วิษณุแบะท่าหาช่องเลี่ยงไพรมารีโหวต

รัฐบาลย้ำ ครม.สัญจรอุบลฯไร้นัยการเมือง โต้ยกเลิกพบผู้นำท้องถิ่น ชี้ไม่มีในแผนตั้งแต่ต้น มโนกันไปเอง ปชป.ยันไม่ไปต้อนรับ เห็นใจ ขรก. ต้องวิ่งวุ่นฉุกละหุก เย้ยนายกฯไม่กล้าไปเชียงรายกลัวคำถามลดชั้นผู้ว่าฯ พท.ซัดไม่จริงใจยกเลิกพบผู้นำท้องถิ่น ข้องใจนายกฯประเคนโครงการให้อดีต ส.ส.ที่มาสวามิภักดิ์ “สุพล” ถามหามารยาทพวกปูดข่าวโดนดูด ห่วง “บิ๊กตู่” ถูกด่าหากไปต้อนรับ “สามมิตร” โชว์เพาเวอร์เป็นตัวเชื่อมสะท้อนปัญหาถึงรัฐบาล ถกชาวนาดันราคาข้าวอย่างน้อย 8,000 ต่อตัน เหน็บพวกเฒ่าชรา หัวโบราณกล่าวหาจ้องเดินเกมดูด นายกฯย้ำยุทธศาสตร์ชาติเรื่องจำเป็น มุ่งสร้างความมั่นคง ลดเหลื่อมล้ำ “วิษณุ” แบะท่าอาจเลี่ยงไพรมารีโหวตสั่งกฤษฎีกาดูช่องทาง “มีชัย” เผยเขียน รธน.ด้วยสำนึกบาป

การจัดประชุม ครม.สัญจรของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ยังตกเป็นเป้าโจมตีจากบรรดานักการเมืองเช่นเคย ล่าสุดการลงพื้นที่พบประชาชนและประชุม ครม.ที่ จ.อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี มีเสียงครหาจากพรรคเพื่อไทยว่ามีนัยทางการเมือง เป็นการเลือกสถานที่โชว์ตัวอดีต ส.ส. ที่ชักชวนไปร่วมงานได้สำเร็จแล้ว

...

ยืนยัน ครม.สัญจรไม่มีนัยการเมือง

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่ จ.อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 23-24 ก.ค. โดยนักการเมืองตั้งข้อสงสัยว่ามีนัยทางการเมืองว่า “ไม่มี” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชี้แจงเรื่องนี้แล้ว พูดตามตรงว่ากำหนดการที่ออกมาตั้งแต่ต้นไม่มีการพบปะนักการเมืองในพื้นที่ มีแต่พูดกันไปเอง นายกฯจะลงไปดูพื้นที่ที่มีการทำกิจกรรมที่สำเร็จ ไปให้กำลังใจ และเยี่ยมเยียนประชาชน รวมถึงมอบให้รัฐมนตรีลงพื้นที่รวบรวมปัญหา และรับฟังจากประชาชนโดยตรง เมื่อถามว่า การลงพื้นที่ทุกครั้งที่ผ่านมามีการพบปะผู้นำท้องถิ่น เช่น ที่บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ พล.อ.ฉัตรชัยตอบว่า ไม่มี ตนก็อยู่ด้วย ไม่เห็นมี มีแต่ชาวบ้านมาร่วมกัน อย่าไปคิดอย่างนั้น ความจริงเขาอาจมาร่วมด้วย ต่อข้อถามว่า หากการลงพื้นที่ครั้งนี้มีผู้นำท้องถิ่นมาเข้าร่วม พล.อ.ฉัตรชัยตอบว่า เรื่องนี้ไม่ทราบจริงๆ แต่ยืนยันว่าตามกำหนดการไม่มีการพบกัน เมื่อถามว่า บังเอิญว่าครั้งนี้เป็นพื้นที่ดั้งเดิมของพรรคเพื่อไทย จึงทำให้ถูกวิจารณ์หรือไม่ พล.อ.ฉัตรชัยตอบว่า ไม่ทราบ อาจจะคิดกันเอง เขียนกันไปเอง

