ทหาร-รอเสียบ ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ฟิต สมัคร ส.ส.กทม.

“บิ๊กตู่” การ์ดสูงปิดทางถูกด่าเอาเปรียบลงพื้นที่หาเสียง แอ่วลำพูนงดหนีบ 4 รมต.ร่วมคณะ ไม่มีอดีต ส.ส.-นักการเมืองท้องถิ่นรอรับจับเข่าคุย เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหริภุญชัยบายศรีเรียกขวัญให้พรเป็นนายกฯ 20 ปี อู้คำเมืองอ้อน “รักลุงตู่รักน้อยๆ แต่รักเมิน เมิน” ด้าน “บิ๊กป้อม” ยันเสียงแข็งไม่มีเหตุเลื่อนเลือกตั้ง “วิษณุ” เตือน 4 รมต.ระวังตัวเป็นทวีคูณ ชี้ถ้าลาออกตั้งรักษาการได้ ไม่ต้องปรับ ครม. เด็ก ปชป.ตอกพวกหน้าทนกอดเก้าอี้ไม่ไขก๊อก พท.ประชุมใหญ่ไร้เงา “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” เฟ้นหัวหน้าพรรคเน้นคนในก่อน ปัดฮั้ว “เพื่อธรรม” โบ้ยคนละค่ายต่างคนต่างเดิน “สามมิตร” ดับข่าวลือชิ่งหนีพลังประชารัฐ “ชัช เตาปูน” ปัดฝุ่น “พลังท้องถิ่นไท” ส่ง “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ดารานักร้องหนุ่มสู้ศึกสนาม กทม. 8 ต.ค. รับสมัครผู้ท้าชิง หน.ปชป. “จุติ” สวดคนปูดความลับในบ้านเพื่อนไม่อยากคบ

กรณีมีเสียงเรียกร้องให้ 4 รัฐมนตรีที่เข้าร่วมงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลาออกจากตำแหน่งเพื่อไม่ให้เอาเปรียบคู่แข่งขัน ล่าสุดในการลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.ลำพูน ของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปรากฏว่ารัฐมนตรีทั้ง 4 คนไม่ได้ร่วมคณะไปด้วยเช่นที่เคยปฏิบัติมา ขณะที่กระแสข่าวที่พรรคการเมืองกังวลว่าการเลือกตั้งจะยื้อออกไปอีก ไม่ใช่วันที่ 24 ก.พ.2562 แกนนำรัฐบาลยืนยันว่าไม่มีเหตุที่จะทำให้เลื่อนการเลือกตั้งออกไป

...

“บิ๊กตู่” แอ่วลำพูน 4 รมต.งดร่วมทริป

เมื่อเวลา 07.55 น. วันที่ 3 ต.ค. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เดินทางด้วยสายการบินไทยที่ TG102 ไปยังท่าอากาศยานเชียงใหม่ และเดินทางโดยรถยนต์ไปตรวจราชการ จ.ลำพูน โดยไม่มี 4 รัฐมนตรีที่เข้าร่วมทำงานพรรคพลังประชารัฐร่วมคณะลงพื้นที่เหมือนเช่นทุกครั้ง เชื่อว่าป้องกันข้อครหาเอาเปรียบทางการเมือง โดยนายกฯและคณะสวมเสื้อโปโลสีน้ำเงิน สกรีนคำว่า ไทยนิยม ยั่งยืน ทั้งนี้ นายกฯทดลองใช้แพ็กเกจแอปพลิเคชันกรุงไทย NEXT ในโครงการ “ไทยเที่ยว ไทยยั่งยืน” อำนวยความสะดวกเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัด โดยนายกฯกล่าวว่า การทำงานในอนาคต ทุกรัฐบาลต้องทำอย่างนี้ ลักษณะพลังประชารัฐ ยืนยันว่า การมาครั้งนี้ไม่ได้มีเรื่องการเมือง

บูชา “พระนางจามเทวี” ขอไทยสุขสงบ

จากนั้นนายกฯ และคณะขึ้นรถตู้โตโยต้า เวลไฟร์ ทะเบียน กค 2299 ลำพูน ไปยัง จ.ลำพูน จุดแรกนายกฯและคณะสักการะอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี ต.ในเมือง อ.เมืองลำพูน องค์ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญชัย ร่วมแขวนโคมบูชาถวายแด่พระนางจามเทวี ตามประเพณีที่ชาว จ.ลำพูน ปฏิบัติก่อนเข้าสู่เทศกาลลอยกระทง พร้อมเขียนคำอธิษฐานที่โคม “ขอให้ชาวลำพูนมีความสุขสมปรารถนาทุกประการ ขอให้คนไทย ประเทศไทยสุขสงบมั่นคงยั่งยืน” ลงชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และชมขั้นตอนการทำโคมไฟล้านนาจากชาวบ้านและคนพิการทางการได้ยิน ก่อนกลับชาวบ้านได้ร่วมกันทำสัญลักษณ์มือพร้อมกล่าวว่า “เรารักนายกรัฐมนตรีด้วยหัวใจ สร้างไทยไปด้วยกัน” ขณะที่นายกฯกล่าวตอบว่า “ยอดเยี่ยม” พร้อมทำสัญลักษณ์มือไอเลิฟยู

