คุย ‘สนธิ-พุทธะอิสระ’ อโหสิกรรมกันในคุก
“ประยุทธ์” วอนอย่าสุมไฟขัดแย้งปมสื่ออินโดฯต้านผู้นำเผด็จการนั่งประธานอาเซียน ปชป.ได้ทีแนะพูดจริงทำจริงรีบปลดล็อกการเมืองต่างชาติก็กดดันไม่ได้ ดักคอเลือกตั้ง ก.พ.62 คงไม่พลิกลิ้นอีก “หมวดเจี๊ยบ” หยันผู้นำรัฐบาลทหารส่งผลเสียบนเวทีโลก “นิพิฏฐ์” ซัดคนใกล้ตัว “บิ๊กตู่” ทำพิษ ออกกฎเหล็กคุมสื่อสอพลอนาย พท.เสี้ยม “พลังประชารัฐ” ระวังถูกหักหลัง “สามมิตร” หามวลชนได้มากตั้งพรรคเองดีกว่าพึ่งเงาพรรคทหาร “สมศักดิ์” ตะลุยเจาะฐานเสียงที่ราบสูง ตอก “ทักษิณ” โม้ชนะขาดมันแค่อดีต “จตุพร” ยิ้มร่าพ้นคุก น้อมนำปณิธานในหลวง ร.10 ชวนทุกฝ่ายจับมือหาทางออกให้ประเทศก่อนตาย เผยเปิดใจจับเข่าคุย “สนธิ-อดีตพุทธะอิสระ” เตือนเกมดูด ส.ส.จุดเริ่มต้นวิกฤติศรัทธา นำพาสู่จุดจบหายนะ
จากกรณีสื่อมวลชนหลักของประเทศอินโดนีเซีย ตีพิมพ์บทความระบุอย่าให้ผู้นำเผด็จการทหารไทย นั่งเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า ได้ถูกฝ่ายการเมืองนำมาขยายผลวิพากษ์วิจารณ์ เชื่อมโยงกับโรดแม็ปการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ได้เรียกร้องผ่านทีมโฆษกรัฐบาล ขอให้ทุกฝ่ายอย่านำเรื่องดังกล่าวมาจุดประเด็นความแตกแยกขึ้นในสังคม
...
“บิ๊กตู่” ขออย่าจุดไฟ ปธ.อาเซียน
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กล่าวถึงกรณีที่ประเทศไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปีหน้าว่าการทำหน้าที่ประธานอาเซียน เป็นเรื่องของประเทศไทยและคนไทยทุกคน ไม่ใช่เรื่องของคนใดคนหนึ่ง และขณะนี้ยังไม่ทราบว่าหลังการเลือกตั้งแล้วจะได้รัฐบาลชุดใด วันนี้จึงไม่อยากให้จุดประเด็นสร้างความแตกแยกในสังคม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากสื่อหลักของอินโดนีเซีย อย่าง Jakarta Post ตีพิมพ์บทความระบุอย่าให้ผู้นำเผด็จการทหารไทยนั่งเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า
ตีปี๊บผลงานทวงคืนโบราณวัตถุ
พล.ท.สรรเสริญกล่าวอีกว่า นายกฯชื่นชมการทำงานของกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยที่ได้ร่วมกันติดตามโบราณวัตถุของไทยในต่างประเทศกลับคืนสู่ประเทศไทย โดยล่าสุดสหรัฐอเมริกาได้ส่งคืนโบราณวัตถุยุคก่อนประวัติศาสตร์ 12 ชิ้น จากแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง จ.อุดรธานีให้แก่รัฐบาลไทย พร้อมขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เข้าใจให้ความร่วมมือ อำนวยความสะดวกส่งกลับมาไทย และฝากให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่กำลังติดตามโบราณวัตถุของไทยชิ้นอื่นๆ ที่ถูกจัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ของสหรัฐฯ เช่น ทับหลังปราสาทหนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ทับหลังปราสาทเขาโล้น จ.สระแก้ว พระโพธิสัตว์ไมเตรยะสำริด พระพุทธรูปยืนปางแสดงธรรมสำริด เศียรพระพุทธรูปหินทราย นาคปักหินทราย แผ่นทองคำดุนลวดลาย เป็นต้น
ฟุ้งร้านสวัสดิการรัฐทะลุแสนแห่ง
พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐว่า ปัจจุบันมีประชาชนลงทะเบียนผ่านหลักเกณฑ์ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว 11.4 ล้านคน โดยผู้มีรายได้เกิน 3 หมื่นบาทแต่ไม่ถึง 1 แสนบาทต่อปี ได้รับเงินซื้อสิ่งของจำเป็นในร้านค้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 200 บาทต่อเดือน ผู้ที่มีรายได้ไม่ถึง 3 หมื่นบาทต่อปีจะได้รับ 300 บาทต่อเดือน ต่อมาเพิ่มวงเงินสำหรับผู้เข้าร่วมโปรแกรมพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วย อาทิ ฝึกอาชีพ จะได้รับปรับวงเงินเพิ่มเป็น 300 บาทและ 500 บาทตามลำดับ และจากเดิมมีร้านค้ารายย่อยร่วมโครงการ 1.5 หมื่นแห่ง เดือน ก.ย.จะมีร้านค้าเข้าร่วมเพิ่มเป็น 1 แสนแห่ง และศึกษาความเป็นไปได้ จากที่หักภาษีมูลค่าเพิ่มผู้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะเป็นเงินคืนเข้าบัตรในเดือนต่อไป ถ้าไม่มีข้อติดขัดจะเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปลายปีนี้
ปชป.ให้พูดจริงทำจริงต่างชาติบีบไม่ได้
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี Jakarta Post สื่อหลักของอินโดนีเซียตีพิมพ์บทความ “อย่าให้ผู้นำเผด็จการทหารไทยนั่งประธานอาเซียนในปีหน้า” ว่า การเป็นประธานอาเซียนผลัดกันเป็นเรียงตามวาระ ให้เกียรติและเคารพหลักการนี้มาโดยตลอด แปลกใจที่สื่อของอินโดนีเซียแสดงความเห็นเรื่องนี้ ถือได้ว่าก้าวก่ายกิจการภายในของไทยระดับหนึ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นหลักสำคัญของทุกรัฐบาลแต่ละประเทศ คือถ้าประชาชนของประเทศนั้น สนับสนุนรัฐบาลนั้นจะแข็งแกร่ง การก้าวก่ายจากต่างชาติจะน้อยลง สิ่งที่แก้ไขเรื่องนี้ได้คือพูดให้ชัดและทำให้จริงว่าการปลดล็อกให้ประชาชนเริ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองเท่าที่ไม่กระทบต่อความมั่นคง จะเริ่มเมื่อใด พูดให้ชัด และทำให้จริงว่าการเลือกตั้งจะมาเมื่อไหร่ ปัญหาเหล่านี้น่าจะค่อยๆลดความสำคัญลงและหมดไปในที่สุด
เลือกตั้ง ก.พ.62 ต้องไม่เปลี่ยนอีก
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อาเซียนคงน่าจะทำตามข้อตกลง ถ้าไม่ส่งมอบตำแหน่งประธานอาเซียนให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไทยจะเสียโอกาส แต่เร็วเกินไปที่จะมาปฏิเสธไทย ชายชาติทหารยืนยันหนักแน่นแล้วจะมีเลือกตั้งในเดือน ก.พ.ปี 62 คงไม่เปลี่ยนคำพูดอีก บรรยากาศทุกอย่าง ทั้งกฎหมายและ กกต.ชุดใหม่ก็พร้อม กำหนดวันที่นายกฯสัญญาไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ทนกับแรงกดดันอยู่แล้ว แต่ขอให้คำนึงถึงต่างชาติในอาเซียนด้วย
แม้บทความจากอินโดนีเซียไม่ได้ออกจากปากผู้นำของเขา แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะการเลือกตั้งของไทยที่จะมีขึ้นในวงรอบปีเดียวกัน กับที่ไทยจะได้เป็นประธานอาเซียน บรรยากาศของไทยตอนนี้ที่กังวลว่าจะตีกันมันไม่มีแล้ว คสช.ต้องปลดล็อกได้แล้ว
“นิพิฏฐ์” ชี้พวกสอพลอผู้นำทำพิษ
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีสันติบาลวางกฎ 7 ข้อปฏิบัติ 7 มารยาทที่สื่อมวลชนจะเข้าถ่ายภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ว่า ไม่ได้เข้าข้างนายกฯ เพราะนายกฯคงไม่ได้สั่งหรือต้องการให้มีกฎเกณฑ์ที่ว่า แต่คนใกล้ชิดผู้มีอำนาจอาจทำเอง เป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก มีคำกล่าวว่า คนที่อยู่ใกล้ผู้มีอำนาจนานๆ ในที่สุดจะเข้าใจว่าตัวเองมีอำนาจนั้นด้วย ต้องระวัง คิดว่าคนใกล้ชิดสั่งทำ มีบทเรียนหลายครั้งแล้วคนที่อยู่ใกล้นาย จะทำให้ผู้มีอำนาจมีปัญหาไปด้วย เป็นสัจธรรม ยิ่งผู้มีอำนาจที่มาจากทหาร ตามระบบลูกน้องไม่กล้าแสดงความคิดเห็นจะมีปัญหามากกว่าปกติ ระบบนี้แก้ไขยาก ที่มาของอำนาจเป็นอย่างนี้ ตนจึงไม่ค่อยใส่ใจ จะให้โค้งกี่ครั้งโค้งไปเถอะ เอาให้มันสุดขั้วไปเลย เราอย่าไปตื่นเต้น
