สุดเอาเปรียบ ไม่รู้สึกละอาย ติงไม่ใช้อำนาจ เอื้อพวกพ้อง!

พรรคการเมืองถล่ม 4 รมต.แกนนำ “พลังประชารัฐ” โวยอย่าใช้ตำแหน่งเอื้อพวกพ้องไล่ไขก๊อกทิ้งเก้าอี้ รมต. “ชวลิต” ฉะไม่ละอายเอาเปรียบที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย “อ๋อย” เฉ่งเลิกชกข้างเดียว หยุดใช้ ม.44-เทงบฯหลวง-โยกย้าย ขรก. “สมคิด” ซัดใช้อำนาจพิเศษเกินขอบเขต เหน็บขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ เหลาลงไปกลายเป็นบ้อง กัญชา “องอาจ” ดักคอใช้อำนาจปูทางเครือข่ายโกยคะแนน “กอบศักดิ์” บอกอย่าห่วงใช้ทรัพยากรรัฐ ปัดโผผู้สมัคร ส.ส.ปลอมปลิวว่อน “วิษณุ” แจง 3 ข้อห้าม รมต.มีสังกัด “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” รั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค “เพื่อธรรม” ปัดวุ่นแตกตัวรองรับ พท.ถูกยุบ ปชป.แบ่งสมาชิก 3 กลุ่มโหวตผ่านแอปฯและจัดหน่วยเก็บตกหล่น 8 ต.ค. ดีเดย์เปิดรับสมัคร 11 พ.ย. ได้หัวหน้าคนใหม่ “วรงค์” อ้อนขอเสียงชาวสงขลา ขายฝันไกลนั่งเก้าอี้นายกฯ

หลังจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยมีรัฐมนตรี 4 คน เข้าร่วมเป็นกรรมการบริหารพรรค เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากพรรคต่างๆดังตามมาไม่ขาดสาย ระบุถือเป็นหลักฐานความชัดเจนในการสืบทอดอำนาจให้รัฐบาล คสช. โดยได้เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.และรัฐมนตรีทั้ง 4 คน ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อการแข่งขันทางการเมืองอย่างเป็นธรรม

...

พท.โวยเลือกตั้งส่อไม่เป็นธรรม

เมื่อวันที่ 30 ก.ย. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐเปิดตัว 4 รัฐมนตรีในรัฐบาล เป็นกำลังหลักผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.กลับมาเป็นนายกฯอีกรอบว่าข่าวลือเปิดทำเนียบรัฐบาลเป็นที่ทำการพรรคการเมือง อาจเป็นข่าวจริงหรือไม่ 4-5 เดือน ที่ผ่านมาคนในรัฐบาลปฏิเสธมาตลอด แต่วันนี้เปิดตัวชัดไม่เหนียมอาย การแข่งขันที่กรรมการมีส่วนได้เสียเป็นทั้งนักกีฬาและผู้รักษากฎกติกาในเวลาเดียวกัน จะได้การเลือกตั้งที่เป็นธรรมได้อย่างไร 5-6 เดือนจากนี้ไปประชาชนน่าจะได้เห็นอะไรมากกว่านี้ เสียงเรียกร้องจากทั่วสารทิศที่เรียกร้องให้ผู้มีอำนาจเสียสละถอยออกมา เพราะเมื่อตัดสินใจเป็นผู้เล่น ไม่ควรถืออำนาจเบ็ดเสร็จเหนือกรรมการ อาจ ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรมหรือไม่

แซะแกนนำ พปชร.ไขก๊อก รมต.

นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นไปตามคาดหมาย ข้อดีคือแสดงตัวชัดเจนต่อสู้กันตามกติกา ประชาชนจะได้ไม่สับสน แต่ข้อเสียมีข้อกังวลว่ายังมีตำแหน่งในรัฐบาล มีอำนาจโยกย้ายข้าราชการ พิจารณางบประมาณ มีอำนาจใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของรัฐได้ จะวางตัวอย่างไรไม่ให้ถูกมองว่าเอาเปรียบพรรคอื่น เพื่อความ สง่างามในการต่อสู้ทางการเมือง ผู้นำพรรคเหล่านี้ลาออกจากตำแหน่งน่าจะดีกว่า แต่ไม่สามารถเรียกร้องหรือบังคับอะไรได้ เนื่องจากกฎหมายไม่ได้ห้ามไว้ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณแต่ละคน ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.จะประกาศสนับสนุนพรรคใดเมื่อไหร่นั้น หากประกาศเร็วก็ดี ทุกอย่างจะได้ชัดเจน แต่เชื่อว่าจะยังไม่ประกาศอะไรเร็วๆนี้ เพราะกลัวเสียงวิพากษ์วิจารณ์

ไม่อายเอาเปรียบสุดในประวัติศาสตร์

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า 4 รัฐมนตรีไปเปิดตัวดำรงตำแหน่งในพรรคพลังประชารัฐไม่แปลก แต่ที่แปลกประหลาดคือการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังอยู่ในตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี โดยมีอำนาจพิเศษมาตรา 44 ควบคุมประเทศ จนกว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะแล้วเสร็จ ถือเป็นการเลือกตั้งที่เอาเปรียบกันสุดๆในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ขณะนี้เลิกหวังสปิริตจากรัฐบาลนี้ พฤติกรรมฟ้องประชาชนและชาวโลกโจ่งแจ้งว่าไม่รู้สึกละอายใดๆต่อการเอาเปรียบทางการเมือง เนติ–บริกรหาช่องว่างทางกฎหมายคอยแก้ตัวให้ข้างๆคูๆ เอาสีข้างเข้าถูไปวันๆ จึงหวังประชาชนจะสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยให้ชนะถล่มทลาย เมื่อการเลือกตั้งมาถึง คนไทยสัมผัสความจริงมา 4 ปี สภาพเศรษฐกิจเป็นอย่างไร คงไม่มีใครอยากลำบากมากกว่านี้อีกแล้ว

บี้เลิกชกข้างเดียวพักใช้ ม.44-เทงบฯ

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า รู้กันล่วงหน้ามานานแล้ว มีคนพบเห็นอยู่เป็นประจำหารือเตรียมตั้งพรรค การเมืองกันในทำเนียบรัฐบาล แต่เมื่อมี 4 รัฐมนตรีคนสำคัญไปตั้งพรรคการเมืองอย่างนี้แล้ว ควรทำตัวเป็นรัฐบาลรักษาการ เช่น หยุดใช้งบประมาณ ชะลอการแต่งตั้งโยกย้าย และเมื่อนายกฯพูดจนเป็นที่เข้าใจแล้วว่าจะแข่งเป็นนายกฯต่อ ต้องเลิกใช้อำนาจมาตรา 44 เพราะอาจให้คุณให้โทษกับการเลือกตั้งได้ ปล่อยเป็นหน้าที่ กกต.และต้องปลดล็อกทันที ไม่ใช่ปิดปากพรรคการเมือง แต่เปิดโอกาสรัฐมนตรีหาเสียงได้ตลอดเวลา เอาเปรียบกันตั้งแต่ต้น เพราะนโยบายประชารัฐใช้งบฯรัฐ เชื่อมโยงรัฐบาลกับเอกชนรายใหญ่แจกจ่ายประโยชน์ให้ประชาชน แล้วมาตั้งเป็นชื่อพรรควางแผนล่วงหน้าให้ได้อานิสงส์จากโครงการที่ใช้เงินภาษีประชาชน ไม่ยุติธรรม ไม่นึกว่าจะทำกันอย่างนี้ แต่เมื่อทำอย่างนี้ต้องละอาย จะทำให้การเลือกตั้งน่าเชื่อถือต้องมีความเสรีเป็นธรรม ไม่ใช่ทำการเลือกตั้งแบบชกข้างเดียว

