‘ตือ’ จวกจะรออะไร ศรีสุวรรณฉะแสบ อย่าหน้าทนอยู่ต่อ

โฆษกรัฐบาล คสช.กระเตง รมว.กต. ชี้คดีถือหุ้นยังไม่ถึงที่สุด ไม่ต้องพักงาน โวยใกล้เลือกตั้งขบวนการป้ายสีผ่านโซเชียลดิสเครดิต“นายกฯตู่” ขู่ฟันเด็ดขาดตามกฎหมาย เลขาฯ สมช. ตีปี๊บคนแดนไกลหนีคดีเคลื่อน ไหวป่วน “เรืองไกร” งัด ม.82 วรรคสองสวนหมัด “วิษณุ” บี้ “ดอน” หยุดปฏิบัติหน้าที่ “นพดล” เชือดนิ่มๆเป็นนักการทูตรู้ตัวดีต้องทำอย่างไร “ตือ” ย้อนมีบรรทัดฐานในอดีตจะรออะไร ด้าน “ศรีสุวรรณ” กระทุ้งโชว์สปิริตยุคปฏิรูป อย่ามัวหน้าทนไล่ส่งไขก๊อก พท.สับ 4 ปีคืนประชาธิปไตยช้าไปแล้ว ชทพ. ฉะ คสช.ก่อปัญหาถ่วงโรดแม็ป “เอกชัย-โชคชัย” เผารัฐธรรมนูญลายพราง ชวนพรรคการเมืองชูนโยบายรื้อทิ้ง รธน.เผด็จการ “วิลาศ” จับพิรุธ 3 บริษัท ส่อฮั้วติดตั้งไอทีรัฐสภาใหม่

กรณีมติเสียงข้างมากของ กกต.ชี้ว่าการถือครองหุ้นของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ คู่สมรสถือหุ้นในธุรกิจเกินกว่าร้อยละ 5 และไม่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ภายในเวลาที่กำหนดจนหลายฝ่ายออกมากดดันให้แสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่ง ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลออกมาปกป้องว่ายังสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ เพราะคดียังไม่ถึงที่สุด ต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน

“ไก่อู” อุ้ม รมว.กต.คดียังไม่ถึงที่สุด

เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีการเรียกร้องให้นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ลาออกจากตำแหน่ง ภายหลังจาก กกต.มีมติเสียงข้างมาก ชี้ว่าการถือครองหุ้นของนายดอนเข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญว่า เท่าที่ทราบเรื่องนี้ผู้ถือหุ้นเป็นภรรยาของนายดอนที่ได้รับมรดกมา โดยถือหุ้นร่วมกับบุคคลในครอบครัว ไม่เคยมีการซื้อขายหุ้นดังกล่าว คงต้องให้กระบวนการทางกฎหมายเดินต่อไป เนื่องจากตอนนี้กระบวนการยังไม่ถึงที่สุด เพราะมันยังไม่จบที่มติของ กกต. คงต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อน

...

โวยโซเชียลดิสเครดิต “บิ๊กตู่”

พล.ท.สรรเสริญกล่าวต่อว่า กรณีที่มีการแชร์ภาพและข้อความในโซเชียลมีเดียระบุ “บิ๊กตู่ติงคนไทยใช้สมองน้อย แฉมีคนจ้องทำลายทหาร-สถาบัน” ว่า มีความพยายามของคนบางกลุ่ม ต้องการนำข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนไม่ถูกต้อง หรือนำเสนอเพียงบางช่วงบางตอน มาเผยแพร่อย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดและลดความน่าเชื่อถือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมถึงรัฐบาล เพราะใกล้เข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว และเมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นข่าวเก่าที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 58 ที่นายกฯกล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “นายกฯพบหอการค้า รวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ที่แท้จริงนายกฯพูดว่า “คนไทยเป็นคนโรแมนติก ส่วนใหญ่ใช้ความรู้สึก ใช้หัวใจเสียเป็นส่วนมาก แต่ใช้สมองน้อยในการคิดใคร่ครวญว่ามันใช่หรือไม่ใช่ ตนไม่ได้ดูถูก ดังนั้น วันนี้สิ่งแรกที่เราต้องแก้คือ เราต้องมีความรู้ มีสติ และมีความรู้สึกในการครองชีวิต หากประเทศไทยยังใช้ความรู้สึกในการดำรงชีวิตอยู่อย่างนี้ ไม่ว่าอะไรก็ตาม ก็คงเดินต่อไปกันไม่ได้”