ไม่มีแผนพบผู้นำท้องถิ่นตั้งแต่ต้น

ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการยกเลิกพบปะพูดคุยกับผู้นำท้องถิ่นระหว่างการประชุม ครม.สัญจรที่ จ.อำนาจเจริญ และอุบลราชธานีว่า ไม่ได้ยกเลิก เพราะไม่ได้มีตั้งแต่ต้น ตามแผนคือลงพื้นที่ที่อำนาจเจริญในช่วงเช้า แล้วช่วงบ่ายก็ไปที่อุบลราชธานี วันรุ่งขึ้นก็ประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจในช่วงเช้า ต่อด้วยการประชุม ครม. แล้วช่วงบ่ายก็ไปตรวจงานอีกพื้นที่หนึ่งเท่านั้น เมื่อถามว่า หลายคนมองว่าการไม่พูดคุยกับผู้นำท้องถิ่นเป็นการลดกระแสเรื่องการดูด พล.อ.อนุพงษ์ตอบว่า รัฐบาลตั้งใจที่จะไปทำงาน ไปตรวจงาน เป็นปกติอย่างที่เคยทำ ยังยืนยันว่าไม่มีอยู่แล้วที่จะไปทำอย่างนั้น การลงพื้นที่เราก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ไปดูพื้นที่ว่าเป็นอย่างไร พี่น้องประชาชนมีความต้องการในเรื่องอะไร และอาจจะไปดูเรื่องที่เป็นปัญหา เช่น เรื่องน้ำ น้ำท่วม น้ำแล้ง เรื่องความสำเร็จในการทำงานในพื้นที่เราก็จะไปดู เพื่อใช้เป็นแบบอย่างในพื้นที่อื่น

ปชป.ไม่ไปต้อนรับ-เห็นใจ ขรก.วิ่งวุ่น

ด้านนายสุทัศน์ เงินหมื่น อดีต รมว.ยุติธรรมและอดีต ส.ส.อุบลราชธานี กล่าวว่า การจัดประชุม ครม.สัญจรที่ จ.อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ มีพรรคพวกหลายคนสอบถามตนว่าจะไปต้อนรับนายกฯ และ ครม.หรือไม่ ก็บอกว่าคงไม่ไป เพราะมีภารกิจอื่นที่ได้นัดหมายไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และทราบว่านายอิสระ สมชัย อดีต รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และอดีต ส.ส.อุบลราชธานี ก็จะไม่ไปเพราะติดภารกิจอื่นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การที่นายกฯจะไปตรวจเยี่ยมชาวบ้านถือเป็นเรื่องปกติของผู้อาสามาทำงานบริหารบ้านเมือง นายชวน หลีกภัย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เคยทำไว้ก่อนแล้ว แต่น่าเห็นใจข้าราชการในสองจังหวัดที่ต้องวิ่งวุ่นเตรียมการต้อนรับในระยะเวลาสั้น เพราะไม่ได้อยู่ในโปรแกรมเดิมที่นายกฯจะไปเยี่ยมลงพื้นที่ มีการเปลี่ยนหมายจากเชียงรายและพะเยา เพราะท่านคงไม่อยากตอบคำถามเรื่องการย้ายผู้ว่าฯจากจังหวัดใหญ่ไปจังหวัดเล็ก เป็นการลดชั้นทั้งที่นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าฯพะเยา และอดีตผู้ว่าฯเชียงราย เป็นคนเก่ง ปราบปรามและเปิดโปงการทุจริตคอร์รัปชัน มีภาวะผู้นำเป็นเยี่ยม สุภาพอ่อนน้อม สามารถจัดการสร้างความปรองดองของคนหลายชาติหลายภาษาในภาวะวิกฤติระยะสั้น จนประสบผลสำเร็จสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติเป็นที่ยอมรับของคนไทยและสังคมโลก

พท.ซัดไม่จริงใจมีเลศนัยการเมือง

นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวการยกเลิกพบปะผู้นำท้องถิ่นระหว่างการลงพื้นที่ประชุม ครม.สัญจรของนายกรัฐมนตรีที่ จ.อุบลราชธานีว่า ไม่ควรยกเลิกการพบกับผู้บริหารท้องถิ่น เพราะหากท่านจริงใจทำงานก็อย่ายกเลิกที่จะพบปะคนกลุ่มนี้ สิ่งที่ตำหนิไม่ได้หมายถึงผู้นำท้องถิ่น แต่หมายถึงนักการเมืองที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกฯอีกสมัย เพราะถือเป็นเรื่องที่มีนัยทางการเมือง เราไม่ได้ตำหนิการพบผู้นำท้องถิ่น ทั้งนายกอบต. นายก อบจ. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แต่ตำหนิที่ท่านมีเลศนัยทำโครงการต่างๆ นำเสนอว่าที่ผู้สมัครที่จะสนับสนุนท่านเป็นนายกฯอีกสมัย การทำเช่นนี้ไม่ได้ช่วยลดบรรยากาศทางการเมืองลงมา