เย้ย “บิ๊กตู่” ลำไม้ไผ่ลงท้ายบ้องกัญชา

นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเปิดตัวพรรคพลังประชารัฐว่าชัดเจนดี ไม่ต้องเสียเวลาแอบหลบซ่อนให้ยุ่งยาก ให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะสนับสนุนรัฐบาลที่คิดสืบทอดอำนาจหรือไม่ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาบริหารเพื่อแก้ไขความขัดแย้ง แต่กลับมาสร้างเงื่อนไขทางการเมืองมากมาย อาทิ การเขียนรัฐธรรมนูญสร้างความได้เปรียบทุกเรื่อง เพื่อต่อยอดอำนาจให้พรรคพวกตัวเอง แม้จะบอกรังเกียจนักการเมือง แต่กลับให้ไพร่พลตามดูดนักการเมืองเข้ามาเป็นฐานรองรับให้ตัวเอง บางคนเป็นอดีต ส.ส. เป็นนายก อบจ.ที่โดนมาตรา 44 บางคนถูกปลดใช้มาตรา 44 ให้ไปทำงานต่อ สารพัดจะใช้อำนาจจนหาขอบเขตไม่ได้ แบบนี้เรียกว่า ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชาหรือไม่

หลักฐานชัดยึดอำนาจแบ่งบทกันเล่น

ด้านนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ กล่าวว่าการเปิดตัวพรรคมีรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคและกรรมการบริหารพรรค อดีตแกนนำ กปปส.เป็นรองหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค เป็นหลักฐานชัดเจนว่าการยึดอำนาจของ คสช.แบ่งหน้าที่กันทำ สร้างสถานการณ์ความวุ่นวายเป็นเงื่อนไขเปิดทางให้ทหารยึดอำนาจ วันนี้ทำทุกอย่างตามแผนเพื่อสืบทอดอำนาจ เช่น กำหนดกติกาให้ ส.ว.มีส่วนเลือกนายกฯ วางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ใช้อำนาจ คสช.ออกคำสั่งเอาเปรียบพรรคอื่นไม่ให้หาเสียงได้ คนที่ร่วมอยู่ในแผนการมาอยู่ในพรรคที่จะสืบทอดอำนาจเผด็จการต่อ เป็นการต่อสู้ที่ชัดเจนระหว่างฝ่ายเผด็จการและฝ่ายประชาธิปไตย 4 ปีที่ผ่านมาประชาชนคงรู้ดีว่าเลือกแบบไหนดีกว่ากัน เมื่อพรรคพลังประชารัฐเปิดตัวแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ควรเปิดตัวลงมานำพรรคด้วยตัวเอง ผลสำรวจความคิดเห็นสำนักต่างๆ พล.อ.ประยุทธ์มีคะแนนนำ ไม่ควรแอบอยู่ข้างหลังอีกแล้ว

“สมพงษ์” รั้งเก้าอี้ หน.เพื่อธรรม

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่โรงแรมเชียงใหม่ออร์คิด จ.เชียงใหม่ พล.ต.ต.จรัญ ชิตะปัญญา รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อธรรม เป็นประธานการประชุมใหญ่สามัญพรรคเพื่อธรรมประจำปี 2561 มีกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคเข้าร่วมประชุมคึกคัก โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตรองนายกฯ เข้าร่วมประชุม มีเจ้าหน้าที่ กกต.ร่วมสังเกตการณ์การประชุมกว่า 3 ชั่วโมง โดยนายสมพงษ์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเลือกตนเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อธรรม กรรมการบริหารพรรคที่สำคัญ อาทิ นางนลินี ทวีสิน อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ เป็นรองหัวหน้าพรรค นายพงศกร อรรณนพพร อดีต รมช.ศึกษาธิการ เป็นเลขาธิการพรรค พรรคเพื่อธรรมพร้อมลงเลือกตั้ง ตนเป็นผู้แทน จ.เชียงใหม่ มา 30 ปี เพื่อนที่รู้จักมาร่วมงานกัน เชื่อว่าทุกคนมีความพร้อม จะพยายามส่งผู้สมัครให้ครบทั้ง 350 เขต แต่ไม่มีการดูดใครเข้าร่วมพรรค และยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะได้ ส.ส.กี่ที่นั่ง ยืนยันว่าใน จ.เชียงใหม่จะได้ ส.ส.มากพอสมควร พรรคเพื่อไทยทำงานไป พรรคเพื่อธรรมก็ทำงานกับคนร่วมอุดมการณ์เหมือนกัน แต่แน่นอนว่าไม่เอาเผด็จการและเอาประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ออกตัวไม่ใช่พรรคสำรอง พท.