กราบพระรอดคุยทำประเทศเรียบร้อย

จากนั้นนายกฯนั่งรถรางไปยังวัดมหาวันวรมหาวิหาร มีประชาชนสวมชุดพื้นเมืองมาต้อนรับตลอด 2 ข้างทาง นายกฯได้โบกมือทักทาย และได้เข้ากราบสักการะพระรอดลำพูน พร้อมเข้ากราบนมัสการสนทนาธรรมกับพระครูโสภิต ปุญญาคม เจ้าคณะตำบลในเมืองเขต 1 รักษาการเจ้าอาวาสวัดมหาวัน ช่วงหนึ่งได้พูดถึงสถานการณ์บ้านเมืองว่า บ้านเมืองสงบเรียบร้อยดีใช่หรือไม่ รัฐบาลนี้พยายามทำงานทุกอย่างเพื่อแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ เน้นความปลอดภัยประเทศ ช่วงนี้ค่อนข้างจะมีข่าวแง่ลบ ต้องอดทนแล้วช่วยกันสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กลับคืนมา วัด โรงเรียน รัฐบาลพร้อมรับฟังในทุกสิ่ง แต่ต้องนำมาพิจารณาทำอะไรก่อนหลัง ขณะที่พระครูโสภิตฯได้มอบพระรอดลำพูนและพระพิมพ์ลำพูน รุ่น 2518 หนังสือประวัติของวัดมหาวันให้นายกฯและคณะ จากนั้นนายกฯได้กดพิมพ์พระรอดเพื่อนำไปปลุกเสก พร้อมส่องพระรอดและวัตถุโบราณด้วยความสนใจ

เจ้าอาวาสให้พรเป็นนายกฯ 20 ปี

ต่อมานายกฯไปสักการะกู่ช้าง-กู่ม้า สุสานช้างศึก-ม้าศึกคู่บารมีของพระนางจามเทวี ชมการฟ้อนเมือง การแสดงมวยโบราณผสมผสานตีกลองสะบัดชัย โดยนายกฯอารมณ์ดีทำท่าตีศอกใส่นักแสดงและกล่าวว่า ประเทศไทยสงบ ถ้าเป็นแบบนี้ เราสามารถไปที่ไหนก็ได้ทั้งหมด ขอให้ทุกคนอยู่ดีมีสุข อนาคตประเทศอยู่กับคนเหล่านี้ ต่อมาได้สักการะพระประธานในวิหารหลวง วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร กราบนมัสการพระเทพรัตนนายก เจ้าคณะจังหวัดลำพูน เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหริภุญชัย ซึ่งได้ทำบายศรีสวดเรียกขวัญให้นายกฯ และให้พรเป็นนายกฯต่อไปอีก 20 ปี สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง พร้อมมอบพระรอดลำพูนเนื้อเงินให้นายกฯและมอบพระรอดปลียอดฉัตร พระธาตุหริภุญชัย รุ่นเดียวกับที่นายเอกพล จันทะวงษ์ หรือโค้ชเอก ทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี ใช้ห้อยคอจนทำให้รอดชีวิตจากการติดภายในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย จากนั้นนายกฯได้เขียนชื่อบนผ้าห่ม เพื่อถวายแด่เจ้าคณะจังหวัดลำพูน เพื่อห่มพระธาตุและถวายโคมบูชาในเทศกาลยี่เป็งที่จะมาถึงนี้

โอดเปิดเวที ลต.โดนขุดประวัติแน่

จากนั้นเวลา 14.00 น. หลังนายกฯเยี่ยมชมลานวัฒนธรรม หมู่บ้านโอทอป ชมการแสดงวิถีชีวิตและเยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ ตีฆ้องใหญ่ ทดลองโม่แป้งที่ใช้โม่หินแบบโบราณและฝัดข้าวด้วยกระด้ง ที่วัด พระธาตุหริภุญชัย ได้เดินทางไปยังชุมชนท่องเที่ยวบ้านหนองเงือก ต.แม่แรง อ.ป่าซาง จ.ลำพูน เพื่อร่วมประกาศ “ลำพูนเมืองสะอาด ปราศจากโฟม” พร้อมขึ้นเวทีกล่าวกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ข้าราชการ ประชาชนที่มาต้อนรับตอนหนึ่งว่า วันนี้มีความสุข หัวใจเต้นช้าลง ไม่ตื่นเต้นเหมือนอยู่กรุงเทพฯ มีเรื่องให้แก้ทั้งวันทั้งคืนและไม่ได้เอาเงินลงมาแจก ส่วนคำว่าประชารัฐไม่เกี่ยวกับการเมือง เป็นชื่อนโยบายรัฐบาล แต่ใครจะเอาไปใช้เรื่องของเขา ความหมายคือความร่วมมือกันทุกภาคส่วน ขอสัญญาอย่าเปลี่ยนแปลงประเทศด้วยความรุนแรง ด้วยความไม่สงบเรียบร้อย ถ้าใช้กำลังทะเลาะกันไปมา วันหน้าก็ใช้กำลังกันต่อ เมื่ออีกฝ่ายแข็งแรงเท่ากันหรือมากกว่าก็กลับมาสู้กันใหม่ และอย่าให้ใครบิดเบือน “เชื่อเถอะในระยะเวลาอันใกล้ นายกเทศมนตรี อบจ. อบต.คอยดู พอเริ่มเปิดเวทีเลือกตั้ง ประวัติที่ไม่เคยมีจะมี ชีวประวัติผมจะมายาวมากกว่าปกติ ผมเกิดมาผมรู้ประวัติผมมีแค่ไหน แต่มันชอบเติมให้ผม มีสองอย่างคือเติมกับลด”