“สุพล” อัดพวกไร้มารยาทปูดถูกดูด

นายสุพล ฟองงาม อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวมีรายชื่อไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐว่า เรื่องนี้ตนยังไม่เคยพูดอะไร ข่าวที่ออกมาใครพูดก็ต้องไปถามคนนั้น คนที่ออกมาพูดถือว่าไม่มีมารยาท เพราะออกมาพูดเรื่องของคนอื่น ซึ่งตนยังไม่เคยพูดอะไรทั้งสิ้น ที่ สำคัญวันนี้ยังเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยอยู่ เมื่อถามว่า อนาคตทางการเมืองยังจะเหมือนเดิมหรือไม่ นายสุพลตอบว่า อนาคตก็คืออนาคต อนาคตก็คือวันพรุ่งนี้ เมื่อถามว่า จะไปต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ขณะลงพื้นที่ประชุม ครม.สัญจร จ.อุบลราชธานีหรือไม่ นายสุพลตอบว่า ถ้าจังหวัดเชิญมาก็จะไป แต่ถ้าไม่เชิญก็ไม่ไป หากไปต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์แล้วเป็นเรื่องการเมือง ทำ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สบายใจและจะทำให้การลงพื้นที่พบปะประชาชนเสียบรรยากาศ ตนก็ไม่ไป เพราะอยากให้ ครม.ลงพื้นที่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย โดยไม่ให้เป็นเรื่องการเมือง

ห่วงนายกฯโดนด่าถ้าไปต้อนรับ

“ไม่อยากไปแล้วเกิดเป็นภาพว่าผมถูกดูด หรือนายกฯมาลงพื้นที่เพื่อดูดใคร แบบนี้จะเสียหายกันทั้งสองฝ่าย และต่อให้ผมไปในฐานะประชาชนในพื้นที่ แต่ก็ไม่สามารถหนีภาพความเป็นนักการเมืองไปได้อยู่ดี สื่อก็ต้องเขียนข่าวเรื่องดูดกันอีก ดังนั้นเลยอยากให้นายกฯลงพื้นที่แบบสบายใจ ไม่ต้องมาเป็นประเด็นในเรื่องนี้” นายสุพลกล่าว เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า จะมีรัฐมนตรีในรัฐบาลมาทานข้าวเย็นกับอดีต ส.ส.และผู้บริหารท้องถิ่น ก่อนจะลงพื้นที่ ครม.สัญจรที่ จ.อุบลราชธานี นายสุพลตอบว่า ไม่มี ตนไม่ได้รับเชิญจากใคร เท่าที่รู้จักกับคนในท้องถิ่นก็ไม่มีใครบอกว่ามีรัฐมนตรีมาเชิญไปทานข้าวเย็น

“สามมิตร” ถกชาวนาดันค่าข้าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 ก.ค. ที่ร้านกินเส้น ย่านสนามบินน้ำ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายอนุชา นาคาศัย แกนนำกลุ่มสามมิตร ได้ประชุมร่วมกับตัวแทนกลุ่มเกษตรกรชาวนา อาทิ นายธีร์วริศ พรพันธวิศ นายกสมาคมส่งเสริมเกษตรกรชาวนาอีสาน นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาข้าวไทย พ.อ.สหรัตน์ อุทธโยธา ที่ปรึกษาชาวนาไทย นายวิชัย ชิตยวงษ์ ตัวแทนสมาคมส่งเสริมชาวนาไทย นายพูลพัชร พูลเจริญ เลขาธิการเครือข่ายชาวนาประชารัฐ และนายบัญชา เดชเจริญศิริกุล ตัวแทนสมาคมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หารือถึงการแก้ไข บรรเทาปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะราคาข้าว นายสมศักดิ์เผยหลังหารือว่า ในฐานะที่ทำงานการเมืองมานาน หลังการเลือกตั้งเริ่มชัดเจนมากขึ้น ก็อยากแลกเปลี่ยนความเห็น คุยกันเรื่องแก้ปัญหาราคาข้าว เกษตรกรภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคเหนือ ส่วนใหญ่อยากให้ราคาข้าวนาปรังที่ขณะนี้ราคาอยู่ที่ 6,000 บาทต่อตัน ขยับขึ้นไม่ตํ่ากว่า 8,000 บาทต่อตัน เพราะชาวนาบางคนไม่ได้ฝากข้าวไว้ในยุ้งฉาง รัฐบาลไม่ได้จ่ายตรงนี้ โดยหลังจากนี้จะนำเรื่องไปประสานกับกระทรวงพาณิชย์ต่อไป