เย้ยอดีต ส.ส.ใต้ซบ “เทือก” แค่ 3–4 คน
นายนิพิฏฐ์ยังกล่าวถึงกรณีความเคลื่อนไหวของอดีต ส.ส.สามจังหวัดชายแดนใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ จะย้ายไปอยู่กับพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกปปส.ร่วมก่อตั้งพรรคว่า ในฐานะที่ดูแลพื้นที่ปักษ์–ใต้ ตอนนี้มีสามจังหวัดบางส่วน รวมถึงสุราษฎร์ธานีบางส่วนเท่านั้นที่จะย้าย จังหวัดอื่นยังอยู่ครบ เป็น ตัวเลขเดิมที่คิดไว้ตั้งแต่ตอนแรกไม่ถึง 3-4 คน ไม่มากอะไร เรามีตัวมาแทนเกือบหมดแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรเลย ยิ่งสถานการณ์ในปักษ์ใต้ ถ้าเราไปบอกให้ ผู้สมัครพรรคอื่นมาลงในนามประชาธิปัตย์ จะวิ่งมาหาแบบไม่รีรอ แต่มีส่วนที่แปลกอยู่บ้าง คือคนที่อยู่พรรคประชาธิปัตย์ แล้ววิ่งไปพรรคอื่นมันก็แปลก แต่ไม่กังวลอะไร ไปแล้วโอกาสที่กลับมาอีกมีน้อย มาก คนที่ออกไปบางคนคิดจะวางมือเลิกการเมืองอยู่แล้ว คราวหน้าก็ไม่ลง พอมีพรรคอื่นมาเสนอ อาจคิดว่าดีกว่าหยุดไปเฉยๆ คนที่ไปมาพูดคุยกับตนแล้วเราไม่ได้โกรธอะไร ความผูกพันยังเหมือนเดิม
พท.เสี้ยมพลังประชารัฐจะถูกหักหลัง
นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ระบุผ่านรายการ ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยังยืนว่าไทยนิยม ไม่ใช่ประชานิยมว่า มองว่าไม่ต่างกันเพราะใช้เงินภาษีประชาชนเหมือนกัน ถ้าดีกว่าทำไมประชาชนยังย่ำแย่อยู่ ปากว่าแต่เขาสุดท้ายอิเหนาเป็นเอง ทำอะไรแล้วประชาชนได้ประโยชน์เราไม่ต่อต้าน แต่อย่าหยามหมิ่นโครงการคนอื่นว่าไม่ดี อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์สงบปากคำไว้บ้าง เรื่องนี้ไม่ได้พ้นจากตัวเอง ส่วนกลุ่มสามมิตรลงพื้นที่ภาคอีสานช่วงนี้ ยังสับสนว่าคือพรรคอะไร ขอให้เปิดหน้าให้ชัดว่าต้องการสังกัดพรรคใด มีใครสนับสนุน ทำตัวประหนึ่งตาบอดคลำช้าง ไม่รู้คนไหนงวง คนไหนหาง สับสนไปหมด อย่าแทงกั๊ก ถ้าตนเป็นแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ไม่อยากรับคนกลุ่มนี้แล้ว เพราะถ้ากลุ่มนี้หามวลชนได้มาก ตั้งพรรคเองไม่ดีกว่าหรือ ทำไมต้องพึ่งพลังประชารัฐด้วย ระวังตัวไว้ระวังกลุ่มนี้จะหักหลังได้
ไม่ให้ราคา “สามมิตร” แซะอีสาน
นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานอดีต ส.ส.ภาคอีสานพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร ระบุการลงพื้นที่ของแกนนำกลุ่มในภาคอีสานเพื่อรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มต่างๆไม่มีเรื่องการเมืองว่า ไม่ว่าพูดอะไรก็ตามนักการเมือง และประชาชนทั่วไปรู้ทัน ไปพบใครหวังผลอะไร ก่อนหน้านี้ไม่เคยเดินแต่พอเข้าสู่โหมดเลือกตั้งกลับมาเดิน คนกลุ่มนี้มีฝีมือแค่ไหน ไม่เคยเห็นเดินหน้าทางการเมืองสำเร็จ ตนไม่ให้ราคา แต่มีข้อสังเกตไปยังผู้มีอำนาจว่าทำไมคนกลุ่มนี้เดินหมากทางการเมืองได้ แต่อีกกลุ่มแม้ระวังแค่ไหนก็ทำไม่ได้ ลักลั่นจะปฏิรูปการเมืองสำเร็จได้อย่างไร ควรเปิดโอกาสให้ทุกพรรคเท่าเทียม ให้ประชาชนตัดสินในวันเลือกตั้งดีกว่า ในภาคอีสานพรรคเพื่อไทยมีตัวยืนทางการเมืองที่มั่นคง จึงไม่กระทบอะไร อาจเหนื่อยขึ้นบ้าง แต่ไม่มากนัก เพราะเรามีสมาชิกที่มีจุดยืนที่มั่นคงมากพอสมควร
“วัฒนา” อัดน่าอายพวกซ้ำเติม “ปู”
นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯได้รับเกียรติและความเห็นอกเห็นใจจากทั่วโลก เพราะมาจากการเลือกตั้ง แต่ถูกยึดอำนาจและถูกดำเนินคดีโดยรัฐบาลคู่กรณีที่เป็นเผด็จการ อารยประเทศ จึงถือว่าเป็นคดีการเมือง สหรัฐฯและอังกฤษจึงออกวีซ่าให้เดินทางเข้าออกอย่างมีเกียรติ น่าอับอายที่หัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง ที่ตัวเองและคนในพรรคไปเป่านกหวีดปิดบ้านปิดเมืองจนทหารออกมายึดอำนาจ เป็นคู่กรณีมีส่วนได้เสีย อุตส่าห์ไปร่ำเรียนจากประเทศเรียกตัวเองว่าผู้ดีและเป็นสุภาพบุรุษกลับละทิ้งหลักการที่เป็นอารยะ แสดงความคิดเห็นให้นำตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาลงโทษอันมีลักษณะซ้ำเติมผู้แพ้
ปัด 2 อดีตนายกฯหนีกบดานดูไบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “อุบลกาญจน์ อมรสิน” หรือดีเจสาวฝั่งโขง แกนนำเสื้อแดง จ.อุบลราชธานี โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายทักษิณ ชินวัตรและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุข้อความสรุปว่า ถึงแล้วลงได้ ใครคิดถึงท่านดูภาพให้หายคิดถึง ท่านทั้ง 2 สบายดีค่ะ ทั้ง 2 คือ นายกฯที่มาตามกติกา ประชาชนส่วนใหญ่เลือกมา แต่ถูกกลั่นแกล้งทางการเมืองสารพัด จากผู้ที่เรียกตัวเองว่าชายชาติทหาร แม้เดินทางจากอังกฤษมานครดูไบ ตามแผนที่วางไว้ล่วงหน้าก่อน ยังเป็นประเด็นว่าหนีจากการล่าของรัฐบาลเผด็จการ เชื่อเถอะหนังสือที่ส่งไปยังอังกฤษ ไม่มีผลอะไรกับทั้ง 2 เลย ถ้ามี มีนานแล้ว จะมีโอกาสบินไปหลายๆประเทศอยู่จนทุกวันนี้หรือ แถมซื้อบ้านหลังใหม่เพิ่มที่ประเทศอังกฤษได้อีก อีกไม่กี่วันท่านก็ไปประเทศอื่น ทราบดีว่านายทักษิณทำธุรกิจในหลายประเทศ การเดินทางย่อมมีแผนล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 3 เดือน ไม่ใช่หนีกบดาน อย่างสื่อบางสำนักออกข่าว
“หมวดเจี๊ยบ” ลงบันทึกถูกคุกคาม
ที่ สน.ภาษีเจริญ ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย นำหลักฐานเป็นภาพกล้องวงจรปิดและเอกสารจำนวนหนึ่ง เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.บดินทร์ จุลเรือง รอง สว. (สอบสวน) สน.ภาษีเจริญ เพื่อลงบันทึกประจำวันกรณีถูกชายอ้างตัวเป็นทหารและผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ 2 คน เดินทางมาคุกคามพยายามขอเข้าพบที่บ้านพักย่านถนนราชพฤกษ์ โดย ร.ท.หญิง สุณิสาระบุว่า เชื่อว่าเป็นเพราะการไปวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลเรื่องความไม่โปร่งใสของงบประมาณกระทรวงกลาโหม
หยันผู้นำเผด็จการส่งผลเสียเวทีโลก
ร.ท.หญิง สุณิสากล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์เห็นหรือยังว่าการเบี้ยวเลือกตั้ง และความเป็นรัฐบาลเผด็จการ ส่งผลเสียหายต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย บนเวทีโลก สื่อมวลชนอินโดนีเซียกำลังกดดันให้รัฐบาลประเทศในอาเซียน หยิบยกประเด็นความเป็นเผด็จการของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์มาพิจารณาว่าไม่เหมาะสมนั่งเก้าอี้ประธานอาเซียน สวนทางกับกระแสการตื่นตัวของอาเซียนที่อยากเห็นระบอบประชาธิปไตยเบ่งบานในภูมิภาค จะดีกว่าไหมถ้ารัฐบาลรีบคืนอำนาจให้มีการเลือกตั้ง เพื่อให้ประเทศไทย มีผู้นำที่ชอบธรรม และสามารถเป็นผู้นำอาเซียน โดยไม่มีชนักติดหลัง
ค้าน กทม.รวบอำนาจยุบ ส.ข.