ยิ้มเสียงเชียร์เป็นผู้นำตลอดไป

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า วันนี้หลายคนคงถามว่านายกฯจะให้อะไร จะให้เท่าที่ให้ทุกอย่างจะดีขึ้น 3 ปีที่ผ่านมาทำมาเยอะ จากที่หลายอย่างหลายรัฐบาลแก้ไม่ได้ เพราะกลัวเสียคะแนน ถ้าเราไม่แก้ตรงนี้จะพันไปเรื่อยๆ ซื้อเวลาไปเรื่อย โดนฟ้องทุกอัน โยนมาถึงรัฐบาลนี้ ไม่อยากโยนไปรัฐบาลข้างหน้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงท้ายนายกฯกล่าวอ้อนด้วยภาษาเหนือว่า “รักลุงตู่รักน้อยๆ แต่รักเมินเมิน”

จากนั้นได้ปล่อยคาราวานสามล้อ “ลำพูนเมืองสะอาด ปราศจากโฟม” ระหว่างนั้นได้มีข้าราชการชายคนหนึ่งตะโกนบอกนายกฯว่า “ขอให้เป็นนายกฯตลอดไป” นายกฯจึงยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ไปสู้ให้ผมบ้างสิเวลาโดนด่า แต่ไม่ต้องห่วง ผมไม่เคยกลัวใครทั้งสิ้น เพราะไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง ผมทำให้พวกท่านทั้งสิ้น” ขณะที่ข้าราชการคนดังกล่าวตอบว่า “เป็นกำลังใจให้ครับ” โดยนายกฯกล่าวก่อนเดินออกจากวงสนทนาว่า “ทำนะโดยเฉพาะท้องถิ่นต้องทำ” ต่อมานายกฯไปชมการผลิตฝ้ายทอมือหนองเงือก ผลิตภัณฑ์และการจัดการขยะชุมชน แล้วเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่มีนักการเมือง อดีต ส.ส.ในพื้นที่มาต้อนรับ

“บิ๊กป้อม” ยันไม่มีเหตุเลื่อนเลือกตั้ง

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงข้อกังวลของฝ่ายการเมืองว่าการเลือกตั้งอาจเลื่อนออกไปเป็นไปได้หรือไม่ว่า ต้องไปถามเขาเป็นคนคิด ตนไม่ได้คิด ยืนยันว่ายังเป็นวันที่ 24 ก.พ. และไม่รู้ว่ามีปัจจัยอื่นที่ทำให้เลื่อนออกไปหรือไม่ สื่อคิดว่าอย่างไร แต่ส่วนตัวไม่ได้คิด เมื่อถามว่าปัจจัยความวุ่นวายอาจก่อให้เกิดการเลื่อนเลือกตั้งหรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ก็มีแต่เรื่องการเมืองทั้งนั้น นอกนั้นไม่มีเรื่องอะไร ประชาชนส่วนใหญ่อยากเลือกตั้ง คุณจะเลื่อนก็เลื่อนเลย แต่มันไม่มีเหตุอะไรให้เลื่อน เดี๋ยวเลื่อนเข้าเดี๋ยวเลื่อนออก มีเหตุให้เลื่อนทุกวัน ถามแบบนี้ทุกวัน แต่รัฐบาลไม่ได้ทำอะไรเลย เราวางโรดแม็ปไว้เรียบร้อยแล้ว จากสถานการณ์วันนี้การเลือกตั้งคงราบรื่น

โยน กกต.ดู “เทือก” ลงพื้นที่ตั้งโต๊ะ

เมื่อถามว่า ขณะนี้พรรคการเมืองยังไม่สามารถหาเสียงได้ แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ลงพื้นที่ตั้งโต๊ะเปิดรับสมัครสมาชิกเข้าพรรค ทำได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า คสช.ยังไม่ได้ปลดล็อก เรื่องนี้ต้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการ แต่จะทำได้หรือไม่นั้นตนไม่รู้ต้องถาม กกต.เขาดูแลอยู่ ถ้าได้ก็ได้ ถ้าไม่ได้ก็จบ เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่เมื่อคลายล็อกแล้วพรรคการเมืองเริ่มกล่าวโจมตีกัน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เขาก็โจมตีกันแบบนี้ทุกทีตอนเลือกตั้ง จริงไม่จริงไม่รู้ ว่ากันไป

