาก ช่วงก่อนการเลือกตั้งทุกพรรค ทุกกลุ่มการเมือง อยากให้บ้านเมืองสงบ ปฏิรูปประเทศโดยเน้นสร้างความปรองดอง แต่พอจะมีการเลือกตั้ง การสร้างความปรองดองกลายเป็นเพียงวาทกรรม เริ่มสาดโคลนใส่กันทันที อยากให้เล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เน้นการแข่งขันกันทางนโยบาย หยุดความขัดแย้งไว้ก่อน เพื่อสร้างความอยู่ดีกินดีให้ประชาชน หากเป็นไปได้ทุกพรรคควรหารือทำความเข้าใจกันก่อนเลือกตั้งเพื่อสร้างความปรองดองอย่างชัดเจน ส่วนการเลือกตั้งสู้กันด้วยนโยบาย แพ้ชนะแล้วจบ เพื่อนำพาประเทศไปข้างหน้า แต่ถ้าหากปล่อยไปเช่นนี้ หลังเลือกตั้งประเทศคงจะขัดแย้งอีก
พท.ปูด พปชร.ฝ่าฝืนหาเสียงพะเยา
ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงรายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก ผอ.สำนักกฎหมายและคดี กกต. ระบุไม่ควรพูดเรื่องการเมืองในทำเนียบรัฐบาลว่า ทำเนียบฯ เป็นสถานที่บริหารราชการแผ่นดิน หากแยกแยะไม่ให้พูดเรื่องการเมืองอาจยาก แทนที่ กกต.จะไปจับตาตรงนั้น อยากให้ไปจับตาพื้นที่ทั่วประเทศด้วย เพราะขณะนี้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองกันอยู่ ล่าสุดวันที่ 14 ต.ค.ได้รับแจ้งจากอดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย จ.พะเยา ว่า ตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ มีการแนะนำว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐเขต 1 จ.พะเยา โดยจัดให้มีการชุมนุมของประชาชนและผู้นำท้องถิ่น ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าร่วมหลายร้อยคน ถือเป็นการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองที่ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.หรือไม่ อยากให้ กกต.เข้าไปตรวจสอบด้วย หากพรรคหนึ่งทำได้แต่อีกพรรคทำไม่ได้ จะเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง
เย้ย “บิ๊กตู่” เปิดกี่เพจก็ถูกถล่ม
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. เปิดเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า สาเหตุที่ พล.อ.ประยุทธ์เปิดเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวอย่างเป็นทางการเพื่อต้องการให้คนเข้ามาเชียร์ ก่อนหน้านี้ทีมงานเปิดเพจต่างๆขึ้นมากลับถูกคนเข้ามาโจมตี ครั้งนี้จึงต้องเปิดเพจของตัวเองอย่างเป็นทางการ คงไม่ต่างกันสุดท้ายสิ่งที่ประชาชนจะแสดงความคิดเห็นเข้ามา คือการโจมตีเหมือนเดิม เนื่องจากต้องการแสดงความคิดเห็นถึงการบริหารงานที่ผิดพลาด เพราะเดือดร้อนทุกพื้นที่ สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องทำไม่ใช่เปิดเพจใหม่ไปเรื่อยๆ แต่ต้องยอมรับความเป็นจริงว่าผลงานไม่เข้าตาประชาชน