เมื่อถามว่า มีการมองว่าพรรคเพื่อธรรมคือพรรคสำรองของพรรคเพื่อไทย หากถูกยุบพรรค นายสมพงษ์ กล่าวว่าพรรคเพื่อธรรมไม่เป็นพรรคสำรองใคร แต่ยินดีต้อนรับหากมีแนวทางตรงกัน ยอมรับว่าขณะนี้มีการทาบทามอดีต ส.ส.และผู้หลักผู้ใหญ่บางคนให้มาทำงานร่วมกับพรรค แต่คงไม่ใช่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ เพราะยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่ เรื่องนี้เป็นเพียงข่าวของสื่อมวลชน นายสมชายไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับพรรคเพื่อธรรม อีกทั้งนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยานายสมชาย เลิกเล่นการเมืองแล้วจึงไม่เกี่ยว เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวสมาชิกพรรคเพื่อไทยกังวลว่าพรรคเพื่อไทยจะถูกยุบและตั้งพรรคสำรองไว้แล้ว นายสมพงษ์กล่าวว่าไม่ทราบ ถ้าหากสมาชิกพรรคเพื่อไทยกลัวจะถูกยุบก็มาอยู่พรรคเพื่อธรรมได้ และพรรคเพื่อธรรมเป็นพันธมิตรกับพรรคเพื่อไทยได้ หากอุดมการณ์และแนวทางตรงกัน อุดมการณ์พรรคเพื่อธรรมไม่เอาเผด็จการและยึดมั่นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ปชป.ดักคออย่าใช้อำนาจเอื้อพวก

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเปิดตัว 4 รัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐว่าเป็นเรื่องไม่เกินความคาดหมายเพราะทั้งหมดใกล้ชิดกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเคลื่อนไหวสอดคล้องกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. เป็นที่รับรู้โดยทั่วไปว่า การตั้งพรรคนี้เพื่อรองรับการทำงานการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะมีการปฏิเสธเรื่องนี้ แต่สังคมและวิญญูชนสัมผัสได้ สิ่งที่เป็นห่วงคือรัฐมนตรีทั้ง 4 คน หรือท่านใดที่ยังอยู่ในรัฐบาล ถึงระมัดระวังการใช้อำนาจหน้าที่ในรัฐบาลไปใช้ประโยชน์ทางการเมือง เพื่อปูทางไปสู่การหาคะแนนนิยมให้ตัวเองและพวกพ้อง เพราะใกล้จะเลือกตั้งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศไทย ต้องทำให้การเลือกตั้งได้รับการยอมรับจากสังคมทุกภาคส่วน การใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้องโดยมิชอบ การใช้อำนาจแทรกแซงการทำงานองค์กรอิสระ หรือแสวงหาความนิยมรูปแบบต่างๆผ่านเครือข่ายข้าราชการ จะส่งผลให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในการเลือกตั้ง สร้างความเสียหายให้บ้านเมือง จะทำให้ผลการเลือกตั้งไม่เป็นที่ยอมรับ

เด็ก ปชป.ไหลรวมไม่กระทบมีตัวแทน

นายองอาจกล่าวอีกว่า ส่วนที่มีคนของพรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐด้วยนั้น ทุกคนมีความรู้ความสามารถ ทำประโยชน์ให้สังคมได้ จึงเสียดายที่ไม่ได้ทำงานร่วมกับประชาธิปัตย์ต่อ แต่การตัดสินใจการเมืองเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล ขออวยพรให้โชคดี แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งใน กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ที่พร้อมเข้ามาทำงานการเมืองในนามพรรคประชาธิปัตย์จำนวนมาก เชื่อว่าจะเป็นตัวตายตัวแทนคนที่ออกจากพรรคไป เพราะเป็นผู้มีวุฒิภาวะ มีความรู้ความสามารถ ประสบความสำเร็จในชีวิตมาระดับหนึ่ง พร้อมร่วมอุดมการณ์กับพรรค หากเปรียบเทียบอดีต ส.ส.ที่ออกไปกับอดีต ส.ส.ที่มีทั้งหมดเป็นส่วนน้อย แต่ ส.ส.ส่วนมากยังร่วมงานกับประชาธิปัตย์ต่อไป

