“เดินหน้าเปลี่ยนแปลงประเทศไทย”
นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เปิดใจผ่าน ทีมข่าวการเมือง หลังที่ประชุมพรรคมีมติเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถึงความตั้งใจนำทัพลงสนามเลือกตั้ง เพื่อฟอร์มตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ
ผมก้าวเข้ามาในจังหวะที่เป็นโอกาสทำงานเพื่อบ้านเมือง
แม้เป็นย่างก้าวที่ไม่เคยทำมาก่อน เพราะไม่ได้เติบโตจากสายการเมือง
แต่จากประสบการณ์หลังจบวิศวกรรมไฟฟ้า ปริญญาโทและปริญญาเอกด้านการบริหารการเงิน เป็นหนึ่งในทีมผู้บริหารสถาบันการเงินเอกชน เป็นอาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษา นั่งเก้าอี้อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก่อนผันตัวเองเป็นที่ปรึกษา รมว.คลัง สมัยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็น รมว.คลัง ในรัฐบาลคุณทักษิณ ชินวัตร
เมื่อมีโอกาสเข้ามาสัมผัสงานการเมือง ลงพื้นที่ช่วงประชุม ครม.สัญจร รับทราบปัญหาของประชาชน และพบปะกลุ่มคนจากหลายภาคส่วนที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองตรงกัน
เป็นที่มาของการรวมกลุ่มตั้งพรรคพลังประชารัฐ
วันนี้ตั้งใจเข้ามาผลักดันนโยบายใหม่และสานงานต่อ เชื่อมั่นว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อประชาชน
...
หลายคนมองว่ากลุ่มผู้บริหารพรรคเป็นนอมินี และตั้งขึ้นมาเพื่อต่อท่ออำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นายอุตตม บอกว่า พรรคพลังประชารัฐเกิดจากการรวมตัวของผู้ที่มีอุดมการณ์ตรงกัน ต้องการเห็นบ้านเมืองเปลี่ยนแปลง
ไม่เป็นพรรครองรับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือพรรคเฉพาะกิจ เราต้องการทำให้เป็นสถาบันการเมือง
วันนี้คนไทยมีทางเลือก ระหว่างเดินบนถนนเส้นเดิมที่คุ้นเคย เป็นการเมืองเก่าๆ
จะได้อะไรแบบเดิมๆ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม
กับกล้าก้าวเดินบนเส้นทางใหม่ กล้าสร้างสิ่งใหม่ๆ
ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนไทยทั้งประเทศ
พลังประชารัฐรับอาสาเข้ามาเป็นสะพานเชื่อมไปสู่ถนนเส้นใหม่ของประเทศ
เรามาวันนี้ต้องการเดินในเส้นทางใหม่ ประโยชน์จะตกสู่ประชาชาชน
ไม่ต้องการย่ำทางเดิม ไม่ต้องการการเมืองแบบเดิมๆ
เส้นทางใหม่ไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ แต่เป็นเส้นทางใหม่ไปสู่จุดหมายให้ประชาชนอยู่ดีกินดี
หลังจากนี้ไปอีก 1 เดือนเมื่อเราเป็นพรรคการเมืองเต็มตัว คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้การรับรอง จะเห็นว่าทุกอย่างที่เราทำและแนวนโยบาย อยากให้รอดูเชิงนโยบายซึ่งจะประกาศต่อสาธารณะ