เหน็บพวกแก่ชรากล่าวหาจ้องดูด

นายสมศักดิ์กล่าวว่า สำหรับกระแสวิพากษ์ วิจารณ์การดูดอดีต ส.ส.นั้น คำว่าดูด นิยามหรือความหมายเป็นมุมมองที่ไม่ค่อยสวยงามนัก เพราะข้อเท็จจริงแล้วเป็นรูปแบบของการระดมสมองหรือแสวงหาจุดร่วม ไม่ใช่การดูด และพรรคการเมืองที่ดีก็ต้องมองที่นโยบายเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชน การไปว่าคนนี้คนนั้นดูดถือเป็นความแก่ชรา เฒ่าของผู้ที่เอามาพูด ควรเอาเวลาไปทำนโยบายที่ดีเพื่อเดินไปข้างหน้าจะดีกว่า เรื่องการแก้ไขปัญหาความยากจน เป็นประเด็นที่เราคิดว่าต้องเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนในการจับจ่ายใช้สอยในฐานล่าง จะทำอย่างไรให้สังคมเมืองกับสังคมชนบทไปด้วยกันได้

ขอเป็นตัวเชื่อมปัญหาถึงรัฐบาล

นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับความชัดเจนทางการเมืองของกลุ่มสามมิตรว่าจะไปร่วมงานกับพรรคไหนนั้น ตนหยุดการเมืองมาเป็น 10 ปี เพราะถูกตัดสิทธิ์ เพิ่งจะมีโอกาสกลับเข้ามา และวันนี้เรื่องพรรคการเมืองยังพูดไม่ได้ เพราะทุกอย่างยังไม่สะเด็ดน้ำ ต้องรอดูความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้งก่อน เวลานี้กลุ่มสามมิตรจึงขอเดินหน้ารวบรวมแนวทางแก้ปัญหาความยากจนในภาคเกษตร และคิดว่าจะนำนโยบายในอดีตที่เคยคิดว่าจะทำ แต่ยังไม่ได้ทำ กลับมาทำและส่วนหนึ่งนำไปเป็นข้อสังเกตให้กับรัฐบาล เพราะตอนนี้เรายังไม่มีอำนาจอะไร จึงเป็นช่วงที่เราจะแสวงหาจุดร่วมแนวคิดที่เห็นต่างของประชาชน เพื่อที่พรรคที่เราจะไปร่วมงานในอนาคตจะได้รับไปเป็นนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร

“บิ๊กตู่” ย้ำชาติต้องวางยุทธศาสตร์

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นประธานในพิธีเปิดงานประชุมวิชาการและมหกรรมการแสดงผลงาน 100 ปี การสาธารณสุขไทย “เพื่อประชาชนสุขภาพดี 100 ปี แห่งการพัฒนา” และงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 15 โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปาฐกถาหัวข้อ “มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนเพื่อสุขภาพคนไทย” ตอนหนึ่งว่า เห็นรอยยิ้มของบุคลากรทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขมีความสบายใจมากขึ้น ขอขอบคุณศรัทธาในสิ่งที่ทุกคนได้ทำงานเพื่อคนไทยมาตลอด ครบรอบ 100 ปีไม่ใช่น้อยๆ วันนี้คนไทยมีอายุยืนขึ้น มีสุขภาพร่างกายที่ดี ส่วนจิตใจอาจจะดีบ้างไม่ดีบ้างตามสถานการณ์และปัจจัยความขัดแย้งที่มีอยู่ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเองและใจ ประเทศที่มีประชาชนเข้มแข็ง มีความรู้ การศึกษา หลักคิดที่ดีงามถูกต้องจะเจริญ ยิ่งถ้ามีจิตใจที่ดีและศรัทธาเพื่อคนอื่นจะยิ่งดียิ่งขึ้น เราจึงจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีโดยเฉพาะความมั่นคง ความมีเสถียรภาพ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีความมั่งคั่งตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีความยั่งยืน มีภูมิคุ้มกัน มีความรู้คู่คุณธรรม