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ อดีตประธานสภากรุงเทพมหานคร แถลงคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (แก้ไขเพิ่มเติม) ที่ยกเลิกสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) โดยนายประเดิมชัย กล่าวว่า ขอคัดค้านการยกเลิก ส.ข.แล้วตั้งประชาคมเขต กทม.แทน เพราะประชาคมที่ตั้งเลือกมาโดยกลุ่มบุคคล ไม่ยึดโดยประชาชนอย่าง ส.ข.จากการเลือกตั้งที่ผ่านมา ส.ข.สำคัญเพราะเป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนโดยตรงเมื่อประชาชนเดือดร้อน ขอเรียกร้องให้ กทม.เปิดให้ทำประชาพิจารณ์ใหม่ ที่แล้วมา กทม.รับฟังความเห็นเรื่องนี้ผ่านเว็บไซต์ ไม่ครอบคลุมชาว กทม.ทุกกลุ่ม
“สมศักดิ์” เดินสายเจาะแดนที่ราบสูง
เมื่อเวลา 13.30 น ที่ตลาดเทิดไท (ตาลคู่) อำเภอเมืองนครราชสีมา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรองนายกฯ แกนนำกลุ่มสามมิตร พร้อมนายภิรมย์ พลวิเศษ เลขานุการกลุ่มสามมิตร และนายสามารถ เจนชัยจิตวนิช ประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย และสมาชิกกลุ่มสามมิตร เดินทางมาพบกับครู อาจารย์ในพื้นที่ อ.ครบุรี หลังลงพื้นที่รับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชน จ.ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ขอนแก่น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวว่าได้รับการทาบทามจากที่ปรึกษา นปช.กาฬสินธุ์ และยังมีประธานต่อต้านการทุจริตประพฤติมิชอบในส่วนของภาคเอกชนที่ขอฝากและสนับสนุนสมาชิกใหม่ให้กับกลุ่มสามมิตร 5 คน คือนายบุญฉลอง คาระมาส น.ส.ภัทรา วรามิตร นายจำลอง ภูวนา นายชวลิตร คณิตกุล และนายสุรพงษ์ พลซื่อ ให้มาเป็นสมาชิกน้องใหม่ เพื่อวันข้างหน้าจะสมัครเลือกตั้ง ส.ส.กาฬสินธุ์ และได้พบกับนายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ อดีต รมช.คมนาคมและอดีต ส.ส.ขอนแก่น ทิศทางแนวโน้มดี เพราะเป็นคนเคยรู้จักเคารพนับถือกัน
โต้ “ทักษิณ” โม้ พท.ชนะขาดแค่อดีต
นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า ส่วนนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.โจมตีการเดินสายดูดอดีต ส.ส.จะก่อให้เกิดความหายนะนั้น ยังไม่ได้อ่านข่าว ไม่ได้ติดตาม การพุ่งเป้ามาที่กลุ่มสามมิตรขอเรียนว่าเรานำเสนอประเด็นปัญหาของเกษตรกรให้แก้ไข ปัญหาการเมืองไม่ได้พูดกัน การทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์เท่าที่ติดตามดูนโยบายต่างๆออกมาดีหมดเป็นที่น่าพอใจ จะเป็นทางออกให้กับเกษตรกรสร้างความเข้มแข็งให้ได้ดี ส่วนนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ แรมโบ้อีสาน ที่ถอนคำสาบานมาสนับสนุนกลุ่มสามมิตรและ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่อไป ขอยังไม่ตอบดีกว่า ทั้งนี้ โปรแกรมหน้าจะเดินทางไป จ.ชัยภูมิ ส่วนการตั้งพรรคเองยังไม่มี เมื่อถึงเวลาจะเดินต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ว่าจะเป็นช่วงไหน เพียงแต่เรามีเวลาออกพบปะแลกเปลี่ยนกับผู้คนทั้งหลาย ก็ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์เตรียมตัวหลายด้านให้พร้อม ส่วนที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะขาดเพราะดันคนรุ่นใหม่ลงสมัครแทนคนที่ถูกดูดไปแล้ว มั่นใจจะชนะพรรคพลังประชารัฐนั้น คิดว่าในอดีตเป็นอย่างนั้น ถือเป็นอดีต แต่ข้อมูลใหม่ไม่มีใครรู้