“วิษณุ” ไม่ฟันธงถูกผิดทำได้-ไม่ได้

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อกังวลของฝ่ายการเมืองที่การเลือกตั้งอาจเลื่อนออกไปว่า ไม่ทราบ ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ตอนนี้ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เมื่อถามถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ลงพื้นที่เปิดรับสมาชิกพรรคทำได้หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า จะไม่วินิจฉัยการกระทำของพรรคใดหรือนักการเมืองคนใดว่าทำได้หรือไม่ได้ ถูกหรือผิด พูดไปเขาก็ไม่เชื่อ จะทำอยู่ดี ตนไม่ทราบ ใครทำรับผิดชอบเองก็แล้วกัน ไม่ขอตอบอะไร เป็นสิ่งที่นักการเมืองต้องระมัดระวัง หลายอย่างดูเหมือนทำไม่ได้ แต่ความจริงทำได้ถ้าทำเป็น หลายอย่างที่คิดว่าทำได้แต่ความจริงมันไม่ได้ ต้องไปดูเองว่าอะไรเป็นหลัก อะไรเป็นข้อยกเว้น กฎหมายเรื่องนี้ไม่ได้เขียนยืดยาวมาก ไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง แค่บอกว่าห้ามทำกิจกรรมทางการเมืองเกิน 5 คน ทุกคนเข้าใจดีเหมือนกันหมด แล้วแต่ใครจะแปลความหมายอย่างไร เราอย่ามาเถียงกันบนหน้าหนังสือพิมพ์เลย

ย้ำ 4 รมต.ต้องระวังเป็นทวีคูณ

นายวิษณุกล่าวต่อว่า ส่วนการลงพื้นที่ของรัฐมนตรี 4 คนที่เข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ การลงพื้นที่ร่วมกับนายกฯ ในเวลาราชการทำได้ หากไม่ได้ไปหาเสียง การเป็นรัฐมนตรีจะพูดว่าได้เปรียบหรือเสียเปรียบก็ได้ เพราะรัฐมนตรีมีภารกิจประชุมคณะรัฐมนตรี บริหารกระทรวง ถ้าเอาเรื่องเหล่านี้ไปหาเสียงก็ผิด แต่เมื่อมีหน้าที่ต้องทำ ไม่ทำก็บกพร่องต่อหน้าที่ เมื่อปฏิบัติหน้าที่อาจถูกมองว่าเป็นการหาเสียงได้ง่าย เพราะการทำหน้าที่กับการหาเสียงแยกกันยาก แต่ถ้าทำดีๆแยกออกจากกันได้ จึงต้องระมัดระวังเป็นทวีคูณ อย่าไปวิพากษ์วิจารณ์กันทุกวัน รัฐมนตรี 4 คนได้ประกาศชัดแล้วว่าเมื่อถึงเวลาจะเคลียร์สิ่งที่ค้างคา สื่ออาจไม่ทราบและเป็นเรื่องที่อธิบายยาก ส่วนที่วิจารณ์กันว่ารัฐมนตรีลงพื้นที่ได้ แต่ฝ่ายการเมืองลงพื้นที่ไม่ได้ รัฐบาลและ คสช.ไม่ได้ห้ามลงพื้นที่ เห็นลงพื้นที่กันอยู่ทั่วประเทศไม่ใช่หรือ ไม่เห็นมีใครไปจับ รัฐบาลมีส่วนได้เปรียบเพราะรัฐบาลมีหน้าที่ ส่วนนักการเมืองไม่มีหน้าที่ พอทำสิ่งเดียวกันจึงอาจถูกมองว่าทำกิจกรรมทางการเมือง แต่รัฐบาลเสียเปรียบ เพราะถูกจับตาเพ่งเล็ง

ชี้ช่อง รมต.ลาออกตั้งรักษาการได้

เมื่อถามว่า ถ้า 4 รัฐมนตรีลาออก จะปรับ ครม.หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่เคยพูด ในอดีตเคยมีกรณีที่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าง แต่มีคนอื่นรักษาการแทนอยู่ ไม่ขอพูดถึงเรื่องปรับ ครม. เพราะเป็นเรื่องของนายกฯ แต่รัฐมนตรี 4 คนนั้นเขาพูดแล้วว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจะทำให้ข้อสงสัยหายไป เขาตอบชัดแล้วจึงไม่ต้องแปลเป็นอย่างอื่น เมื่อถามว่า เวลาที่เหมาะสมของ 4 รัฐมนตรีนั้น หมายถึงเมื่อมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า “ถามพวกเขาสิ เพราะพวกเขาเป็นคนพูด” เมื่อถามว่านายพรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย นักวิชาการด้านกฎหมายมหาชน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งข้อสังเกตว่าถ้ารัฐมนตรีทั้ง 4 ไม่ลาออกจะสร้างมาตรฐาน ทางการเมืองในอนาคต นายวิษณุกล่าวว่า มันเคยมีมาตรฐานมาแล้วในอดีต ถ้าจะมีมาตรฐานตอนนี้หรือจะมีในอนาคตไม่ใช่ปัญหา ตอนที่ร่างรัฐธรรมนูญทุกฉบับ ผู้ร่างจะคิดเผื่อไว้ว่าถ้ารัฐบาลอยู่ครบ 4 ปี หรือยุบสภา แล้วไปหาเสียงเพื่อเลือกตั้งเป็นรัฐบาลต่อไป ให้ดำรงตำแหน่งเดิมเพื่อรักษาการได้ แต่จะมีข้อควรระวังที่ห้ามปฏิบัติไว้ แต่กรณีที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่ใช่กรณีที่ ครม.หมดวาระ แต่เป็นเรื่องที่รัฐมนตรีบางคนมีบทบาททางการเมือง ในฐานะพรรคการเมืองจะเรียกว่ารักษาการก็ไม่ได้ เป็นเหตุการณ์ที่เบากว่าสถานการณ์ที่รัฐบาลยุบสภา แล้วพากันไปลงเลือกตั้งเสียอีก