ไม่เป็นเหมือนที่เคยพูดไว้ว่าจะทำให้ประเทศดีขึ้นในทุกเรื่อง ส่วนรัฐมนตรีในรัฐบาลเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่พบประชาชน แต่อ้างว่าไม่ได้สวมหัวโขนรัฐมนตรี ความเป็นจริงคนเป็นรัฐมนตรีแล้วมีอำนาจบริหาร ถึงอย่างไรไม่สามารถปฏิเสธการเป็นรัฐมนตรีได้ ถือว่าเอาเปรียบพรรคอื่นที่ถูกแช่แข็ง ไม่ให้เคลื่อนไหวอย่างยิ่ง ถ้าอยากแข่งขันกันแฟร์ๆ คสช.ควรเปิดโอกาสให้ทุกพรรคได้ทำกิจกรรมเช่นเดียวกับพรรคพลังประชารัฐ
“สุดารัตน์” จวกอย่าทำคนไทยไม่เท่ากัน
วันเดียวกัน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทยโพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง อย่าทำให้คนไทยไม่เท่ากันด้วยบัตรคนจน เนื้อหาสรุปว่า หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาทรักษาทุกโรค ต้องยึดหลักความทัดเทียม คนไทยทุกคนต้องได้รับสิทธิเข้าถึงการรักษาพยาบาลอย่างมีคุณภาพทัดเทียมกัน แต่ล่าสุด ครม.กลับมีมติอนุมัติกฎหมายตั้งซุปเปอร์บอร์ดสุขภาพ มีภาคประชาชนเป็นกรรมการเพียง 3 คน จาก 45 คน ส่วนมากเป็นข้าราชการ และมีเอกชนตัวแทนบริษัทยาข้ามชาติ แล้วประชาชนจะอยู่ตรงไหน อีกทั้งที่รัฐบาลประกาศให้ผู้ที่ถือบัตรคนจนรักษาฟรี ทั้งที่ความเป็นจริงประชาชนที่ได้รับบัตร 30 บาทรักษาทุกโรครักษาฟรีอยู่แล้ว โดยไม่ได้แบ่งแยก การประกาศเช่นนี้เป็นเรื่องแบ่งแยกคนจนคนรวย ย้อนกลับไปเหมือนยุคบัตรอนาถา ขัดหลักการของโครงการอย่างร้ายแรง หลักการของโครงการนี้ต้องการให้คนไทยทุกคนมีสิทธิเข้าถึงการรักษาพยาบาล มีคุณภาพดี โดยไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ มิใช่เรื่องที่ใครจะพยายามเอาการรักษาฟรีไปหาเสียงอย่างผิดๆ เป็นเรื่องที่ตนยอมไม่ได้
“สรรเสริญ” อัดดิสเครดิตรัฐบาล
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย วิจารณ์รัฐบาลอย่าทำให้คนไทยไม่เท่ากันด้วยบัตรคนจนว่า อาจไม่ได้ศึกษาถ่องแท้มองปัญหาจากความคิดตัวเองเป็นหลัก มติ ครม.ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รักษาฟรีเป็นเพียงการแก้ไขเพิ่มเติมข้อความในกฎหมาย ให้ครอบคลุมผู้มีรายได้น้อย ไม่ได้มีผลต่อสิทธิรับการรักษาที่ฟรีอยู่แล้ว น่าจะหวังผลทางการเมือง เพื่อลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลมากกว่าจะเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาให้สังคม คล้ายกับครั้งหนึ่งรัฐบาลเคยถูกกล่าวหาว่าจะยกเลิกโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ทั้งที่ไม่เป็นความจริง ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่แบ่งแยกประชาชน มีแต่นักการเมืองบางกลุ่มบางคน ที่ชอบใช้วาทกรรมแบ่งแยกคนรวยคนจนให้เกิดความขัดแย้ง
ข้องใจ คสช.มีอำนาจเหนือ กกต.