ลั่นประชาชนไม่ยอมรับก็อยู่ไม่ได้

นายกฯกล่าวว่า การที่รัฐบาลทำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพราะต้องการมองอนาคตในระยะยาว โลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การสาธารณสุขเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประเทศเดินต่อไปได้ ทุกคนต้องแข็งแรง ไม่ใช่แค่ไทย ขอให้ทุกคนทำเพื่อไทยและโลก ต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตามระบบสุขภาพแนวคิดที่ว่า คนดี มีคุณค่า มีความสุข การเป็นคนดีจะต้องดีทั้งร่างกายและจิตใจ เกียรติยศศักดิ์ศรีไม่ใช่ตัวเราเองเป็นผู้กำหนดไม่ใช่เป็นนายกฯ แล้วจะหมายความว่าเป็นคนดีมีเกียรติยศ การที่จะมีเกียรติยศได้คือการที่คนข้างล่างเท่านั้นจะให้มา ถ้าไม่ให้ตนก็มีไม่ได้ หรือถ้าประชาชนไม่ยอมรับตนก็อยู่ไม่ได้ เกียรติยศเป็นเรื่องที่คนอื่นมอบให้กับเรา ดังนั้น เราต้องทำตัวให้มีคุณค่า มีความสุขในสิ่งที่ทำวันนี้ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข เราต้องมีความสุขกับความสุขของคนอื่น ถือเป็นหน้าที่ของเราทุกคน เราจึงจำเป็นต้องเร่งรัดพัฒนาใน 3 ยุทธศาสตร์ คือ การลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความมั่นคง พัฒนาเด็กและผู้สูงอายุ

ทำให้ชาติเต็มที่ดี-ไม่ดีแล้วแต่มอง

นายกฯกล่าวอีกว่า ยุทธศาสตร์ชาติระยะที่ 1 เรายังทำได้ไม่ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะมีปัญหาทางด้านงบประมาณและบุคลากร วันนี้หลายคนอาจจะมองว่ารัฐบาลทำดีบ้างไม่ดีบ้าง แต่ตนก็เต็มที่ให้แล้ว ถ้ายังติกันไปมาก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งหมด รัฐบาลสนับสนุนการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทย เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้นำไปจัดแสดงที่ทำเนียบรัฐบาล นำบางส่วนไปให้ตนใช้อาการป่วยก็ดีขึ้นมาหน่อย ไม่ได้ปากหวานแต่บังเอิญอาการของตนเป็นมาก ปล่อยมันมากเกินไปคิดว่าแข็งแรงอยู่เรื่อย เป็นหวัดเพราะตากฝน เครียดบ้างอะไรบ้าง ไม่เป็นไรยังมีศรัทธา และยิ่งได้ฟังเพลงศรัทธาก็ยิ่งมีกำลังใจ ขอบคุณในโอกาส 100 ปีสาธารณสุขไทย ตนคงไม่อยู่ถึง 100 ปีข้างหน้า แต่ยุทธศาสตร์ 20 ปี คนรุ่นหลังยังอยู่ได้ ถ้าเรามีจิตใจมุ่งมั่นที่จะทำให้ประเทศมีความสุขและเห็นว่าอะไรที่ทำให้ไม่มีความสุขก็ช่วยกันแก้ เพื่อจะได้เป็นประเทศที่เจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เหมือนกับประเทศโครเอเชียที่มี 5 ล้านคน แต่เข้าชิงฟุตบอลโลก เรามีตั้ง 70 กว่าล้าน ได้นำพลังเหล่านี้มาขับเคลื่อนร้อยเปอร์เซ็นต์หรือยัง