“ราเมศ” ตอกพวกหน้าทนไม่ไขก๊อก

นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯยืนยันว่า 4 รัฐมนตรีในรัฐบาล คสช.ที่ไปเป็นแกนนำพรรคพลังประชารัฐไม่ต้องลาออก โดย 1 ใน 4 รัฐมนตรีระบุว่ามีมาตรฐานสูงกว่านักการเมืองว่า ที่ผ่านมารัฐบาลนี้ประกาศย้ำเจตนารมณ์ว่าต้องการปฏิรูปการเมืองว่า อยากเห็นการเมืองที่โปร่งใส เป็นธรรม ยึดหลักกฎหมายและเสมอภาค เท่าเทียม เราอยากเห็นการเมืองและนายกฯควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้เช่นกัน หากบอกว่าการกระทำเช่นนี้ถือว่ามีธรรมาภิบาลสูงแล้ว 4 รัฐมนตรีที่ไปเป็นผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐไม่ลาออก หากมีใช้ อำนาจหน้าที่เอาเปรียบคนอื่น พรรคอื่นถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่มีธรรมาภิบาล เพราะไม่โปร่งใสไม่เท่าเทียม ไม่เสมอภาค

หึ่งปล่อยข่าวป่วนหวังปรับ ครม.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังเกิดกระแสข่าวพรรคการเมืองกดดันให้ 4 รัฐมนตรีหลังประกาศตัวลงเล่นการเมืองในนามพรรคพลังประชารัฐ ให้ลาออกจากรัฐมนตรี เพื่อความสง่างาม ขณะที่ทั้ง 4 รัฐมนตรียืนยันจะลาออกเมื่อเวลาเหมาะสมและมีข่าวจะลาออกภายหลังมี พ.ร.ฎ.การเลือกตั้ง ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ต.ค. ได้มีข่าวสะพัดว่านายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าที่โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ได้เก็บของที่ห้องทำงานตึกบัญชาการ 1 แล้ว และเตรียมลาออกเร็วๆนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามคนใกล้ชิดของนายกอบศักดิ์ยืนยันว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง เชื่อว่าเป็นการปล่อยข่าวจากกลุ่มนายทหารใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ที่ต้องการผลักดันให้มีการปรับ ครม. เพื่อหวังนำตำแหน่งรัฐมนตรีที่ว่างมาเฉลี่ยเพิ่มโควตาให้สัดส่วนรัฐมนตรีสายทหาร เป็นที่น่าสังเกตว่าพรรคพลังประชารัฐไม่มีรัฐมนตรีจากสายทหารเข้ารับตำแหน่งสำคัญๆในพรรคเลย

8 ต.ค.รับสมัครผู้ท้าชิง หน.ปชป.

เมื่อเวลา 11.09 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีหนังสือแต่งตั้งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรค รักษาการแทนหัวหน้าพรรค มีอำนาจหน้าที่ตามข้อบังคับพรรค เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ประสงค์ลงสมัครแข่งขันเป็นหัวหน้าพรรคถือเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการหยั่งเสียง จึงขอหยุดการปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรคชั่วคราว เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ พรรคจะเปิดรับผู้สมัครแข่งขันร่วมลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 8 ตุลาคม เวลา 08.30- 16.00 น. ทั้งนี้ พรรคได้เปิดรับสมัครสมาชิกพรรคใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. สมัครได้ 3 ช่องทาง คือ 1.สำนักงานใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ 2.จุดตัวแทนรับสมัครสมาชิก 200 จุดทั่วประเทศ และ 3.สมัครผ่านแอปพลิเคชัน D-connect หลักฐานจำเป็น ได้แก่ บัตรประชาชน สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ต้องชำระค่าบำรุงพรรครายปี 50 บาท หรือตลอดชีพ 2,000 บาท โอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชีพรรคประชา-ธิปัตย์-ทุนประเดิม เลขที่ 068-6-03585-2 จึงขอเชิญชวนประชาชนมาร่วมสมัครเป็นสมาชิกเพื่อร่วมกันนำพาพรรคประชาธิปัตย์ไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยให้ได้

ปัดกองหนุนสองขั้วฟัดกันเละ

นายราเมศกล่าวต่อว่า กรณีที่มีข่าวในกลุ่มไลน์อดีต ส.ส.ของพรรค มีการตอบโต้สนับสนุนสองฝ่าย การเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนี้เป็นการแข่งขันต่อสู้กันแบบฉันพี่น้อง และทำให้เกิดความเป็นประชาธิปไตยในพรรคมากขึ้น ทุกคนยืนยันว่าหลังจากเลือกหัวหน้าพรรคแล้ว ยังจะยืนหยัดต่อสู้กับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป เพื่อนำพาพรรคไปสู่วันข้างหน้า ไม่ได้เป็นความขัดแย้งรุนแรง