“ภิรมย์” โวยึด “กาฬสินธุ์” ยก 5 เขต
นายภิรมย์ พลวิเศษ กล่าวว่า การเดินสายไป จ.ร้อยเอ็ด จ.มหาสารคาม และ จ.กาฬสินธุ์ปรากฏว่าชาวบ้านทั้ง 3 จังหวัดชอบอกชอบใจกันมากที่มาดูแลปัญหาเรื่องปากท้องประชาชน เรื่องการปรองดอง เขาบอกว่า จ.กาฬสินธุ์ เขาจะยกทั้งจังหวัดชนะแน่นอนทั้ง 5 เขตชาวบ้านบอกมาอย่างนี้ สรุปว่าชาวบ้านบอกกับนายสมศักดิ์ เทพสุทินว่า จ.กาฬสินธุ์ยกทั้งจังหวัดแน่นอน
โพลชี้ 4 ปีรัฐบาลเกือบสอบตก
วันเดียวกัน กรุงเทพโพล โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความคิดเห็นประเมินผลงาน 4 ปี รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากประชาชน 1,276 คน พบว่าได้คะแนนความพึงพอใจในการบริหารงานเฉลี่ย 5.06 คะแนนจาก 10 คะแนน โดยด้านความมั่นคงได้ 6.14 คะแนน ด้านการบริหารจัดการและการบังคับใช้กฎหมาย 5.51 คะแนน ด้านสังคมและคุณภาพชีวิต 5.03 คะแนน การปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกฯของ พล.อ. ประยุทธ์ ได้ 6.40 คะแนน จากความเด็ดขาดกล้าตัดสินใจได้ 7.02 คะแนน ความซื่อสัตย์สุจริต 6.81 คะแนน ความขยันทุ่มเททำงาน 6.70 คะแนน ทั้งนี้ตลอด 4 ปีผลงานหรือนโยบายของรัฐบาลที่โดดเด่นที่สุดคือการดูแลผู้มีรายได้น้อยผ่านโครงการประชารัฐ เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐร้อยละ 23.4 ทำให้ประเทศชาติสงบสุขมั่นคงไม่มีการชุมนุม ร้อยละ 20.5 ปราบปรามคอร์รัปชันอย่างจริงจัง ร้อยละ 13.7 ส่วนเรื่องที่คาดหวังจากรัฐบาลแต่ยังไม่สำเร็จคือปัญหาเศรษฐกิจ ร้อยละ 52.2 ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำร้อยละ 11.8 และการจัดให้มีการเลือกตั้งร้อยละ 8.3
“จตุพร” พ้นคุกมวลชนแห่รับอบอุ่น
อีกเรื่อง ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เมื่อเวลา 06.50 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระหลังครบกำหนดจองจำ 1 ปี 15 วัน ในความผิดฐานหมิ่นประมาทนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งนี้ ประธาน นปช.ก้าวเท้าพ้นประตูเรือนจำออกมาในสภาพผ่ายผอม จากน้ำหนักที่ลดไป 30 กก. และมีผิวคล้ำดำกร้าน แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม โบกมือทักทายและยกมือไหว้ขอบคุณผู้ที่มารอต้อนรับ ที่มีทั้งแกนนำ นปช.นำโดยนางธิดา ถาวรเศรษฐ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นต้น ตลอดจนมวลชนเสื้อแดงนับร้อยคน ที่พร้อมใจนำกุหลาบสีแดงและข้าวของต่างๆมามอบให้ พร้อมทั้งยังร้องเพลง “หัวใจผูกพัน” เพลงประจำตัวของนายจตุพรให้ฟังอีกด้วย
ชวนหาทางออกก่อนประเทศตาย
นายจตุพรให้สัมภาษณ์ว่า ต้องกราบขอบพระคุณนปช. พี่น้องคนเสื้อแดง เพื่อนพ้องน้องพี่ทางการเมือง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ผู้ต้องขัง รวมถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ไม่ได้เอ่ยชื่อ 1 ปี 15 วัน เหมือนเนิ่นนานมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย แต่เราผ่านความรู้สึกเหล่านั้นกันมาได้ ภารกิจของพวกเรายังต้องเดินหน้าต่อไป หนทางข้างหน้าของประเทศชาติ เป็นเรื่องของคนไทยทุกคนต้องร่วมคิดหาทางออก ประวัติศาสตร์สอนไว้ว่าประเทศไทยจะตายก่อนแก้ปัญหาเสมอ ไม่เคยแก้ปัญหาก่อนตายสักครั้ง จุดเริ่มอย่างไรผลจบจะเป็นเช่นนั้น คนที่ผ่านเหตุการณ์ 14 ตุลา พฤษภาทมิฬ หรือเหตุในรอบ 10 ปีนี้พอจะคาดได้ว่าถ้าจุดเริ่มต้นยังคงเป็นลักษณะนี้ ปลายทางจะไม่แตกต่างกับที่ผ่านมา