เน็ตประชารัฐทุกหมู่บ้านต้องใช้ได้

ต่อมาเวลา 15.00 น. ที่ห้องบอลรูม โรงแรมปาร์คไฮแอท นายกฯเป็นประธานพิธีเปิดตัว Google Station-CAT Wifi และกล่าวให้โอวาทในพิธีเปิดงาน Google for thailand โดยมีนายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายกลิน ที เดวีส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ผอ.ประจำประเทศไทย บริษัท กูเกิล (ประเทศไทย) จำกัด กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารภาครัฐ ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ เข้าร่วม นายกฯกล่าวว่า เราต้องเตรียมคนให้พร้อมสู่โลกดิจิทัล เพราะมีประโยชน์สูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงด้วย ต้องสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี มีหลักคิดที่ถูกต้อง และต้องสร้างสังคมให้เข้มแข็ง โดยโครงการเน็ตประชารัฐของรัฐบาลได้กระจายครอบคลุมทุกหมู่บ้านแล้ว แต่ต้องไปตรวจด้วยว่าใช้ได้หรือไม่ มีปัญหาต้องแก้ เพราะประชาชนคาดหวังใช้ได้ครอบคลุม วันนี้อะไรที่ดีๆ กำลังเกิดขึ้นประเทศไทย ในโลกใบนี้ ขอบคุณมิตรประเทศ ขอบคุณคนไทย ที่ช่วยกันจนงานต่างๆ สำเร็จไปได้ด้วยดี โดยเฉพาะการช่วย 13 คนทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมีสำเร็จได้ด้วยดี นั่นคืออีกหนึ่งจากการเผยแพร่ทางดิจิทัล ทำให้โลกทั้งโลกเห็นความรักความสามัคคีของพวกเรา

“วิษณุ” สั่งดูช่องทางเลี่ยงไพรมารี

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 ว่า ได้ให้โจทย์กับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาตั้งแต่ก่อนการพูดคุยกับพรรคการเมือง และได้ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาด้วยแล้ว แต่เมื่อการพูดคุยกับพรรคการเมืองจำเป็นต้องปรับให้สอดคล้องกับข้อเสนอ โดยเฉพาะการจัดทำไพรมารีโหวตว่าจะเอาอย่างไร ก่อนให้ คสช.เป็นผู้ตัดสินใจ ไม่จำเป็นต้องรีบมาก เพราะต้องการให้ กกต.ชุดใหม่ได้ร่วมพิจารณาด้วย เพื่อความรวดเร็วตนได้ขอให้เขียนการทำไพรมารีโหวตไว้หลายแบบ ทั้งไม่ต้องมี ให้มีแบบเขต แบบจังหวัด แบบภาค แต่ไม่สามารถยกเลิกไพรมารีโหวตได้เพราะจะขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ จึงได้ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาไปหาแนวทางว่าหากการเลือกตั้งครั้งต่อไปไม่มีไพรมารีโหวต จะทำอย่างไรให้สมาชิกพรรคการเมืองได้มีส่วนร่วมตามรัฐธรรมนูญมาตร 45 ทั้งนี้ มองว่าการแก้ไขกฎหมายจะไม่ก่อให้เกิดความยุ่งยากในการปฏิบัติ

เห็นพ้องอัยการร่วมสอบบางคดี

นายวิษณุกล่าวถึงแนวคิดให้อัยการมาร่วมในกระบวนการสอบสวนว่า พูดเรื่องนี้มานานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่มีสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) แต่คงเป็นเรื่องลำบาก เพราะบุคลากรของอัยการไม่เพียงพอ การ ให้อัยการร่วมสอบบางเรื่องนั้นทำอยู่แล้วในปัจจุบัน เช่น ในคดีพิเศษ แต่จากการพูดคุยมีข้อเสนอว่า เมื่อตำรวจสอบสวนแล้วเสร็จหากอัยการสงสัย สามารถสั่งให้สอบเพิ่มเติมได้ และมีข้อเสนอให้อัยการมาร่วมสอบตั้งแต่ต้นในบางคดี เช่น คดีความมั่นคง คดีที่ประชาชนไม่ไว้วางใจพนักงานสอบสวน ข้อเสนอนี้ได้รับความเห็นพ้องจากหลายฝ่าย โดยต้องแยกเป็นกฎหมายออกมาต่างหากจาก พ.ร.บ.ตำรวจ

