"นพดล" ปล่อย "ดอน" ตัดสินใจไขก๊อก รมว.กต. ไม่ขอก้าวล่วง ด้าน เรืองไกร จี้ "บิ๊กตู่" สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เหตุไม่สอดคล้อง รธน.
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 61 นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวที่ประชุม กกต.มีมติเสียงข้างมาก ชี้ว่าการถือครองหุ้นของ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากคู่สมรสถือหุ้นในธุรกิจเกินกว่าร้อยละ 5 และไม่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดว่า ตามข้อกฎหมาย นายดอน สามารถอยู่ในตำแหน่งได้จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเห็นพ้องกับ กกต.หรือไม่ แต่การดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องถามสังคมว่าคาดหวังมาตรฐานอย่างไร เคยมีผู้กล่าวไว้ว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย กับความรับผิดชอบทางการเมืองต้องแยกจากกัน ในฐานะที่เป็น รมว.ต่างประเทศ ต้องทำงานเจรจาและประชุมกับต่างชาติ การถูกกล่าวหาเช่นนี้จะกระทบการทำงานหรือไม่ ที่สุดแล้วก็อยู่ที่การตัดสินใจของนายดอน เพราะมีความรู้ ประสบการณ์ที่หล่อหลอมจากการเป็นนักการทูต คงรู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้ควรทำอย่างไร ตนไม่ขอก้าวล่วง
ขณะที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนร้อง กกต.ให้ตรวจสอบรัฐมนตรีกระทำการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญทั้งหมด 9 คน ตอนนี้มีข่าว กกต.ลงมติว่า นายดอน กระทำเข้าลักษณะต้องห้ามเพียง 1 คน แล้วให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตนจึงขอเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ให้สั่งการให้นายดอนหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยทันที เพราะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุ นายดอน ยังไม่จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยนั้น ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 82 วรรคสอง ที่ระบุว่า เมื่อ กกต.ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้ว หากปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง ให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องรอคำวินิจฉัยของศาล และจะเหมาะสมกว่าถ้านายกฯ สั่งระงับการปฏิบัติหน้าที่เอง ไม่ต้องรอให้ศาลเป็นผู้ออกคำสั่ง
...
นายเรืองไกร กล่าวต่อถึงกรณี นายวิษณุ ระบุได้รับการแจ้งจาก กกต.แล้วว่า ตนในฐานะผู้ร้องยังไม่ได้รับการแจ้งผล ดังนั้นขอเรียกร้องไปยัง กกต.ให้แจ้งผลมายังผู้ร้อง เพราะข่าวที่ออกมานั้นมีผู้กระทำผิดตามร้องของตนแล้ว แต่ตนยังไม่ทราบคำวินิจฉัยและความเห็นของ กกต.ตามคำร้องที่ตนได้ยื่นไป