น้อมนำปณิธาน ร.10 ฝ่าวิกฤติชาติ
“ผมปรารถนาให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ดังปณิธานของในหลวง รัชกาลที่ 10 ทุกแนวทางแก้ไขปัญหาบ้านเมือง อยู่ในพระกระแสรับสั่ง ทั้งเรื่องความยุติธรรม ความสามัคคีในชาติ ถ้าทุกฝ่ายน้อมนำปฏิบัติอย่างเป็นจริงเราจะผ่านวิกฤติไปได้ ในวันที่ 5 ส.ค. เวลา 14.00 น. นปช.และสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีซทีวีจะมีการจัดงานพบปะเพื่อนพ้องน้องพี่ อิมพีเรียล ลาดพร้าว ประจำทุกวันอาทิตย์ จะเดินทางไปพูดคุยกับมวลชน ส่วนการเข้ามาอยู่ ในคุกนั้น บอกกับคนที่มาใหม่เสมอว่าอย่าไปคิดถึงอดีตและอนาคต จงคิดถึงปัจจุบันและไม่ควรพกความคับแค้นเข้าไปในเรือนจำเพราะจะเป็นทุกข์ ปัญหาทุกอย่างในบ้านเมือง เราต้องร่วมกันหาทางออก” นายจตุพรกล่าว
เมื่อถามว่า นปช.จะหาทางออกให้ปัญหาบ้านเมืองได้อย่างไร ประธาน นปช.กล่าวว่า จะได้มีการหารือกัน ก่อนหน้านี้แกนนำ นปช.เคยเสนอความเห็นเรื่องนี้ผ่านกระทรวงกลาโหมไปแล้วหลายครั้ง ที่จะเป็นแนวทางหาทางออกให้ชาติบ้านเมือง คนที่ผ่านเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองในอดีต มองเห็นสถานการณ์ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าเดินไปข้างหน้าจะเลี้ยวมาจบอย่างไร แต่ละฝ่ายควรตระหนักให้แก้ก่อนตาย อย่าตายก่อนแก้
เผยได้เปิดใจคุย “สนธิ–อดีตพุทธะ”
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้เจอกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ และนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระหรือไม่ นายจตุพรกล่าวว่าได้เจอกัน เพราะในคุกนั้นถ้าทุกคนพกความคับแค้นเข้ามาจะไม่สามารถอยู่ได้ คุกเป็นสังคมคุยกัน อโหสิกรรมให้แก่กัน เปิดใจกว้างพูดคุยเรื่องราวต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมืองในวันข้างหน้า ดังนั้น จึงมีเรื่องราวต่างๆมากมายที่วันข้างหน้าอะไรควรเล่าให้ฟังได้ก็จะเล่า
เตือนดูด ส.ส.นำสู่จุดจบหายนะ
เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับสถานการณ์ที่มีการดูดอดีต ส.ส.ให้เปลี่ยนขั้ว นายจตุพรบอกว่า เป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤติศรัทธา ที่อาจจบลงด้วยความหายนะ ไม่อยากให้จบแบบนั้น อย่าทำตามที่ประวัติศาสตร์เคยสอนเรา อะไรที่จะนำให้บ้านเมืองกลับมาสู่วิกฤติและความตาย ไม่ควรไปย่ำรอยเดิม ต้องยอมรับความจริงว่ากว่า 85 ปีนั้น มีเลือกตั้ง มียึดอำนาจ และนักการเมืองกับผู้ยึดอำนาจสลับกันมีอำนาจ แต่ผู้ที่ตายฝ่ายเดียวไม่เคยเปลี่ยนคือประชาชน ดังนั้น สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่ใครจะได้เสียงในสภาฯมากกว่า ใครจะแพ้การเลือกตั้ง แต่คือสิ่งที่จะทำให้เกิดวิกฤติและจะถูกใช้เป็นสาเหตุให้บ้านเมืองสู่ความหายนะ ส่วนการดึงแกนนำ นปช.ย้ายพรรคนั้น กลับมองว่ามีคนมาทำความสะอาดบ้านน่าจะขอบคุณมากกว่า
หลังสัมภาษณ์จบนายจตุพรได้ขึ้นรถตู้กลับ บ้านพักส่วนตัวไปกับนางพรหมภัสสร ณ กาฬสินธุ์ ภรรยา โดยมีแกนนำ นปช.ตามไปด้วย เพื่อร่วมเลี้ยงรับขวัญและหารือกัน ก่อนประธาน นปช.จะเปิดปราศรัยกับมวลชน นปช.ทั่วประเทศ 5 ส.ค. ที่ร้านเรดคาเฟ่ โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์พีซทีวีของกลุ่ม นปช.
