การประชุมของ คณะกรรมการ กกต.ชุดใหม่ ที่มีอยู่จำนวน 5 ท่านจาก 7 ท่าน เนื่องจากอีก 2 ท่านไม่ผ่านคุณสมบัติจึงต้องเป็นธุระให้ คณะกรรมการสรรหา รับสมัครและสรรหา กกต.อีก 2 ท่านให้ครบภายในเดือน พ.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม กกต.ทั้ง 5 ท่านตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.สามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ แม้จะมีความเห็นแย้งว่า จะต้องรอให้สรรหา กกต.จนครบ 7 คน ก่อน จึงจะสามารถประชุม กกต.เพื่อเลือก ประธาน กกต. ได้ แต่โดยกฎหมายต้องให้มีการเสนอชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ประธาน กกต. พร้อมกับกรรมการ กกต. ทำให้จำเป็นต้องมีการเลือก ประธาน กกต. กันไปก่อน ส่วนในอนาคตจะมีใครร้องค้านอย่างไรก็ไปว่ากันอีกที

กกต.ทั้ง 5 ท่านที่ได้รับการลงมติจาก สนช.เป็นที่เรียบร้อยแล้วประกอบด้วย นายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ ศ.ระดับ 10 ประจำสาขาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และกรรมการอิสระด้านสิ่งแวดล้อมสุขภาพ นายอิทธิพร บุญประคอง อดีตอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เอกอัครราชทูตกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา ตำแหน่งสุดท้ายสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย อดีตผู้ว่าราชการหลายจังหวัด สปท.ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคเหนือที่มีองคมนตรี พลากร สุวรรณรัฐ เป็นประธาน นายปกรณ์ มหรรณพมา ตำแหน่งสุดท้าย ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกา และ นายฉัตรไชย จันทร์พรายศรี ตำแหน่งสุดท้าย ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา

ที่ถูกจับตาใน ตำแหน่งว่าที่ประธาน กกต. มากที่สุด เบื้องต้นที่ตกเป็นข่าวมีอยู่ 2 ชื่อด้วยกันคือ นายฉัตรไชย จันทร์พลายศรี เนื่องจากมาจากสถาบันศาลที่คนทั่วไปให้ความเคารพในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเที่ยงธรรมและมีความรู้ความสามารถด้านกฎหมายเป็นอย่างดี ส่วนอีกชื่อคือ นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย เพราะนอกจากจะเป็นอดีตผู้ว่าราชการหลายจังหวัดอาทิ สระบุรี ปราจีนบุรี เพชรบูรณ์ ระยอง ลำปาง ยังเป็นอดีตสมาชิกขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ซึ่งมีความคุ้นเคยกับการจัดการเลือกตั้งในระดับจังหวัดมาแล้ว

...

ภาระอันยิ่งใหญ่ของ กกต.ชุดใหม่ ไม่ใช่แค่เรื่องการสรรหา ประธาน กกต. เท่านั้น แต่โดยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน อำนาจและหน้าที่ของ กกต. เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะชี้เป็นชี้ตาย ชี้อนาคตของการเมืองไทยและบ้านเมืองว่าจะสามารถปกครองบริหารให้ราบรื่นได้แค่ไหน

ดังนั้น ความบริสุทธิ์ ยุติธรรมในการจัดการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในต้นปีหน้าจึงเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่อยู่ในกำมือของ กกต.ชุดใหม่ จะพิสูจน์ให้เห็นถึงอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่ด้วยภารกิจที่ใหญ่ยิ่ง.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th