สับหมกเม็ดโละ ส.ข.ตัดตอนตรวจสอบ

นายองอาจยังกล่าวถึงร่างระเบียบบริหารราชการ กทม.ฉบับที่ พ.ศ. ... ร่วมร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับท้องถิ่น 5 ฉบับกำลังเข้าสู่ สนช.สัปดาห์นี้ว่ามีปัญหาคือร่าง พ.ร.บ.บริหารราชการ กทม.มาตราสุดท้ายระบุให้ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการ กทม.ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศโดยเร็ว ระหว่างนี้ยังไม่ให้บังคับใช้มาตรา 71-80 เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ส.ข. ขุดหลุมพรางตบตาคนให้เข้าใจผิดว่ายังมี ส.ข.อยู่ แต่ยังไม่มีการเลือกตั้ง เขียนกฎหมายซ่อนเงื่อนปมเช่นนี้ ลดอำนาจประชาชนลง ไม่มีสิทธิเลือกผู้แทนท้องถิ่นที่ใกล้ชิดที่สุด ไม่มีผู้แทนร่วมพัฒนาเขต พยายามแต่งตั้งกลุ่มคณะบุคคลเรียกว่าประชาคมเขตจากการแต่งตั้งของ ผอ.เขต และทำให้ไม่มีผู้แทนประชาชนตรวจสอบผู้บริหารเขต จะแสวงประโยชน์โดยง่าย จึงขอให้รัฐบาลทบทวน ให้เลือกตั้ง ส.ข.ที่มีมา 28 ปีแล้ว ถ้าจะยกเลิกไม่ให้มี ส.ข.เพราะเป็นหัวคะแนน ต้องยกเลิกการเลือกตั้งท้องถิ่นทั้งหมด คงเพราะเป็นเสี้ยนหนามตำเท้าของข้าราชการที่ประพฤติมิชอบ ไม่อยากให้มีผู้แทนประชาชนมาตรวจสอบ เริ่มต้นจาก ส.ข. ต่อไปอาจขยายผลไปเรื่อยๆ

“กอบศักดิ์” โต้โผผู้สมัคร ส.ส.ปลอม

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเรียกร้องให้ 4 รัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง ไม่ให้เกิดการเอาเปรียบ หลังจากประกาศตัวร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐว่ายืนยันตามที่นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม หัวหน้าพรรค ประกาศไว้ว่า เมื่อถึงเวลาเหมาะสมจะสวมหมวกใบเดียวคือพลังประชารัฐ ที่เกรงว่า 4 รัฐมนตรีของพรรคจะใช้อำนาจเอาเปรียบคู่แข่งทางการเมือง ยืนยันว่าจะไม่มีการใช้เวลา รวมถึงการใช้ทรัพยากรต่างๆของรัฐไปเอาเปรียบพรรคอื่น มั่นใจว่าจะทำให้โปร่งใสและตรวจสอบได้ เมื่อถามว่ามีรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคภาคต่างๆ ปรากฏเป็นข่าวขณะนี้ นายกอบศักดิ์ ตอบว่ารายชื่อที่ปรากฏออกมาไม่เป็นความจริง พรรคเพิ่งจัดตั้งได้เพียง 1 วันเท่านั้น ต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ตามกฎหมายกำหนดอีก ยังมีเวลาอีกมากในการคัดสรรผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค

“วิษณุ” แจง 3 ข้อห้าม รมต.มีสังกัด

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีหลายฝ่ายกังวลว่า 4 รัฐมนตรีสังกัดพรรคพลังประชารัฐ จะใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้พรรคตัวเองว่า ถ้าเป็นในเวลาราชการแล้วจะไปทำเรื่องเกี่ยวกับพรรคการเมืองขอให้ลาไป เพราะการเอาเวลาราชการไปทำงานเกี่ยวกับพรรคหรือกิจกรรมการเมืองไม่ควรโจ่งแจ้ง หรือน่าเกลียด ต้องระมัดระวัง อย่าเอาเวลาราชการเพื่อไปใช้ประโยชน์ของพรรคการเมือง ส่วนนอกเวลาราชการหรือวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ทำได้ ในอดีตไม่มีปัญหาอะไร มีหลายครั้งที่รัฐบาลยุบสภา แล้วมีรัฐมนตรีสังกัดพรรคลงไปทำกิจกรรมของพรรคตัวเอง เพียงแต่ต้องอย่าทำ 3 อย่างคือ ใช้เวลาหลวง ทรัพย์สินหลวงและคนของหลวง เพื่อประโยชน์อื่นกับพรรค ตามกฎหมายถือว่าใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ มีกำหนดไว้อยู่ในรัฐธรรมนูญให้ต้องวางตัวเป็นกลาง แต่เชื่อว่ารัฐมนตรีทั้ง 4 คนแยกแยะได้ ส่วนต้องลาออกจากรัฐมนตรีหรือไม่ ทั้ง 4 คนคงคิดพิจารณากันไว้แล้ว

ชาวบ้านหวั่น ลต.ปี 62 โกง-ไร้โปร่งใส

วันเดียวกัน สวนดุสิตโพลเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน 1,085 คน เมื่อวันที่ 26-29 ก.ย. หลังมีข่าวเลือกตั้ง ส.ส.ต้นปี 62 พบว่าร้อยละ 43 หวังว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นจริง เปรียบเทียบการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมีต้นปี 62 กับการเลือกตั้งที่ผ่านมา ร้อยละ 51.15 คิดว่าแข่งขันพอๆกัน ร้อยละ 28.48 รุนแรงมากกว่าที่ผ่านมา ร้อยละ 20.37 รุนแรงน้อยกว่า ร้อยละ 41.03 กังวลความไม่โปร่งใส ไม่เป็นกลาง การทุจริต ซื้อเสียง โกงเลือกตั้ง ร้อยละ 33.79 ความขัดแย้ง สร้างสถานการณ์วุ่นวาย ร้อยละ 53.40 ประชาชนอยากเห็นการแข่งขันบริสุทธิ์ ยุติธรรม ร้อยละ 57.40 ไม่อยากเห็นการทุจริต ซื้อเสียง โกงการเลือกตั้ง

งดจัดเบิร์ธเดย์ 81 ปี “กำนันเป๊าะ”

ที่ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 30 ก.ย. ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 81 ปี ของนายสมชาย คุณปลื้มหรือกำนันเป๊าะ ผู้สื่อข่าวรายงานจากบ้านแสนสุข เลขที่ 3 ซอย 8 ถนนบางแสนล่าง ต.แสนสุข อ.เมืองชลบุรี บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา ไม่มีการจัดงานเหมือนเช่นทุกปี และปีนี้ยังงดเปิดบ้านอวยพรวันเกิด เพราะไม่อยากให้ใครรบกวน เนื่องจากกำนันเป๊าะยังต้องพักรักษาอาการป่วย ในบ้านมีเพียงคนสนิทคอยดูแลบ้านอยู่เท่านั้น ขณะที่นางสติล คุณปลื้ม ภรรยากำนันเป๊าะ พร้อมด้วยนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ลูกชายคนโต นายวิทยา คุณปลื้ม นายก อบจ.ชลบุรี นายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้ช่วย รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข และครอบครัว ได้ไปทำบุญถวายภัตตาหารพระภิกษุที่วัดท้ายดอน ต.แสนสุข อ.เมืองชลบุรี แทนกำนันเป๊าะ มีญาติและคนใกล้ชิด อาทิ นายสันตศักย์ จรูญ งามพิเชษฐ์ อดีต ส.ส.และอดีต รมช.สาธารณสุข และนายสุรพล เกียรติไชยา อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เดินทางเข้าร่วมด้วย