“จุติ” อัดคนขายความในเพื่อนไม่คบ

นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีอดีต ส.ส.พรรคตอบโต้กันดุเดือดเรื่องการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคผ่านไลน์ ส.ส.พรรคว่า พรรคเป็นประชาธิปไตยในการแสดงความคิดเห็น แต่คนที่เอาข้อความไปส่งให้สื่อไม่ควรทำ ไม่เหมาะสม ควรใช้วิจารณญาณ ไม่รู้ว่าเป็นใคร เชื่อว่าเพื่อนไม่อยากคบคนที่มีพฤติกรรมประเภทนี้ ได้เตือนไปแล้วว่าให้ระมัดระวังเรื่องภายใน อีกหน่อยถ้าไม่สามารถแสดงความเห็นโดยสุจริตได้ คนจะเลิกแสดงความคิดเห็นกัน การเสนอความเห็นไม่ผิด แต่ไม่ควรเอาไปเผยแพร่ภายนอก ภายในพรรคพูดกันได้เต็มที่ ใครมีเหตุผลเหนือกว่าถือว่าชนะ คนภายนอกไม่เข้าใจวัฒนธรรมของพรรคอาจคิดว่าทะเลาะกัน การเถียงกันภายในอย่างสุดขั้วเป็นปกติของพรรค กรณีพรรคจะตัดสินใจบอยคอตการเลือกตั้ง ในพรรคเถียงกันยิ่งกว่านี้อีก ไม่มีใครสั่งใครได้และเชื่อใจซึ่งกันและกัน แต่คนที่เอาความในไปขายภายนอกน่าประณาม อย่าไปมองว่าพรรคประชาธิปัตย์มีหลายกลุ่ม มีกลุ่มเดียวแต่มีหลายความคิด บางทีเถียงกันหน้าดำหน้าแดง ตกผลึกแล้วก็จบ

พท.ประชุมใหญ่ไร้เงา “สมชาย”

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย ได้มีการประชุมใหญ่ของพรรค เพื่อพิจารณาและลงมติข้อบังคับพรรค โดยมีแกนนำพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรค คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรค ขณะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ ไม่ได้เข้าร่วมด้วยเช่นเดิม ส่วนนายปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการรองหัวหน้าพรรค ที่มีข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะย้ายไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ได้มาเข้าร่วมประชุมกับพรรคเพื่อกลบกระแสดังกล่าว

เฟ้นหัวหน้าพรรคเน้นคนในก่อน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวก่อนการประชุมว่า จะสอบถามในที่ประชุมอย่างเป็นทางการ หากใครสนใจสมัครหรือจะเสนอชื่อใครเป็นหัวหน้าพรรคเสนอมาได้ กระบวนการสรรหาหัวหน้าพรรคจะเกิดขึ้นจริงจังจนกว่าจะถึงวันที่ 28 ต.ค. ที่จะประชุมใหญ่อีกครั้ง เพื่อเลือกคณะกรรมการและหัวหน้าพรรค จะเป็นคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยังไม่มีข้อสรุป คุณหญิงสุดารัตน์เพิ่งสมัครเป็นสมาชิกพรรค นายสมชายยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ หากมีสมาชิกเสนอชื่อทั้งสองคนมีสิทธิจะเป็นแคนดิเดตได้ทั้งคู่ ผู้เป็นหัวหน้าพรรคต้องเป็นแกนนำของพรรคด้วย ส่วนที่มีกระแสข่าวว่านายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยจะมานั่งหัวหน้าพรรค ส่วนตัวเป็นพี่น้องกัน มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่ยังไม่มีการอาสาตัวเข้ามาอย่างชัดเจน ไม่จำเป็นต้องเป็นคนนามสกุลชินวัตร แต่ผู้มาเป็นหัวหน้าพรรคจะพิจารณาจากคนในก่อน และต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นของพรรค จะเป็นคนนอกหรือคนใน ยืนยันว่าต้องเป็นคนที่มีอุดมการณ์เหมือนพรรคเพื่อไทย ส่วน 3 รายชื่อที่จะเสนอเป็นนายกฯยังไม่ถึงเวลาคุยกัน เมื่อมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งจะเสนอ 3 รายชื่อแน่นอน

โบ้ยฮั้ว “เพื่อธรรม” ไม่เกี่ยวข้องกัน

ต่อมาเวลา 12.00 น. นายภูมิธรรมแถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติผ่านข้อบังคับพรรค และมีคำประกาศอุดมการณ์ของพรรคที่สมาชิกเห็นพ้องต้องกัน ได้รับการรับรองแล้ว 9 ข้อ และที่ประชุมมีมติให้คณะกรรมการบริหารพรรคชุดเดิมรักษาการไปก่อนจนถึงวันที่ 28 ต.ค. จึงจะเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เมื่อถามว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การมีใบสั่งเลือกหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯ นายภูมิธรรมตอบว่า เราห้ามเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ แต่กระบวนการเป็นไปตามกติกา ส่วนที่มีคนมองว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคเพื่อธรรมเป็นพรรคพี่พรรคน้องกัน เลือกนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตรองนายกฯและอดีต ส.ส.พรรคพลังประชาชน เป็นหัวหน้าพรรค พรรคเพื่อธรรมนั้นตั้งแต่แรก คาดการณ์ว่าจะมีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯไปเป็นหัวหน้าพรรค แต่กลับมีความเปลี่ยนแปลง แต่พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อธรรมเป็นพรรคเพื่อธรรม คนละพรรคกัน ดำเนินการคนละส่วน มีบางส่วนออกจากเราไปบ้าง มีมาอยู่กับเราบ้างเป็นธรรมดา ตอนนี้เห็นชื่ออดีต ส.ส.วนเวียนแทบทุกพรรค ยังฝุ่นตลบอยู่ เมื่อมีความชัดเจนเป็นสิทธิแต่ละคนจะตัดสินใจ

“ป๋าเหนาะ” เสียใจหลานซบ พปชร.

นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีนายฐานิสร์และนางตรีนุช เทียนทอง หลานชายและหลานสาว ลาออกจากพรรคเพื่อไทยว่า เสียใจที่นายฐานิสร์และนางตรีนุชลาออกไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ หลานทั้ง 2 คน ไม่ได้มาปรึกษา เพียงแค่แจ้งให้ทราบ อย่างไรก็ตามได้เตรียมผู้สมัครลงชิงตำแหน่ง ส.ส.สระแก้วแล้ว มั่นใจจะได้ 3 ที่นั่งกลับมาเหมือนเดิมได้ “ณัฐวุฒิ-ชาญชัย” ย้ายเข้าใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ อดีตรองเลขาธิการพรรคชาติไทย อดีต ส.ส.สุพรรณบุรี และเป็นหนึ่งในทีมกฎหมายคนสำคัญของพรรคชาติไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) และนายชาญชัย ประเสริฐสุวรรณ อดีต ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ได้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยและได้เข้าร่วมประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทยด้วย

“สามมิตร” ปัดข่าวลือชิ่งหนี พปชร.

วันเดียวกัน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร กล่าวถึงกระแสข่าวกลุ่มสามมิตรอาจไม่สังกัดพรรคพลังประชารัฐแล้วว่า รู้สึกงงกับกระแสข่าวดังกล่าว กลุ่มสามมิตรมีสมาชิกมาก การออกมาให้ความเห็นจึงไม่สามารถระบุได้ว่าใครพูด แต่ยืนยันว่าข่าวที่ออกมาไม่เป็นความจริง ขอให้รอสัปดาห์หน้าจากปากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามิตร จะแถลงความชัดเจนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ส่วนการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของกลุ่ม มีนักการเมืองท้องถิ่นสนใจมาร่วมงานจำนวนมาก จึงต้องพิจารณาคนที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด สมาชิกกลุ่มสามมิตรที่เป็นอดีต ส.ส.ล้วนเป็นดาวฤกษ์ที่มีแสงสว่างในตัวเองและพรรคพลังประชารัฐยังคงเป็นพรรคที่กลุ่มสาม-มิตรมองเป็นตัวเลือกแรก

เด็ก ชพน.ยันไม่คิดตีจาก

นายประสาท ตันประเสริฐ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) กล่าวถึงกระแสข่าวการย้ายพรรคของอดีต ส.ส.ว่าเป็นเรื่องปกติที่อดีต ส.ส.จำนวนหนึ่งจะย้ายพรรคก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ด้วยเหตุผลแตกต่างกันไปของแต่ละคน ตนถูกทาบทามให้ย้ายไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่น แต่ได้บอกกับผู้ที่มาประสานว่า ยินดีไปร่วมงานด้วย แต่ขออย่างเดียวให้ไปขอหัวหน้าพรรคของตน ถ้าท่านอนุญาตก็ยินดีไป แต่ไม่เห็นเขาติดต่อกลับมาอีกเลย ส่วนตัวแล้วไม่เคยมีความคิดที่จะย้ายพรรค และอดีต ส.ส.ของพรรคชาติพัฒนา ยืนยันว่าอยู่กันครบ ไม่มีไปไหนทั้งสิ้น หลังจากประชุมใหญ่พรรควันที่ 5 ต.ค. พรรคจะเปิดรับสมัครสมาชิกรวมทั้งตั้งสาขาให้ครบทั้ง 4 ภาคต่อไป

“เพื่อคนไทย” ฟุ้งคนอกหักรุมตอม

นายณจน์ศกร ทรัพยสิทธิ์ เลขาธิการพรรคเพื่อคนไทย กล่าวถึงการเตรียมพร้อมเลือกตั้งที่จะมีขึ้นตามโรดแม็ปว่า หลังจากเลือกคณะกรรมการ บริหารพรรค มีนายวิทยา อินาลา เป็นหัวหน้าพรรค ถือเป็นพรรคของคนอีสานในรอบ 80 ปีอย่างแท้จริง หลังจากที่หลายพรรคเคลื่อนไหวทางการเมือง มีกลุ่มสามมิตรเดินสายใช้พลังดูดหาสมาชิกและผู้สมัคร ส.ส. โดยเฉพาะภาคอีสานตอนบน ต่อมามีการประกาศเปิดตัวผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ทำให้กลุ่มว่าที่ผู้สมัครที่ไม่มีชื่ออกหักหลายคนไม่มีพรรคสังกัด จึงติดต่อขอเข้ามาเป็นเป็นสมาชิกพรรคเพื่อคนไทยจำนวนมาก ดังนั้น นายวิทยาจึงเตรียมนัดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณารับกลุ่มเพื่อนที่อกหักจากพรรคพลังประชารัฐเข้าเป็นสมาชิกพรรค