ขู่ฟันเฉียบใกล้เลือกตั้งป้ายสีระบาด

พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า ตั้งข้อสังเกตได้ว่าขณะนี้วงจรของการใส่ร้ายป้ายสีทางการเมืองเริ่มกลับมาอีกครั้ง นายกฯได้สั่งการให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องชี้แจง ข้อเท็จจริงให้พี่น้องประชาชนทราบอย่างถูกต้อง และรวดเร็วทันสถานการณ์ โดยเฉพาะสื่อโซเชียลมีเดียที่มีการเผยแพร่และส่งต่อกันเป็นจำนวนมาก เพื่อลดความสับสนวุ่นวาย พร้อมทั้งเตือนไปยังนักเลงคีย์บอร์ดทั้งหลาย ที่จงใจสร้างข่าวปลอมให้ร้ายหรือตัดข้อมูลเพียงบางส่วนไปนำเสนอเพื่อสร้างความเกลียดชังกัน ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย ขอให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว หากสืบสวนพบต้นตอของข่าวและตัวผู้กระทำผิด จะถูกดำเนินคดีและลงโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

อัดคนหนีคดีซุก ตปท.ยังเคลื่อนไหว

พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า จากการบิดเบือนทางโซเชียลมีเดียมากขึ้น ทำให้รัฐบาลเป็นห่วง เพราะบางเรื่องสร้างความตื่นตระหนกอาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิดได้ รวมถึงอาจส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจและด้านอื่นๆ รัฐบาลจึงเน้นการป้องกันและการชี้แจงให้มากขึ้น สำคัญต้องดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ทำเรื่องเหล่านี้ สมช.ได้เฝ้าระวังทุกกลุ่มที่จะก่อให้เกิดความไม่มั่นคง ติดตามอย่างต่อเนื่อง รวมถึงติดตามเคลื่อนไหวและติดตามตัวผู้ที่หนีคดีการเมืองไปอยู่ต่างประเทศ ขณะนี้พบว่ายังมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด แต่ต้องยอมรับว่าการติดตามจับกุมตัวยากลำบากต้องอาศัยความร่วมมือ ต้องฝากทุกคนให้ช่วยกัน อะไรที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงต้องช่วยกันแก้ไข เพราะการใช้สื่อโซเชียลง่าย ทำให้นำมาใช้มากขึ้น

พท.งัด ม.82 วรรค 2 บี้ “ดอน” ยุติหน้าที่

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนร้อง กกต.ให้ตรวจสอบรัฐมนตรีกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญทั้งหมด 9 คน ตอนนี้มีข่าว กกต.ลงมติว่านายดอนกระทำเข้าลักษณะต้องห้ามเพียง 1 คน แล้วให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จึงขอเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.สั่งการให้นายดอนหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที เพราะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุนายดอนยังไม่จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยนั้น ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 82 วรรคสอง ที่ระบุว่าเมื่อ กกต.ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว หากปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย จึงไม่จำเป็นต้องรอคำวินิจฉัยของศาล และจะเหมาะสมกว่าถ้านายกฯสั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่เอง ไม่ต้องรอให้ศาลเป็นผู้ออกคำสั่ง ส่วนที่นายวิษณุระบุว่าได้รับแจ้งจาก กกต.แล้ว แต่ตนในฐานะผู้ร้องยังไม่ได้รับการแจ้งผลการพิจารณา ขอเรียกร้องไปยัง กกต.ให้แจ้งผลมายังผู้ร้อง เพราะข่าวที่ออกมานั้นมีผู้กระทำผิดตามร้องของตนแล้ว แต่ยังไม่ทราบคำวินิจฉัยและความเห็นของ กกต.ตามคำร้องที่ยื่นไป