ปชป.ถกระเบียบหยั่งเสียงชิงหัวหน้า

อีกเรื่อง เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อพิจารณาระเบียบว่าด้วยการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค โดยเปิดโอกาสรับฟังความเห็นของผู้สมัครลงแข่งขันชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศคนที่ 1 และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก ติดลงพื้นที่พบปะสมาชิกและอดีตประธานสาขาพรรคภาคใต้ ได้มอบหมายให้นายสัญญา จันทรัตน์ หลานชายนายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.สงขลา และอดีตแกนนำ กปปส.เป็นตัวแทนเข้าร่วม โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรค ทำหน้าที่ประธานการประชุมแทนหัวหน้าพรรค

เปิดกว้าง 3 แคนดิเดตวางแนวทาง

นายอลงกรณ์ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่าเบื้องต้นนายอภิสิทธิ์เห็นด้วยกับแนวทางของตนเองเคยเสนอคือ 1.ให้สมาชิกพรรคที่ยืนยันตนแล้ว และอดีตสมาชิกพรรค 2.5 ล้านคน มีสิทธิลงคะแนนหยั่งเสียง 2.ผู้สมัครแข่งขันต้องมีการดีเบตแสดงวิสัยทัศน์และแนวนโยบายที่จะบริหารปฏิรูปพรรค 3.เมื่อบุคคลที่ได้คะแนนหยั่งเสียงเป็นลำดับที่ 1 ต้องให้ที่ประชุมใหญ่เห็นชอบเพียงชื่อเดียว ส่วนลำดับที่ 2 และ 3 ให้ถอนตัวจากการพิจารณาของที่ประชุมใหญ่พรรค โดยขณะนี้รอความเห็นจาก นพ.วรงค์ ว่าเห็นด้วยกับแนวทางนี้หรือไม่ ส่วนการกำหนดจำนวนอดีต ส.ส.หรือสมาชิกรับรองการเสนอชื่อ รวมถึง แอปพลิเคชันและจุดเลือกตั้งนั้น รอผลสรุปจากที่ประชุมอีกครั้ง ทั้งนี้ ตนมีแนวโน้มจะตัดสินใจกลับเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และลงสมัครชิงหัวหน้าพรรค แต่ต้องรอความชัดเจนของกติกาก่อน โดยพร้อมยินดีปฏิบัติตามกฎกติกาและกฎหมายทุกอย่าง

เสียงหนุนคนใน 20 ส.ส.-คนนอก 40

กระทั่งเวลา 16.10 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการประชุมว่าที่ประชุมได้เชิญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายอลงกรณ์ พลบุตร และตัวแทนของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่แสดงเจตจำนงลงสมัครตำแหน่งหัวหน้าพรรคมาร่วมประชุมด้วย ทั้งหมดระบุว่าจะยอมรับมติของกรรมการบริหารพรรค แต่นายอลงกรณ์บอกว่าจะตัดสินใจว่าจะลงสมัครหรือไม่ หลังพิจารณาระเบียบการหยั่งเสียงที่ออกมาอีกครั้งมติที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคกำหนดให้ 1.ให้มีการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและประชาธิปไตยภายในพรรค 2.ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งต้องมีเสียงรับรองจากอดีต ส.ส.พรรค 20 คน หรือมีสมาชิกพรรคทั้ง 4 ภาค ภาคละ 500คน รับรอง ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคต้องเพิ่ม 1 เท่าคืออดีต ส.ส. 40 คน สมาชิกภาคละ 1,000 คน

โหวตผ่านแอปฯ-จัดหน่วยรับตกหล่น

นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า 3.ผู้มีสิทธิหยั่งเสียงมี 3 ประเภท คือ 3.1 สมาชิกที่มายืนยันความเป็นสมาชิกกว่า 8.1 หมื่นคน 3.2 สมาชิกที่จะสมัครใหม่ตั้งแต่วันที่ 1-15 ต.ค. และ 3.3 สมาชิกพรรคเดิม 2.5 ล้านคน ส่วนวิธีการลงคะแนน ให้ใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนเป็นหลัก ถ้าไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้ให้ไปใช้สิทธิที่หน่วยเลือกตั้ง ที่จะจัดให้มีอย่างน้อยหนึ่งหน่วยในแต่ละจังหวัด 4.ผู้สมัครแข่งขันหารือและเลือกคนในพรรค เป็นคณะกรรมการควบคุมการหยั่งเสียงการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค หรือ กกต.พรรค 5 คน 5.กำหนดวันการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรครวม 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-5 พ.ย.โดยใช้แอปพลิเคชัน ส่วนผู้ตกหล่นให้ลงคะแนนใช้สิทธิในหน่วยเลือกตั้งที่พรรคจัดให้ในวันที่ 5 พ.ย.และ 6.กำหนดจัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและคณะ กก.บห.พรรคชุดใหม่ในวันที่ 11 พ.ย.61