“พลพีร์” อวย “อนุทิน” เหมาะนั่งนายกฯ

นายพลพีร์ สุวรรณฉวี สมาชิกพรรคภูมิใจไทย อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อแผ่นดิน เปิดเผยถึงเหตุผลการเข้าร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยว่า เชื่อมั่นในแนวทางของพรรคที่เดินสายกลาง บุคลากรในพรรค ล้วนเป็นคนดีมีคุณภาพและเชื่อว่าไม่กระทบกับคะแนนนิยม เพราะมีคะแนนส่วนตัวอยู่แล้ว ขณะเดียวกันยังเชื่อมั่นในตัวนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภูมิใจไทย โดยเฉพาะความสามารถในการบริหารงาน เพราะประสบความสำเร็จในงานธุรกิจ เชื่อว่างานการเมืองท่านจะได้รับการยอมรับ นายอนุทินเป็นตัวเลือกที่ดีในการเป็นผู้นำรัฐบาล มีความเหมาะสมในการเป็นนายกรัฐมนตรี มีทั้งความรู้ความสามารถ และแนวคิดที่จะก้าวข้ามปัญหา วันนี้ ประเทศต้องการทีมที่มีความเป็นมืออาชีพ พร้อมทำงานจริง และพรรคภูมิใจไทย มีคุณสมบัติที่ครบถ้วน

“ชัช เตาปูน” ขับเคลื่อนพลังท้องถิ่นไท

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่โรงแรมเดอะเซนต์ รีจิส พรรคพลังท้องถิ่นไท ทำกิจกรรมเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ มีนักการเมือง ผู้นำท้องถิ่นและประชาชนทั่วไปยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกพรรค อาทิ นายชัชวาลย์ คงอุดม อดีต ส.ว.กทม. นายชื่นชอบ คงอุดม อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ นายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) รวมถึงนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ “ฟิล์ม-รัฐภูมิ” นักร้องชื่อดังได้มายื่นใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคด้วย โดยนายชัชวาลย์ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคพลังท้องถิ่นไทตั้งมาตั้งแต่ปี 2556 เน้นทำงานเพื่อพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญ พร้อมทำงานร่วมกับทุกพรรค ตั้งเป้าหมายได้ ส.ส.มากกว่า 10 ที่นั่ง และจะเสนอชื่อบุคคลในพรรคเป็นนายกฯ ส่วนจะสนับสนุนพรรคพลัง-ประชารัฐ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ อีกรอบหรือไม่นั้น ยืนยันว่าทำงานร่วมได้กับทุกพรรค

ส่งฟิล์ม-รัฐภูมิ ชิมลางสนาม กทม.

ขณะที่ “ฟิลม์” รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ กล่าวว่ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรค และพร้อมทำงานการเมือง แต่จะลงสมัครเลือกตั้งพื้นที่ใด ขึ้นอยู่กับที่ประชุมพรรค ส่วนตัวสนใจการเมืองมานานจากประสบการณ์ในวงการแสดงได้เดินทางพบปะคนมากมายพบว่าคนยังยากจน มีความเหลื่อมล้ำ จึงอยากมาช่วยแก้ปัญหา ที่ผ่านมาถูกเชิญให้ไปฟังนโยบายหลายพรรค แต่ถูกใจพรรคนี้ที่สุด เพราะเน้นนโยบายท้องถิ่น ให้ประชาชนอยู่ดีกินดี เชื่อว่าการตอบโจทย์การพัฒนาประเทศคือการทำงานระดับท้องถิ่น ไม่กลัวเปลืองตัวเพราะเชื่อในพลังคนรุ่นใหม่ที่จะมีส่วนร่วมทางการเมือง ขอเชิญชวนคนรุ่นใหม่อย่ากลัวการเมือง ให้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองเพื่อพัฒนาประเทศ

นายชื่นชอบ คงอุดม อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคพลังท้องถิ่นไทจะประชุม ใหญ่ วันที่ 3 พ.ย. ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีเพื่อเลือกตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค เน้นชูคนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง ขับเคลื่อนพัฒนาท้องถิ่นและความเสมอภาค ได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์กันด้วยดี พร้อมลงสมัครเลือกตั้งใน กทม.มั่นใจสู้ได้แน่นอน ส่วนฟิล์ม-รัฐภูมิ พรรคจะส่งลงสมัคร ส.ส.กทม. แต่ยังไม่ได้พิจารณาเป็นเขตใด

สนช.นัดถก ก.ม.ท้องถิ่น 6 ฉบับ

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า ในการประชุม สนช. วันที่ 4 ต.ค. จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ. 12 ฉบับ อาทิ ร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการปกครองส่วนท้องถิ่น 6 ฉบับ ในวาระรับหลักการ โดยจะเปิดโอกาสให้สมาชิก สนช.อภิปรายไปในคราวเดียวกัน แต่จะลงมติแยกเป็นรายฉบับ จากนั้นจะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาแบ่งเป็น 3 คณะ ได้แก่ คณะที่ 1 พิจารณาร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น คณะที่ 2 พิจารณาร่าง พ.ร.บ. เกี่ยวกับระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครและร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา คณะที่ 3 พิจารณาร่าง พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล ร่าง พ.ร.บ.เทศบาล และร่าง พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด จะพิจารณาให้แล้วเสร็จได้ภายใน 60 วัน ส่วนที่สมาชิก สนช.ลาออกจากตำแหน่งอีก 2 คน ทำให้เหลือ สนช. 243 คน จะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานในภาพรวม