“บิ๊กตู่” ร่ายยาว 2 ชั่วโมง ของบฯ รายจ่ายปี 62 วงเงิน 3 ล้านล้าน โวย อย่าจ้องจับผิดทุจริตงบก้อนโต เตือน ใช้สติ อย่าใช้ความรู้สึกตัดสิน ปลื้ม จัดสรรงบกระจายลงทั่วทุกภาคอย่างทั่วถึง ไม่ได้ให้งบแบบส่งเดช บอกด่าได้ แต่อย่าหมิ่นตำแหน่งนายกฯ

วันที่ 7 มิ.ย. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 วงเงิน 3 ล้านล้านบาท วาระแรก ตามที่ ครม.เป็นผู้เสนอ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. นำ ครม.เข้าร่วมชี้แจงถึงความจำเป็นการเสนอของบร่ายจ่ายปี

โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวชี้แจงว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 2562 เป้าหมายหลัก เพื่อให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตามร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี สอดคล้องแผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 กรอบแนวคิดการพัฒนาประเทศไปสู่ประเทศไทย 4.0 รวมทั้งน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางจัดสรรงบประมาณ หากจำแนกรายจ่ายตามยุทธศาสตร์จัดสรรงบประมาณ แบ่งเป็น 6 ด้าน ได้แก่ 1. ยุทธศาสตร์ความมั่นคง 329,239 ล้านบาท 2. ยุทธศาสตร์การสร้างความสามารถการแข่งขันของประเทศ 406,496 ล้านบาท 3. ยุทธศาสตร์การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน 560,884 ล้านบาท 4. ยุทธศาสตร์แก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ 397,581 ล้านบาท 5. ยุทธศาสตร์การจัดการน้ำและสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน 117,266 ล้านบาท และ 6. ยุทธศาสตร์การปรับสมดุล และพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ 838,422 ล้านบาท

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า งบรายจ่ายที่สูงถึง 3 ล้านล้านบาทนั้น หลายคนบอกว่า ถ้ามีงบมากแล้วอาจมีการทุจริตนั้น ถ้าคิดแบบนี้คงทำอะไรไม่ได้ รัฐบาลนี้ถูกตรวจสอบทุกวัน อย่าให้ใครไปใช้ประโยชน์บิดเบือน การทุจริตไม่ได้อยู่ที่ระบบ แต่อยู่ที่คน อย่าโทษระบบแต่เพียงอย่างเดียว ขอให้ใช้สติปัญญา อย่าใช้ความรู้สึก ไม่ใช่ไปจับผิดจนทำอะไรไม่ได้ เรื่องการใช้จ่ายงบประมาณนั้น ขอให้ไว้ใจตน ไม่ได้ให้แบบส่งเดชแบบใครขอมาก็ให้ วันนี้แสดงให้เห็นว่า ทุกภาคได้เงินใกล้เคียงกัน เพราะเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ ไม่ได้ให้เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หวังเป็นอย่างยิ่งว่า วันข้างหน้ารัฐบาลที่ทุกคนคาดหวัง ขอให้ทำได้แบบนี้ละกัน ส่วนการปฏิรูปประเทศ แม้จะทำมาหลายปี ยังทะเลาะกันไม่เลิก แบบไม่มีเหตุผล ไม่มีหลักการ ไม่คิดถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เช่น ทะเลาะแบบปากต่อปากในสื่อสังคมออนไลน์ เป็นสถานการณ์ที่สร้างความขัดแย้งเป็นปัญหามา 10 ปีแล้ว จึงต้องแก้วันนี้ และแก้ให้ได้ก่อนการเลือกตั้ง ให้เป็นไปตามโรดแม็ปที่กำหนด

...

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หวังว่า สนช.จะสนับสนุนกฎหมายฉบับนี้ ขอให้ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลต่อไปร่วมกันเดินหน้าประเทศไทยให้ถึงทุกกลุ่ม ไม่ให้เกิดช่องว่าง หรือความเหลื่อมล้ำเพื่อลดความยากจน ถ้าพูดอะไรแรงไปก็ขอโทษด้วย

“ผมก็คือผม ความเป็นมนุษย์สูงหน่อย นายกรัฐมนตรีคือ ตำแหน่ง ดังนั้นจะมาหมิ่นตำแหน่งนายกฯ ไม่ได้ ถ้าจะด่าก็ด่าผมได้ แต่ถ้าผมเป็นนายกฯ อยู่ เวลาด่าผม กรุณาระวังหน่อยแล้วกัน ตำแหน่งนายกฯ เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ ผมอยากรักษาให้ตำแหน่งนี้มีเกียรติ การทำงานไม่ง่าย ถ้าไม่ให้กำลังใจกัน คนดีก็หมด คนไม่ดีก็ออกมาใหม่” นายกฯ กล่าวปิดท้าย โดยใช้เวลาอภิปรายกว่า 2 ชั่วโมง