ไม่มีอะไรบ่งชี้ว่ารับรองใครหรือสืบทอดอำนาจ ในฐานะที่ผมเป็น รมว.อุตสาหกรรม รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นธรรมดาย่อมมีคนมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล ตั้งพรรคขึ้นเพื่อสืบทอดอำนาจทางการเมือง
แต่มันไม่ใช่ ผมเข้ามาในรัฐบาลเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา หลังถูกเชิญชวนให้เข้ามาทำงานเพื่อประเทศ ก็ตัดสินใจบนความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างของชีวิต ทำงานในฐานะรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีตามกฎหมายกำหนด
ทีมข่าวการเมือง ถามว่า มีชื่อของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้คุมพรรคนี้ นายอุตตม บอกว่า ไม่เป็นความจริง ผมรู้จักนายสมคิดตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ
ผ่านมา 25-30 ปี ทำงานร่วมกันตลอด เรียกได้ว่าเป็นทีมเดียวกันก็ได้
ทั้งนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ และเลขาธิการพรรคพลังประชาชน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็รู้จักกัน
ถามว่าก่อตั้งพรรคนี้ขึ้นมาเพื่อท่านสมคิดหรือไม่ ขอตอบว่าไม่ใช่
เรารวมตัวก่อตั้งพรรคเป็นไปตามอุดมการณ์ ความสัมพันธ์กับท่านสมคิดมีอยู่เหมือนเดิมและมีความสัมพันธ์ในฐานะทำงานเพื่อชาติในนามคณะรัฐมนตรี ส่วนในอนาคตท่านจะตัดสินใจมาร่วมงานหรือไม่ เป็นสิทธิของท่าน เราไม่ได้ยึดติด ขอทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่
มีชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเข้าร่วมอุดมการณ์และจะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้งใหญ่ นายอุตตม บอกว่า เราเป็นพรรคการเมืองของประชาชน เปิดประตูรับบุคคลจากทุกสาขาอาชีพ ไม่ได้ปิดกั้น
“เราชัดเจน ไม่ได้ตั้งพรรคเฉพาะกิจรองรับใคร เปิดรับทุกสาขาอาชีพ
เรายังไม่มีแนวคิดหรือติดต่อเชิญนายกฯ คนปัจจุบันมา
การจะตัดสินเสนอชื่อผู้เหมาะสมเป็นนายกฯก็อยู่ที่กระบวนการของพรรค
เป็นธรรมดาเมื่อพรรคนี้ก่อตั้งขึ้น รัฐมนตรีหลายท่านเข้าร่วม ย่อมต้องมีการโยงถึงนายกฯ
เพราะขณะนี้นายกฯเป็นผู้บังคับบัญชาอยู่
วันนี้พวกผมเห็นพ้องต้องกันถึงตั้งพรรค ไม่ใช่เพราะนายกฯบอกให้ตั้งหรือเราว่าจะตั้ง
เป็นธรรมดาย่อมต้องไปเรียนท่านว่า พวกผมสนใจทำพรรค การเมือง ท่านก็ไม่ขัดข้อง”
ขณะนี้หลายฝ่ายกดดันให้ลาออกจาก รมว.อุตสาหกรรม หลังเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายอุตตม บอกว่า เราไม่ยึดติดตำแหน่ง แต่หลายคนยังเป็นรัฐมนตรีอยู่ เพราะอาสาเข้ามาทำงานเพื่อเปลี่ยนผ่านประเทศในทางที่ดีขึ้น ทั้งการสร้างเมือง ยกระดับสิ่งแวดล้อม การสร้างอุตสาหกรรมใหม่
จะทำงานเต็มที่ในช่วงที่ยังไม่ลาออก สังคมสามารถตรวจสอบได้ว่าใช้ทรัพยากรของรัฐในทางที่ถูกหรือไม่
เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม รับรองผมลาออกแน่ ไม่เอาเปรียบใคร