นายศักดา นพสิทธิ์ ทีมโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ประกาศสนใจงานการเมืองและ 4 รัฐมนตรีจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ ทำให้พรรค การเมืองฝ่ายประชาธิปไตยเรียกร้องให้ คสช.ปลด ล็อกการเมืองเพื่อเปิดให้พรรคทำกิจกรรมทางการเมือง หาก คสช.เพิกเฉยและปล่อยให้คนในรัฐบาล พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่หาเสียงพบประชาชน คสช.มีเจตนาให้พรรคพลังประชารัฐได้เปรียบพรรคการเมืองอื่นหรือไม่ รวมถึงกรณีพรรคนี้ใช้ทำเนียบรัฐบาลให้สัมภาษณ์กิจกรรมการเมืองของพรรคเป็นเรื่องไม่ถูกต้องเข้าข่ายผิดกฎหมาย และฝ่าฝืนคำสั่ง 13/2561 ที่ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรมบางอย่าง หาก คสช.เพิกเฉยไม่ห้ามปราม หรือดำเนินการตามกฎหมาย ยิ่งเกิดข้อสงสัย คสช.สนับสนุนให้พรรคพลังประชารัฐเอาเปรียบพรรค การเมืองอื่นและ คสช.พยายามใช้อำนาจต่อเนื่องเหนือ กกต.แล้วการเลือกตั้งจะเกิดความเป็นธรรมได้อย่างไร
“ธนาธร” ไประยองมั่นใจได้ ส.ส.เขต
เมื่อเวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคอนาคตใหม่จัดขบวนคาราวานรับสมัครสมาชิกไป จ.ระยอง เพื่อรวบรวมคนร่วมอุดมการณ์ให้สมัครสมาชิกพรรค โดยมีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และคณะผู้บริหารพรรคร่วมขบวน โดยนายปิยะบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าที่ จ.ระยองจะเป็นจังหวัดที่ช่วยปักธง ส.ส.เขตให้อนาคตใหม่ได้ วันนี้เราได้ปักหมุดสัญลักษณ์พรรคอนาคตใหม่และเปิดศูนย์ประสานงานพรรคที่ศูนย์การค้าโอโซน หมุดหมายร่วมกันของชาวระยอง ผู้รักประชาธิปไตยกับพรรคอนาคตใหม่ คือการสร้างประเทศไทยให้เดินไปสู่อนาคตที่ดีกว่าร่วมกัน
“สมชาย” เข้าเพื่อชาติตั้งไข่ปรองดอง
พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ อดีต ส.ส.นครราชสีมา และอดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าได้พูดคุยกับแกนนำพรรคเพื่อชาติ รวมถึงนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภาและนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติ ได้เห็นวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกคนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น ไม่มีใครยึดติดตำแหน่ง ประกอบกับเป็นพรรคที่มีแนวทางชัดเจน ไม่เอาเผด็จการและยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย เป็นพรรคกลางๆที่พร้อมทำงานร่วมกับทุกพรรคที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย จึงประสงค์เข้าทำงานร่วมกับพรรคเพื่อชาติ จะยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคภายใน 1-2 วันนี้ ขณะนี้บ้านเมืองต้องเลิกขัดแย้งกันได้แล้ว ไม่เช่นนั้นประเทศเดินไม่ได้ ถ้าพรรคการเมืองไม่เริ่มนักการเมืองไม่เริ่ม ความปรองดองไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง
ส่งคนสู้ศึกเดือดเมืองโคราชทุกเขต