“ศุภชัย” หนุนทุกขั้วสีก้าวข้ามขัดแย้ง
นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า อ่านข่าวจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ให้สัมภาษณ์หลังพ้นโทษออกจากเรือนจำว่า ในเรือนจำได้พบกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ และพระพุทธะอิสระ แกนนำ กปปส. ต่างได้ให้อโหสิกรรมแก่กัน รวมทั้งปรึกษาหารือเรื่องการสร้างความปรองดอง การร่วมกันทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ ทำให้หวนคิดไปถึงไอร์แลนด์เหนือที่ฝ่าย Unionist กับ Nationalist ขัดแย้งกันเนิ่นนาน สู้รบล้มตายกันมากมาย ส่วนหนึ่งที่ทำให้ความขัดแย้งยุติลงได้มาจากในคุก เมื่อทั้งสองฝ่ายที่ต้องถูกดำเนินคดีและจำคุกในเรือนจำเดียวกัน ได้พบกันแล้วมีโอกาสทบทวนเรื่องราวแล้วจับเข่าคุยกันว่า อันพวกเรานี้หนอจะสู้รบกันไปอีกนานแค่ไหน ล้มตายบาดเจ็บกันอีกเท่าใด ควรจะถึงเวลาพูดคุยกันเพื่อยุติความบาดหมางความขัดแย้งเสียที เพื่อมิให้ลูกหลานต้องสู้รบกันต่อไป แล้วมาร่วมกันสร้างประโยชน์ร่วมกันให้กับแผ่นดินเกิดจะดีไหม
“บิ๊กป้อม” ฟื้นตัวจัดเบิร์ธเดย์ 73 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 10 ส.ค. พล.อ.ประวิตรจะเปิดมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย คณะรัฐมนตรี ผบ.เหล่าทัพ นายทหารระดับสูง ตำรวจ พ่อค้า นักธุรกิจเข้าอวยพรเนื่องในโอกาสคล้ายวันครบรอบวันเกิด 73 ปี ภายหลังจากพักรักษาอาการอาหารเป็นพิษจนเริ่มดีขึ้นตามลำดับ
ผบ.เหล่าทัพส่งโผทหารสัปดาห์หน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับความคืบหน้าการจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2561 นั้นเมื่อวันที่ 3 ส.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ยังไม่ได้รับบัญชีรายชื่อโยกย้ายจาก ผบ.เหล่าทัพ จากเดิมนัดจะหารือพร้อมกันที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1รอ.) ระหว่างทานอาหารเช้า แต่ ผบ.เหล่าทัพหลายคนไปต่างประเทศ อยู่เพียง พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. จึงต้องเลื่อนส่งรายชื่อออกไปภายในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.เปิดเผยว่า ยังไม่ได้ส่งบัญชีรายชื่อของเหล่าทัพไปให้ พล.อ.ประวิตร ซึ่งแจ้งมาว่าให้ส่งได้ภายในสัปดาห์หน้า และยังไม่ได้นัดหมายประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล ตาม พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม แต่จะได้ข้อสรุปลงตัวภายในสิ้นเดือน ส.ค. ก่อนส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.นำขึ้นโปรดเกล้าฯต่อไป
5 เสือยังนิ่งรอบอร์ดใหญ่ไฟเขียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บัญชีรายชื่อนายทหารคาดว่าผู้ที่จะขึ้นดำรงตำแหน่งสำคัญในเบื้องต้นปรากฏว่า “บิ๊กณัฐ” พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ รองปลัดกระทรวงกลาโหม (ตท.20) ขยับขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม “บิ๊กกบ” พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด (ตท.18) ขยับขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด กองทัพเรือ “บิ๊กลือ” พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ รอง ผบ.ทร. (ตท.18) ขยับขึ้นเป็น ผบ.ทร. “บิ๊กต่าย” พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผู้ช่วย ผบ.ทอ.(ตท.18) ขยับขึ้นเป็น ผบ.ทอ. ส่วนกองทัพบกรายชื่อนายทหารระดับ 5 เสือกองทัพบกเสร็จเรียบร้อยแล้วโดย “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. (ตท.20) ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ตามคาด ขยับเอา “บิ๊กเล็ก” พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ เสนาธิการทหารบก (ตท.20) ขึ้นรอง ผบ.ทบ. โดยโยกเอา “แม่ทัพตู่” พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.20) และ “บิ๊กตี๋” พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 (ตท.18) ขึ้นมาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ.ด้วยกันทั้งคู่ ทั้งนี้ขยับ “บิ๊กเป้ง” พล.ท.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก (ตท.19) ขึ้นเป็นเสนาธิการทหารบก