รับสมัคร 8 ต.ค.ได้ผู้นำใหม่ 11 พ.ย.

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า สำหรับกำหนดเงื่อน เวลารับสมัครผู้สนใจลงแข่งขันเป็นหัวหน้าพรรคในวันที่ 8 ต.ค. จากนั้นวันที่ 9 ต.ค.จะมีการแต่งตั้ง กกต.พรรค กำกับดูแลการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค ควบคู่ไปกับการรับสมาชิกใหม่ ที่จะเปิดรับจนถึงวันที่ 15 ต.ค.และวันที่ 1-5 พ.ย.จะเป็นวันลงคะแนนหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรค โดยระบบอิเล็กทรอนิกส์และเพิ่มให้ลงคะแนนในหน่วยเลือกตั้งวันที่ 5 พ.ย.ด้วย ก่อนจะประชุมใหญ่วันที่ 11 พ.ย.ที่จะได้หัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เมื่อ กกต.รับรองจะเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้

“วรงค์” อ้อนคนสงขลาฝันไกลนั่งนายกฯ

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานนายถาวร เสนเนียม อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีอดีต ส.ส.สงขลา และสตูล ประชาชน ตัวแทนนักศึกษาจำนวนหนึ่งต้อนรับ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก และคณะเดินทางมาขอเสียงสนับสนุนชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีตัวแทนนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) และวิทยาลัยสายอาชีพฯ สะท้อนปัญหาผลผลิตการเกษตรตกต่ำและประมงพื้นบ้านถูกกฎหมายข่มขืน โดย นพ.วรงค์กล่าวตอนหนึ่งว่า อาสาเข้ามากอบกู้พรรคให้เข้มแข็ง ถ้าชนะได้เป็นหัวหน้าพรรค มีโอกาสได้เป็นนายกฯ นายถาวรเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล จะได้ดูแลประชาชนทั่วประเทศทุกด้าน จะเอาปัญหาไปกำหนดนโยบายแก้ไขต้องปราบปรามการทุจริตเด็ดขาด สัญญาว่าพรรคโกงจะไม่ร่วมสังฆกรรม

จากนั้น นพ.วรงค์นำคณะไปพบกลุ่มรับซื้อน้ำยางบ้านคลองหลา อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ที่ศาลาอเนกประสงค์บ้านทอนไม้ไผ่ ม.4 ต.คลอง–หลา แล้วเดินทางไปที่เมืองยาง ในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ รับทราบความก้าวหน้าเมืองยาง และไปเยี่ยมแม่ค้าในตลาดกิมหยง เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ โดยมีแม่ค้า พ่อค้า และประชาชนให้ความสนใจขอถ่ายภาพคู่ พร้อมจับมืออวยพรให้ได้รับชัยชนะ

“จ้อน” โดดร่วมวงพอใจนำร่องปฏิรูป

เมื่อเวลา 18.20 น. นายอลงกรณ์ พลบุตร เปิดเผยหลังทราบมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ว่า พอใจกับผลการประชุมเรื่องการหยั่งเสียงไพรมารีโหวต เพราะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการปฏิรูปพรรคในระดับรากฐานที่ให้สมาชิกเป็นเจ้าของพรรคที่แท้จริง มีส่วนร่วมการเลือกผู้นำพรรคโดยตรง ดังนั้น จึงตัดสินใจลงสมัครเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และยินดีปฏิบัติตามกฎกติกาของการหยั่งเสียงระบบทุกประการ โดยจะเปิดตัววันที่ 8 ต.ค. ก่อนเดินสายหาเสียงทั่วประเทศต่อไป