เป็นนักการทูตรู้ตัวดีต้องทำเช่นไร

นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึง กรณี กกต.มีมติเสียงข้างมากชี้ว่าการถือครองหุ้นของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากคู่สมรสถือหุ้นในธุรกิจเกินกว่าร้อยละ 5 และไม่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ภายในเวลาที่กำหนดว่า ตามข้อกฎหมายนายดอนสามารถอยู่ในตำแหน่งได้จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเห็นพ้องกับ กกต.หรือไม่ แต่การดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องถามสังคมว่าคาดหวังมาตรฐานอย่างไร เคยมีผู้กล่าวไว้ว่าความรับผิดชอบทางกฎหมายกับความรับผิดชอบทางการเมืองต้องแยกจากกัน ในฐานะเป็น รมว.ต่างประเทศต้องเจรจาและประชุมกับต่างชาติ การถูกกล่าวหาเช่นนี้จะกระทบการทำงานหรือไม่ ที่สุดแล้วอยู่ที่การตัดสินใจของนายดอน เพราะมีความรู้ประสบการณ์ที่หล่อหลอมจากการเป็นนักการทูตคงรู้ว่าควรทำอย่างไร

หยัน รบ.ทบทวนข้อหา “ทักษิณ-ปู”

นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องนี้นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยื่นตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ตามข้อเท็จจริงที่กฎหมายบัญญัติ ถ้านายดอนพ้นจากตำแหน่งจริงต้องปรับ ครม. เมื่อถามว่า เรื่องนี้เกี่ยวกับกรณีนายดอน ไม่สามารถระงับยับยั้งการเดินทางของนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือไม่ นายสามารถกล่าวว่า ไม่น่าเกี่ยวกันเพราะทุกประเทศมีอธิปไตยในดินแดนของตน รมว.ต่างประเทศคงไม่สามารถไปสั่งอังกฤษ สหรัฐอเมริกา หรือดูไบได้ ที่สำคัญต้องทบทวนว่าที่ไปกล่าวหาเขาว่าเป็นคนร้ายเป็นนักโทษ ทำไมต่างประเทศถึงให้เกียรติเดินทางเข้าประเทศได้ หลายประเทศมองกรณีนี้ว่าเป็นเรื่องการเมือง ต่อให้เปลี่ยน รมว.ต่างประเทศคนใหม่ หรือให้ พล.อ.ประยุทธ์มารับตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศเอง ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ และคงต้องปลดตัวเองเช่นกัน

“ตือ” ถามมีบรรทัดฐานอยู่รออะไร

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า กรณี กกต.มีมติให้นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีว่าในอดีตมีบรรทัดฐานอยู่แล้ว ยิ่งรัฐบาลมาแบบไม่ปกติ รัฐมนตรีในรัฐบาลต้องยิ่งทำตัวให้สังคมเห็นว่ามีความผิดแผกไปจากนักการเมืองทั่วไป เมื่อมีมติออกมาเช่นนี้ การหยุดปฏิบัติหน้าที่จะรอทำไม ควรให้เกียรติและให้โอกาสนายกฯจะปรับปรุงเพื่อให้ประเทศเดินต่อไปได้ดีกว่า

“ศรีสุวรรณ” กระทุ้งสปิริตยุคปฏิรูป

ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า สมาคมฯ ออกแถลงการณ์ เรื่องขอเรียกร้องให้ รมว.ต่างประเทศแสดงสปิริตลาออก กรณีไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มีเนื้อหาว่า กรณี กกต.มีมติว่าการถือครองหุ้นของคู่สมรสนายดอน เข้าลักษณะต้องห้ามของรัฐธรรมนูญ กรณีเช่นนี้เคยเกิดขึ้นกับรัฐมนตรีและนักการเมืองในอดีต และสังคมเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งมาตลอด ในยุคปฏิรูปของ คสช.มีผู้บอกว่านายดอนยังไม่ต้องลาออก หรือยังไม่ถือว่าผิดจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย ความคิดดังกล่าวเป็นอันตราย อย่างยิ่งต่อการปฏิรูปการเมือง เพราะการปฏิรูปการเมือง คือการแสดงสปิริต หรือการกระทำที่ไม่ไปซ้ำรอยกับนักการเมืองเดิมๆ