“มีชัย” เผยเขียน รธน.ด้วยสำนึกบาป

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะนิติศาสตร์ ร่วมกับคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย จัดสัมมนา “หลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ” โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) บรรยายพิเศษว่า ภูมิหลังมาตรานี้เกิดจากมองเห็นอันตรายของการมีกฎหมาย เดิมคิดว่ามันดีทำให้สังคมยึดถือปฏิบัติเดินไปในทางเดียวกัน ประเทศ ไทยมีกฎหมายกว่า 2,000 ฉบับ แต่นับวันยิ่งแย่ความเป็นระเบียบเรียบร้อยน้อยลง ผลงานของรัฐสภาในการออกกฎหมายเยอะๆถูกต้องหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ต้องทบทวน ตนเป็นคนหนึ่งที่ทำกฎหมายออกมา แต่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ เอาเข้าจริงกลับ สร้างความไม่เป็นธรรมต่อการดำรงชีวิตและการงาน การออกกฎหมายจำนวนมากจึงไม่ใช่ของดี วันหนึ่งตนสำนึกบาป กฎหมายที่ออกจะไปตกในมือคนที่ใช้ระบบพรรคพวกตามวัฒนธรรมแบบไทยๆ ไม่บังคับใช้อย่างที่ควรเป็น จึงนำไปสู่การวางกรอบใน รัฐธรรมนูญให้ทำตามเงื่อนไขที่วางไว้

เป็นหนี้ต้องจ่าย! ครูห้ามเบี้ยว

ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงปัญหาหนี้สินของคนไทยในปัจจุบันว่า การเป็นหนี้เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ มีเกียรติ และหนี้ก็ไม่ได้มีใครเอาไปใช้ ตัวเองเอาไปใช้เอง จะมาบอกว่าไม่รู้เรื่องไม่ได้ ขอให้ทยอยใช้หนี้ไป รัฐบาลก็ดูแลอยู่แล้วทุกคนเคยมีหนี้ทั้งสิ้น ตนก็เคยมี ทุกคนไม่เท่ากันอยู่แล้ว แต่ถ้าเราพัฒนาตัวเองก็จะสามารถชนะอุปสรรคได้

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มครูประกาศปฏิญญามหาสารคาม ขอยุติการชำระหนี้ว่า นายกรัฐมนตรีพูดชัดเจนแล้วว่าจะยกเลิกหนี้ไม่ได้ ถ้าไม่จ่ายหนี้ก็อาจถูกฟ้องล้มละลาย ขาดคุณสมบัติความเป็นครู อย่างไรก็ตาม ทราบว่าทางกลุ่มครูออกมาชี้แจงแล้วว่าไม่ใช่จะไม่จ่ายหนี้ แต่ขอชะลอหนี้

“สามมิตร” ช่วยกรอง นปช.แท้-เทียม

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.กล่าวถึงกรณีที่นายเทพพนม นามลี นปช.สุรินทร์ ออกมาโจมตีแกนนำ นปช.ว่าใช้ระบบเส้นสายแต่งตั้งกันเอง ไม่เคยได้รับการเลือกตั้งจากสมาชิกว่า ส่วนตัวไม่รู้จักกับนายเทพพนม เพราะเคยแต่ประสานงานกับแกนนำ นปช.สุรินทร์ที่เป็นตัวจริง ทั้งนี้ การเป็นแกนนำอยู่ที่มีคนยอมรับและเดินตาม ถ้าประกาศตัวเป็นแกนนำ แต่หัน 360 องศาแล้วยังหาใครตามไม่ได้ก็สาหัสเต็มที ส่วนเรื่องการเดินสายดูด นปช.นั้น พี่น้อง นปช.ต่างจังหวัดถามกันมามากว่าแกนนำจะทำอย่างไร ก็ตอบกลับไปว่าไม่ต้องทำอะไร นั่งดูสบายๆ ไม่มีอะไรต้องกังวล ทั้งแง่ปริมาณและคุณภาพ องค์กรต่อสู้อย่าง นปช.ถ้าจะอ่อนแอลงด้วยพลังดูดอย่างที่ทำกันอยู่คงไม่ยืนมาถึงวันนี้ กลุ่มสามมิตรกำลังทำหน้าที่เป็นหน่วยคัดแยกให้ ใครเป็นใครเห็นกันหมด ถ้าเราทำเองคงไม่เห็นตัวตนของแต่ละคนชัดขนาดนี้ หากยังตั้งหน้าดูดกันอยู่ก็อยากให้เร่งทำให้เสร็จ เอาใครไปได้ก็ให้รีบเอาไป จะได้เลือกตั้งกันเสียที ตนพูดจริงไม่ได้ประชด ดูดตามสบาย จะไม่ขัดไม่ขวาง ถ้ามีคนจาก นปช.ไปร่วมบ้างจริงก็ขอให้กลุ่มสามมิตรหรือพรรคพลังประชารัฐดูแลให้ดี เชื่อว่าคนจำนวนมากตัดสินใจไปแล้วว่าถึงวันเลือกตั้งจะลงคะแนนอย่างไร