การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังเป็นปัญหาโลกแตกที่ทุกรัฐบาลไม่สามารถทำให้ปัญหาตกผลึกได้ ไม่ว่าจะเป็นยุทธวิธีการปราบปรามที่เด็ดขาดหรือการเจรจาเพื่อสันติสุข เปลี่ยนผู้รับผิดชอบมาหลายรุ่น มีทั้งฝ่ายปกครองและทหาร มีคณะกรรมการหลายชุด สุดท้ายก็ยังคว้าน้ำเหลวอยู่ดีโดยวัดจากความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่
มาถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยรองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้นำร่องนำแผน เบตง 61 มาแก้ไขปัญหาภาคใต้อย่างจริงจัง
เริ่มจากกรณีที่ อ.เบตง จ.ยะลา ได้มีการยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ตั้งแต่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา และในวันที่ 26 พ.ค. ครม.ได้มีมติให้เขตพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและให้ กอ.รมน. หรือหน่วยงานภายใน กอ.รมน.มอบหมายให้เป็นศูนย์อำนวยการ รับผิดชอบในการป้องกันปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในประเทศ
นอกจากนี้ ได้จัดทำแผนบูรณาการ ติดตาม และเร่งรัดหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการไปตามแผนที่กำหนด ซึ่งจะมีผลบังคับใช้จากวันที่ 28 พ.ค. ถึง 30 พ.ย.
การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ จ.ภาคใต้ เป็นไปตามนโยบายการบริหารและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สร้างความปลอดภัย เคารพในหลักสิทธิมนุษยชน ประชาชนมีความเชื่อมั่นและมีส่วนร่วมเสริมสร้างสันติสุขอย่างยั่งยืน กำหนดให้ อ.เบตงเป็นเมืองต้นแบบ การพัฒนาพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับการพัฒนาเมืองต้นแบบ สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน โดยจะมีการพัฒนาเป็นเมืองท่องเที่ยวและแหล่งท่องเที่ยวใหม่ รวมทั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ
...
การดำเนินการเพื่อบูรณาการให้สอดคล้องกับ แผนยุทธศาสตร์ชาติ ดำเนินงานสนับสนุนให้ประชาชนในพื้นที่มีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีมีรายได้ รวมถึงให้มีการประเมินความมั่นคง การเสริมความรู้ความเข้าใจและการมีส่วนร่วม เพื่อพัฒนาสังคมให้มีสันติสุขต่อไป
แผนเบตง 61 บูรณาการขึ้นมาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน รัฐบาลที่ผ่านมาก็เคยมีนโยบายแนวคิดในการแก้ปัญหาในภาคใต้คล้ายๆกัน คือเอาเศรษฐกิจลงไปปฏิบัติควบคู่กับความมั่นคงเพราะเชื่อว่าเมื่อประชาชนมีความกินดีอยู่ดีก็จะนำมาซึ่งความสงบสุข แต่ท้ายที่สุดประสบกับปัญหาเงินงบประมาณไปไม่ถึงมือชาวบ้าน นโยบายจึงไม่ประสบความสำเร็จเพราะมีการแสวงหาผลประโยชน์กันอย่างมหาศาล.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th