พ.ต.ท.สมชายกล่าวอีกว่า ส่วนความพร้อมในการส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ส.ส. ขณะนี้มีผู้สนใจร่วมงานกับพรรคเพื่อชาติจำนวนมาก การส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งคงต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และในพื้นที่ จ.นครราชสีมา จะส่งผู้สมัครทั้ง 14 เขต และจะลงพื้นที่หาเสียงอย่างเต็มที่
“ไก่อู” ปัดนายกฯเปิดเฟซฯหาเสียง
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.เปิดช่องทางสื่อออนไลน์ของตัวเองโดยตรง ที่ถูกมองว่าเป็นการเตรียมหาเสียงออนไลน์หรือไม่ ว่า มีการวิจารณ์ทุกเรื่อง ทั้งการลงพื้นที่ตรวจราชการในกรุงเทพฯหรือต่างจังหวัด ประชุม ครม.สัญจรนอกสถานที่ก็หาว่ารุกหนักหาเสียง พอเปิดเฟซบุ๊กก็ถูกมองว่าหาเสียงอีก แต่หากไม่มีการติดต่อกับประชาชนเลยก็จะกลายเป็นเข้าถึงยาก ดังนั้นสามารถตำหนิได้ทุกเรื่อง หากเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่นายกฯต้องการติดต่อสื่อสารกับประชาชนโดยตรง ก็จบไม่มีปัญหาอะไร นักการเมืองแทบทุกคนที่ออกมาต่อว่าก็ทำเหมือนกัน ส่วนมีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย แนะนำ พล.อ.ประยุทธ์อย่าอ่านคอมเมนต์เพราะอาจจะต้องปิดเฟซบุ๊กไปเลยนั้น พล.ท.สรรเสริญ ตอบว่า เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าคนที่ไม่ชอบจะโพสต์ ไม่เห็นด้วย หากอยู่ในแวดวงนี้ต้องทำใจอยู่แล้ว
ยอดแอดเพจ “ประยุทธ์” พุ่งกระฉูด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” เพื่อสื่อสารพร้อมรับฟังความเห็นต่างๆจากประชาชน เมื่อเวลา 19.30 น.วันที่ 14 ต.ค. ปรากฏว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 15 ต.ค. มีผู้ใช้เฟซบุ๊กสนใจเข้ามากดไลค์และติดตามกว่า 6 หมื่นราย พร้อมโพสต์ข้อความหลากหลาย ทั้งสะท้อนปัญหาให้แก้ไข ชื่นชมให้ กำลังใจ โจมตี ต่อว่าเสียดสี เหน็บแนม และภาพล้อเลียน โดยเฉพาะมีการนำโพสต์ข้อความที่ พล.อ.ประยุทธ์เคยระบุว่า “วิธีทําให้ตัวเองมีความสุขคือการไม่เล่นเฟซบุ๊กไม่ดูโซเชียล เพื่อทำให้หัวโล่งทั้งวัน เนื่องจากถ้าเปิดอ่านก็หมดแรงข้าวต้ม เพราะเห็นว่ามีแต่คนด่าทั้งวัน” มาโพสต์ด้วย ขณะที่หน้าเฟซบุ๊กทั่วไปยังมีการแนะนำกลุ่มเชียร์นายกฯให้กดไลค์เข้าร่วมเป็นสมาชิก อาทิ กลุ่มหลานลุงตู่ FC กลุ่มสนับสนุนลุงตู่เป็นนายกฯคนที่ 30 และกลุ่มกองหนุน/ทีมลุงตู่ เป็นต้น โดยยังมีคนกดไลค์ เข้าร่วมเป็นระยะๆ
นายกฯโพสต์คนชอบไม่ชอบเรื่องปกติ
เมื่อเวลา 18.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” ว่า “ขอบคุณทุกคนมากที่ให้ความสนใจในการที่ผมเปิดเฟซบุ๊ก เห็นคนเขียนมาหามากมาย ผมดูแล้วส่วนใหญ่จะมาเขียนเอาสนุก ทั้งชอบทั้งไม่ชอบเป็นเรื่องปกติ ผมเปิดเฟซบุ๊กเพราะต้องการทราบปัญหาของพี่น้องประชาชน ผมจะได้หาแนวทางให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องลงไปดู และแก้ปัญหา ตอนนี้หากใครมีปัญหาหรือข้อแนะนำอะไรลองเข้าเว็บไซต์ของผม มีทีมงานช่วยเอาข้อมูลมาให้ผมดูโดยตรง อาจจะตอบช้าบ้าง แต่ยังไงผมจะพยายามติดตามอ่านให้ได้มากที่สุดครับ www.prayutchan-o-cha.com”
เปิดลงทะเบียนองค์กรเสนอชื่อ ส.ว.