อย่ามัวรั้งรอหน้าทนไล่ไขก๊อก

“เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏโดย กกต.มีคำวินิจฉัยออกมาชี้ให้เห็นว่าการถือหุ้นเข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 264 ประกอบมาตรา 187 นายดอนจึงไม่ควรรั้งรอให้ กกต.ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย แต่ควรแสดงสปิริต โดยการลาออกจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ เชื่อว่าจะได้รับการสรรเสริญจากคนทั้งประเทศและทั้งโลกว่าเป็นผู้มีสปิริตสูงส่งกว่านักการเมืองบางคนในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ที่มีปัญหาถูกร้องเรียน แต่ยังหน้าทนอยู่ต่อ” นายศรีสุวรรณกล่าว

สับ 4 ปีช้าไปควรคืน ปชต.นานแล้ว

อีกเรื่อง พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ไม่มีเนื้อหาขัดรัฐธรรมนูญว่า เมื่อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้ดำเนินการเสร็จสิ้น เชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามโรดแม็ป และมีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ.62 ส่วนกรณีที่วุฒิสภาสหรัฐอเมริการะบุอยากเห็นไทยกลับคืนสู่ประชาธิปไตยนั้น ประเทศที่เป็นประชาธิปไตยต้องมองเช่นนั้น เชื่อว่าไม่ใช่วุฒิสภาสหรัฐฯเป็นคนแรกที่พูด หลายประเทศห่วงและอยากให้ประเทศไทยกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด มองว่า 4 ปีช้าไปรัฐบาลควรคืนประชาธิปไตยให้คนไทยได้ตั้งนานแล้ว

“ชัยเกษม” ลั่นถึงเวลาสู้กันแฟร์ๆ

นายชัยเกษม นิติสิริ อดีต รมว.ยุติธรรม แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มา ซึ่ง ส.ว.ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญนั้น ในตัวกฎหมายยังมีปัญหาอยู่ในตัวว่าจะใช้ระยะเวลาเต็ม 150 วันจะไปถึงเดือน เม.ย.62 หรือตามโรดแม็ปคือเดือน ก.พ.62 แค่นี้ขยับได้แล้ว ไม่ต้องไปดูเงื่อนไขอะไรใหม่ ส่วนการปลดล็อกคงไม่ไปหวังอะไร แต่เมื่อต้องมาอยู่ในฐานะคู่แข่งการเลือกตั้ง เมื่อยอมรับว่าเป็นนักการเมืองแล้วควรเสมอภาคสู้กันแบบแฟร์ๆ หรือไม่ใช่พูดได้อยู่คนเดียว แต่แน่นอนเขาต้องดูจังหวะเวลาให้ได้เปรียบมากที่สุด อะไรถูกใจทำ ไม่ถูกใจไม่ทำ เรื่องปลดล็อกอย่าไปหวังอะไรมาก ส่วนการพูดคุยพรรคการเมืองที่จะเลื่อนอีก จากอดีตที่เชิญพรรคการเมืองพูดคุยหลายครั้งไม่เห็นจะฟัง พรรคเพื่อไทยคงไม่ไป แต่ถ้า กกต.จัดอาจไปดูมีเครดิตน่าเชื่อถือกว่า

ฉะ คสช.ก่อปัญหาเหนี่ยวรั้งโรดแม็ป

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลคาดจะเสนอ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วย การได้มาซึ่ง ส.ว. ขึ้นทูลเกล้าฯได้ในเดือน มิ.ย. ถือเป็นเรื่องที่ดี วันนี้โพลออกมาเหมือนกันหมดว่าประชาชนอยากได้อำนาจกลับคืนมา ภาระหน้าที่ของ คสช.และรัฐบาลคือ เร่งทำให้เป็นไปตามโรดแม็ป เร็วที่สุด พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมืองประกาศใช้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงยังพยายามเหนี่ยวรั้ง ให้เงื่อนเวลาสร้างปัญหาอยู่ตลอด พรรคการเมืองยังทำกิจกรรมไม่ได้ คสช.จะกลายเป็นจำเลยของนักการเมือง เมื่อถึงเวลาคุณจะคืนอำนาจหรือให้ความเป็นธรรมกับเขาหรือไม่ เพราะวันนี้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดยังอยู่ที่ คสช. ถึงแม้ว่าจะเลือกตั้งเสร็จแล้ว ประชาชนตัดสินใจเสร็จแล้ว ยังขาดความเชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะยุติธรรม ขอเพียงทำทุกอย่างตามกติกา จะไม่มี ใครมาต่อว่า คสช.หรือรัฐบาลได้เลยว่าให้โอกาสพรรคใหม่มากกว่าพรรคเก่า