หลังจากนี้จะรับมือแรงเสียดทานทางการเมืองอย่างไร นายอุตตม บอกว่า เป็นธรรมชาติของการเมืองต้องถูกขุดคุ้ย ตรวจสอบ เมื่อตัดสินใจเข้ามาก็พร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านั้น ไม่มีปัญหา
การเมืองสมัยใหม่ต้องพร้อมถูกตรวจสอบ ไม่มีอะไรจะต้องปิดบัง
พรรคนี้ถูกมองว่าเป็นพรรคทหาร กระแสในพื้นที่ต่างๆไม่เอาพรรคทหาร จะชี้แจงอย่างไร นายอุตตม บอกว่า เราไม่เกี่ยวข้องกับพรรคทหาร ขอให้ดูบุคลากรที่มาจากทุกภาคส่วน ไม่ปฏิเสธนักการเมืองเก่า เขาพร้อมเสนอตัวลงสนาม
ไม่เป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ แต่เป็นเส้นทางใหม่ มีคนรุ่นใหม่เข้ามาเสริมทัพและจะทยอยเปิดตัวเรื่อยๆ
มีกระแสข่าวจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ มีบุคคลระดับที่ไม่ธรรมดาจากพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมอุดมการณ์ด้วย นายอุตตม บอกว่า ก่อนจะมีเซอร์ไพรส์ก็ต้องดูว่าคุยแล้วอุดมการณ์ตรงกัน มีใจอาสามาทำถนนเส้นใหม่ด้วยกันหรือไม่
เพื่อรวมพลังประชารัฐเป็นพลังแห่งการปฏิบัติ รับใช้ ประชาชนและประเทศชาติ
โดยผลักดันนโยบายด้านต่างๆนำไปสู่การปฏิบัติ
วันนี้สังคมยังเต็มไปด้วยความขัดแย้ง อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการผลักดัน นโยบายด้านต่างๆให้สำเร็จได้ นายอุตตม บอกว่า ต้องยอมรับความจริงว่าความขัดแย้งลามไปสู่เศรษฐกิจชะงักงัน
เป็นหน้าที่ของพรรคพลังประชารัฐ จะอาสาประสานทุกภาคส่วน
เพื่อรวมพลังก้าวข้ามความขัดแย้งและทำงานให้ประเทศ
มีแนวนโยบายแก้ไขปัญหาปากท้องอย่างไร นายอุตตม บอกว่า ปัญหานี้สำคัญที่สุดอันดับแรก จะต้องแก้ไขปัญหา
ความเหลื่อมล้ำให้ได้ แนวนโยบายจะทยอยออกมาเพื่อนำไปสู่โอกาสใหม่ที่ดีกว่า ผมพร้อมนำแนวนโยบายด้านต่างๆดีเบตแข่งกับผู้นำทุกพรรคการเมือง เพื่อให้ประชาชนเห็นวิสัยทัศน์ก่อนตัดสินใจเลือก
การเมืองเดินไปไกลถึงขั้นเจรจาจับมือตั้งรัฐบาลล่วงหน้า ส่วนใหญ่ไม่จับมือพรรคต่อท่ออำนาจ พรรคพลังประชารัฐจะปรับยุทธศาสตร์อย่างไร นายอุตตม บอกว่า หลังเลือกตั้งเราพร้อมพูดคุยกับทุกฝ่าย
ภายใต้อุดมการณ์และนโยบายจะต้องไปด้วยกันได้
ในเมื่อเราอาสาเป็นสะพานก้าวข้ามความขัดแย้ง จะต้องไม่เป็นศัตรูกับใคร แต่เป็นเรื่องของอนาคต ยังมีเวลาพูดคุย วันนี้เพิ่งเป็นก้าวแรกของเรา ขอให้ กกต.รับรองก่อน
มีมุมมองการเสนอชื่อนายกฯคนนอกหรือนายกฯคนในอย่างไร นายอุตตม บอกว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา เมื่อถึงช่วงเสนอชื่อนายกฯในที่ประชุมรัฐสภา ต้องผ่านกระบวนการหารือภายในพรรคก่อน
ทีมข่าวการเมือง ถามว่า พร้อมแค่ไหนที่จะก้าวขึ้นเป็นนายกฯ นายอุตตม บอกว่า สมาชิกพรรคได้พิจารณาแล้วว่าเป็นบุคคลที่พร้อม ถ้ามีโอกาสได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เป็นนายกฯ
ทั้งหมดขึ้นอยู่กับประชาชนตัดสิน.
ทีมการเมือง