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กกต. กทม.เปิดรับลงทะเบียนองค์กรที่มีสิทธิ์แนะนำชื่อบุคคล เพื่อสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ระหว่างวันที่ 15-24 ต.ค. โดยวันที่ 15 ต.ค. เปิดรับลงทะเบียนวันแรกตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.ตลอดทั้งวันเป็นไปอย่างเงียบเหงา มีผู้แทนจาก 4 องค์กร ทยอยเดินทางมายื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง คือสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทาง สมาคมแพทย์อุบัติเหตุแห่งประเทศไทย มูลนิธิธรรมนิติ สมาคมศิษย์เก่าจันทร์ประดิษฐาราม
เตือนเช็กเอกสารสำคัญกันพลาด
นายถิรรัตน์ พินิจตานนท์ พนักงานสืบสวนสอบสวนและไต่สวนชำนาญการ ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร กล่าว ว่า การเปิดรับลงทะเบียนวันแรก มีผู้แทนองค์กรทยอยเข้ามาติดต่อเพื่อลงทะเบียน บางองค์กรยังมีปัญหาเอกสารมอบอำนาจ แนะนำให้กลับไปแก้ไขแล้วกลับมายื่นใหม่ องค์กรต่างๆที่ประสงค์ลงทะเบียนให้ติดต่อมาที่สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดต่างๆ เพื่อให้ทราบว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง เอกสารสำคัญขาดไม่ได้ เช่น วัตถุประสงค์และข้อบังคับขององค์กร ผู้มีอำนาจกระทำการแทนองค์กร งบการเงิน ผลการดำเนินงานและรายงานการประชุมย้อนหลัง 3 ปี ประเด็นสำคัญต้องเป็นองค์กรที่ไม่มีวัตถุเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองและต้องเป็นองค์กรที่จัดตั้งโดยไม่แสวงหารายได้ ต้องเลือกวัตถุประสงค์เพียง 1 ประเภทเท่านั้นให้ถูกประเภท หากเลือกผิดจะถือว่าเสียสิทธิ์ เสียโอกาส หลังรับลงทะเบียนองค์กรแล้ว กกต. กทม.จะใช้เวลาตรวจสอบคุณสมบัติองค์กร 5-7 วัน จากนั้นจะส่งให้ กกต.กลางพิจารณา 20 วัน เพื่อประกาศรายชื่อ หากไม่ได้รับประกาศรายชื่อ ยื่นโต้แย้งได้ภายใน 3 วัน
“บิ๊กป้อม” นั่ง ปธ.รมว.กลาโหมอาเซียน
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พร้อม พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม มีกำหนดเข้าร่วมประชุม รมว.กลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 12 (ADMM) และร่วมประชุม รมว.กลาโหมอาเซียนกับ รมว.กลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 5 (ADMM- Plus) ระหว่างวันที่ 18-20 ต.ค.ที่ประเทศสิงคโปร์ โดย รมว.กลาโหมอาเซียน จะได้หารือถึงแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือและเสริมสร้างความเข้มแข็งของอาเซียน จากนั้นจะร่วมประชุมอย่างไม่เป็นทางการกับ รมว.กลาโหมสหรัฐฯ จีนและญี่ปุ่น ก่อนจะประชุมร่วมกับ รมว.กลาโหมประเทศคู่เจรจาทั้ง 8 ประเทศ แล้วจะทำพิธีส่งมอบการเป็นประธานการประชุม รมว.กลาโหมอาเซียนและการประชุม รมว.กลาโหมอาเซียนกับ รมว.กลาโหมประเทศคู่เจรจาจากสิงคโปร์ให้ประเทศไทย ที่ทำหน้าที่ประธานอาเซียนปี 62 นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตรยังจะหารือทวิภาคีกับ รมว.กลาโหมสหรัฐฯ รมว.กลาโหมนิวซีแลนด์ และ รมว.กลาโหมสิงคโปร์เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านการทหารด้วย