ลุ้นผลศาลฎีกาดับฝันรัฐประหาร

นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า วันที่ 22 มิ.ย. มีการนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีกลุ่มพลเมืองฟ้องกลับ ฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพวก ข้อหาเป็นกบฏ กรณีเข้ายึดอำนาจทำรัฐประหารล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย น่าติดตามจะเห็นแล้วว่าวันนี้สังคมไทยรังเกียจการยึดอำนาจอย่างไม่ถูกต้อง เมื่อยึดอำนาจแล้วมาออกกฎหมายนิรโทษ ยืนลอยตัวอย่างสง่างามในสังคม แต่ประเทศ ชาติย่อยยับไปขนาดไหน ในอดีตที่ผ่านมา ไม่เคย มีกฎหมายใดเอื้อมไปถึง ทำให้เป็นที่มาของการปฏิวัติซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากวันที่ 22 มิ.ย. ผลคำพิพากษาออกมาเอาผิดกับคนก่อการรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญชิงอำนาจรัฐมาลงโทษ เพื่อให้การใช้กำลังทำรัฐ– ประหารหมดไป คนคิดไม่กล้าอีก จะได้ไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารให้เป็นวงจรอุบาทว์อย่างนี้อีกไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน

“พีระศักดิ์” โต้ช่วย รบ.หาเสียงล่วงหน้า

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ จ.อุตรดิตถ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงพื้นที่โครงการ สนช.พบประชาชนตามวิถีไทยนิยม ยั่งยืน มีนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. นำคณะ สนช. 41 คน รับฟังความเห็นจากส่วนราชการ ประชาชน และผู้นำท้องถิ่น จากนั้นเวลา 11.40 น. นายพีระศักดิ์ให้สัมภาษณ์ว่า มาลงพื้นที่มารับทราบปัญหาความเดือดร้อน ที่ดินทำกิน แหล่งน้ำ การประกอบอาชีพ นำไปส่งต่อให้รัฐบาล ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ โจมตีโครงการไทยนิยมยั่งยืนของ สนช. ใช้งบประมาณตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ และหาเสียงให้รัฐบาล คสช.ล่วงหน้านั้น อยากให้คนที่พูดลงมาดูพื้นที่ด้วยกันสักที ลองมาตื่นตี 4 แล้วไปขึ้นเครื่องบินของกองทัพอากาศ กินข้าวกล่องบนเครื่องบิน รวมค่าใช้จ่ายคนละ 80 บาท ยังชื่นชมนายกฯที่คิดโครงการนี้ขึ้นมา ประชาชนได้มาปรึกษาหารือในเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ขณะที่ภาครัฐได้ลงไปใกล้ชิดประชาชนถึงระดับหมู่บ้าน ที่ผ่านมา เมื่อเราไม่ลงพื้นที่ จะโจมตีว่าไม่ได้มาจากประชาชน แต่พอลงพื้นที่ว่าหาเสียงล่วงหน้า ทั้งที่อะไรที่ตรงกับความต้องการของประชาชนให้จังหวัดหรือท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ สนช.ไม่ได้เป็นภาระงบประมาณกับกระทรวงต่างๆ แต่สิ่งที่ได้คือความภาคภูมิใจของประชาชนที่มีผู้ใหญ่ไปรับฟังความเห็น ถึงบ้าน ไม่เข้าใจว่าตำน้ำพริกละลายแม่น้ำตรงไหน

“มัลลิกา” บี้ใช้ ม.44 แก้พืชไร่ตกต่ำ

นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้พืชผลการเกษตรหลายชนิดตกต่ำล้นตลาดไม่มีผู้รับซื้อ เช่น อ้อย ฤดูการผลิตปี 60/61 ต่อเนื่องถึงปี 61/62 ตกต่ำต่อเนื่อง จากนโยบายรัฐบาลส่งเสริมให้ปลูกอ้อยเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 92.9 ล้านตัน เป็น 134.7 ล้านตัน จนเก็บส่งไม่ทันเวลาปิดหีบ ปัญหาเร่งด่วนกระทรวงพาณิชย์ได้ประสานงานกับกระทรวงเกษตรฯหรือไม่ ตรวจสอบการเพาะปลูกล่วงหน้า บริหารจัดการหาตลาดรองรับผลผลิตหรือไม่ ขณะที่สับปะรดภาคอีสานต้องปล่อยยืนต้นตายแล้วร่วม 20,000 ไร่ ภาคเหนือส่วนใหญ่ เช่น จ.ลำปาง เกษตรกรเดือดร้อนหนัก ไม่มีคนซื้อ รัฐบาลควรใช้งบฯอุดหนุนผ่านท้องถิ่นหรือนายกฯต้องใช้มาตรา 44 สั่งให้ช่วยเหลือเกษตรกรแก้วิกฤติเฉพาะหน้าก่อน อย่าโทษเกษตรกร เพราะกระทรวงพาณิชย์ไม่วางแผนบริหารจัดการตลาดล่วงหน้า และไร้ทักษะความสามารถ ขอให้รัฐบาลเร่งหาวิธีแก้ไขเร่งด่วน อย่านิ่งนอนใจ

“วิลาศ” เย้ย “เทือก” ไม่กล้าออกหน้า

นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่มีชื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำกลุ่ม กปปส.ร่วมเป็นสมาชิกพรรคด้วยว่าอาจกระทบฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์บ้าง แต่ไม่มาก แต่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครโดยเฉพาะฝั่งธนบุรี เชื่อว่าไม่มีผลกระทบ แม้จะชัดเจนว่านายสุเทพร่วมสนับสนุนหรือให้คำปรึกษาพรรค รปช. เชื่อว่านายสุเทพไม่กล้าเปิดตัวทางการเมืองมากเกินไป เพราะเคยพูดไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวการเมืองคงทำได้แค่ไซด์ไลน์หรืออยู่เบื้องหลังให้คำปรึกษา

“สุเทพ” เปิดโรงเรียนการเมือง

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ ไทย (มปท.) กล่าวถึงโครงการโรงเรียนการเมืองของพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.เป็นวันเริ่มต้นมีโรงเรียนการเมืองของพรรค รปช. อยากให้นักการเมืองรุ่นแรกของพรรคร่วมกันศึกษา แสดงเหตุผลวิเคราะห์สถานการณ์แลกเปลี่ยนประสบการณ์ คนของพรรคทุกคนต้องมีความรู้และความเข้าใจรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ในส่วนงานการเมืองเราต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้องในหลายเรื่อง ทั้งภาพรวมของประเทศทุกด้าน ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม ไม่ใช่มีแต่อาจารย์ที่จะมาสอน มีนายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต. มาร่วมบรรยาย

ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับโรงเรียนการเมืองพรรค รปช.มีนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ เปิดอบรมให้ความรู้แก่ผู้ร่วมสนับสนุนพรรค ใช้ห้องในอาคารแปซิฟิก เพลสทู เป็นที่เรียนชั่วคราว

ประชาชาติประชุมตั้งพรรค 4 ส.ค.

นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ แกนนำนักการเมืองกลุ่มวาดะห์ และผู้ร่วมขอจดจัดตั้งพรรคประชาชาติ เปิดเผยว่าวันที่ 4 ส.ค. จะมีการประชุมเพื่อจัดตั้งพรรคประชาชาติและลงมติเลือกผู้ดำรงตำแหน่งบริหารต่างๆของพรรค โดยประชุมที่ จ.ปัตตานี เนื่องจากผู้ร่วมก่อตั้งพรรคส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และวันนั้นนอกจากอดีต ส.ส.ที่ประกาศร่วมก่อตั้งพรรคมาประชุมแล้ว จะมีสมาชิกจากกรุงเทพฯลงมาร่วมประชุมด้วย คาดวันนั้นจะมีผู้มาประชุมร่วมกว่า 600 คน จากผู้มาแสดงเจตจำนงร่วมก่อตั้งพรรคแล้ว 700 กว่าคน ส่วนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ (มปท.) ขอจดแจ้งตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทยหรือ รปช. ฐานเสียงเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ คะแนนเสียงน่าจะแบ่งมาจากพรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนใหญ่ ไม่กระทบเราแน่นอน

แฉ 3 บ. ส่อฮั้วติดตั้งไอทีรัฐสภาใหม่

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงการเสนอของบประมาณติดตั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอซีที) ของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ที่ขอรัฐบาลไปกว่า 8,400 ล้านบาท เกินแผนเดิมกว่า 3,000 ล้านบาทว่า จากการตรวจสอบใบเสนอราคาของบริษัทเอกชน 3 บริษัท ที่รัฐสภาว่าจ้างด้วยวิธีพิเศษติดตั้งระบบไอซีที พบว่าทั้ง 3 บริษัทเสนอราคาส่อฮั้วผิดปกติ มีการเสนอรายการสินค้าของบริษัทในเครือตัวเองถึง 60 รายการ โดยไม่ได้สำรวจสินค้าจากบริษัทอื่นตามกระบวนการ ทั้งยังพบว่า 1 ใน 3 บริษัทที่เสนอติดตั้งนาฬิกาดาวเทียมให้อาคารรัฐสภา มีที่ตั้งบริษัทเป็นเพียงบ้านเดี่ยวชั้นเดียว ไม่ได้จดทะเบียนต่อกระทรวงพาณิชย์ว่าเป็นบริษัทนำเข้าหรือติดตั้งนาฬิกาโดยตรง แต่เป็นเพียงบริษัทจำหน่ายระบบเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น

จี้ “พรเพชร” หาคนผิดมาลงโทษ

นายวิลาศกล่าวอีกว่า การแต่งตั้ง ผอ.สำนักสารสนเทศของรัฐสภา ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านระบบไอทีโดยตรงมารับตำแหน่ง ก่อนเสนองบประมาณเกี่ยวกับระบบไอซีทีของรัฐสภาใหม่เพียง 1 เดือน โดยไม่ได้กลั่นกรองงบฯก่อน จึงไม่ชอบมาพากลว่าฮั้วกันหรือไม่ ขอเรียกร้องให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ตรวจสอบการเสนองบฯกว่า 8,000 ล้านบาท ว่าเป็นความผิดสำเร็จแล้วหรือไม่ และควรพิจารณาทบทวนงบฯโดยละเอียดรอบคอบพร้อมนำเอาคนผิดมาลงโทษไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ให้สมกับที่รัฐบาลประกาศว่าเป็นยุคปฏิรูปปราบโกง

แกนนำคนอยาก ลต.เผา รธน.

เมื่อ 15.00 น. บริเวณแมคโดนัลด์ สาขาอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม สืบสวน บก.น.1 เจ้าหน้าที่ทหารนอกเครื่องแบบ กระจายกำลังกันรอบบริเวณร้านดังกล่าว เพื่อเฝ้าจับตาความเคลื่อนไหวของนายเอกชัย หงส์กังวานและนายโชคชัย ไพบูลย์-รัชตะ 2 แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่เดินทางมารวมตัวแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงการไม่เห็นด้วยกับคำสัมภาษณ์ของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯว่านักการเมืองไม่มีสิทธิฉีกรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ สองแกนนำต้าน คสช. ยังได้นำภาพพานรัฐธรรมนูญที่มีข้อความ “รัฐธรรมนูญลายพราง” มาฉีกก่อนจุดไฟแล้วเผาลงในภาชนะที่เตรียมมาจนไหม้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้ห้าม เพราะไม่ถือว่าผิดกฎหมาย เพียงขอร้องให้นำไฟไปดับในที่ปลอดภัย จากนั้น 2 แกนนำคนอยากเลือกตั้งประกาศว่า นักการเมืองที่มาตามระบอบประชาธิปไตย ไม่สมควรจะใช้รัฐธรรมนูญเผด็จการ และมีสิทธิจะฉีกทิ้ง จึงขอให้ทุกพรรคที่จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ประกาศเป็นนโยบายให้ชัดว่าจะเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาจากเผด็จการประชาชนจะได้เลือกถูก ส่วนกลุ่มคนอยากเลือกตั้งนั้นในวันที่ 7 มิ.ย. จะไปรวมตัวให้กำลังใจผู้ชุมนุม 47 คน ที่จะเข้ารายงานตัวกับพนักงานสอบสวนที่ สน.นางเลิ้ง เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ขัดคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/58 จากการชุมนุมในวันครบรอบรัฐประหาร 4 ปี คสช.