“วิษณุ”บอกเร็วไปพูดเรื่องปรับ ครม. หลัง กกต.ชี้ “ดอน” ถือหุ้นขัด รธน. ส่อหลุดตำแหน่ง ยันไม่จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เห็นใจไม่มีเจตนาทุจริต แค่ถือหุ้นก่อนกฎหมายออก นายกฯยกนิ้วโป้งเด้งเชือกถูกถามปรับ ครม. “เรืองไกร” งงประเด็นไกลเกินร้อง หวั่นรอดชั้นศาล รธน. “องอาจ” ให้ประเมินเองออกไม่ออกอยู่ที่สปิริต “วัฒนา” เย้ยนับถอยหลัง คสช. จี้ยกเลิกคำสั่ง-ประกาศลิดรอนสิทธิ พท.ดักคออย่าตุกติกเลื่อนโรดแม็ป พร้อมจี้ปลดล็อกให้เตรียมตัวทำไพรมารีโหวต ปชป.ยังหวั่นใจยื้อเลือกตั้งอีก รุมจวกไทยนิยมตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ-หาเสียงล่วงหน้า “พรเพชร” โยนเลือกตั้งช้าเร็วขึ้นอยู่กับ กกต. เผยยอดสมาชิกพรรคการเมืองหายฮวบฮาบ 4.7 ล้าน เหลือแค่ 1.3 แสนคน “เอนก” ลาออกทุกตำแหน่ง จ่อนั่งหัวหน้า รปช. คนอยากเลือกตั้งแฉเกมกลั่นแกล้ง ลั่นไม่ท้อขอลุยต่อ ตร.ไม่นอนใจยันตามล่าตัว “ยิ่งลักษณ์”

กรณีกระแสข่าวที่ประชุม กกต.มีมติเสียงข้างมากชี้ว่าการถือครองหุ้นของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากคู่สมรสถือหุ้นในธุรกิจอยู่เกินกว่าร้อยละ 5 และไม่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดนั้น

“วิษณุ” แจงเร็วไปพูดถึงปรับ ครม.

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 1 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเสียงข้างมากเห็นว่าการถือครองหุ้นของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 264 ประกอบมาตรา 187 ที่ห้ามไม่ให้รัฐมนตรีถือครองหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทว่า รัฐมนตรี 8 คนที่ไม่ขัดรัฐธรรมนูญทาง กกต.ได้แจ้งมานานแล้ว เพราะ กกต.ได้พิจารณามาก่อนหน้านี้แล้ว รวมทั้งตน ส่วนกรณีของนายดอน เป็น 1 ใน 9 คน เข้าใจว่าทาง กกต.คงจะแจ้งให้ท่านทราบแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นควรจะมีการปรับ ครม. หรือนายดอนควรจะแสดงสปิริตลาออกหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า เร็วไปที่จะพูดเรื่องนี้ รอให้เกิดความชัดเจนก่อน ถ้าพูดไปแล้ว กกต.บอกยังไม่มีมติ หรือยังมีคนอื่นอีกก็จะยุ่งกันใหญ่ ต้องรอม้วนเดียวจบ

...

กรณี “ดอน” เป็นบรรทัดฐานอนาคต

นายวิษณุกล่าวว่า เบื้องต้นได้รายงานให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯทราบแล้ว แต่รัฐบาลยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการจาก กกต.ว่าใครผิดหรือไม่ผิด ส่วนกระแสข่าว กกต.มีมติ 3:2 คงไม่ใช่ปัญหา ทั้งนี้ หากนายดอนมีความผิดจริง กกต.ต้องยื่นฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อชี้ขาดต่อไป เพราะคู่สมรสของนายดอนมีหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ได้แจ้งให้ ป.ป.ช. ที่ประชุม กกต.ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าไม่มีความผิด เพราะนายดอนดำรงตำแหน่งก่อนที่รัฐธรรมนูญจะประกาศใช้ ส่วนอีกฝ่ายเห็นว่าผิดเพราะต้องการให้เป็นบรรทัดฐาน ประธาน กกต.จึงออกเสียงชี้ขาดว่าผิด เพื่อที่จะได้ส่งให้ศาลชี้ขาดจะได้เป็นบรรทัดฐาน คำวินิจฉัยชี้ขาดนี้จะนำไปใช้กับนักการเมืองต่อไปในอนาคต เพื่อป้องกันปัญหา

ไม่จำเป็นต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่

เมื่อถามว่า นายดอนจำเป็นต้องพักการปฏิบัติหน้าที่ก่อนหรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่จำเป็น เคยมีตัวอย่างในอดีตยังทำงานต่อได้ตามปกติ ส่วนจะแสดง สปิริตหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของนายดอน พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีข้อกังวลใดๆ ขณะนี้ก็กำลังเตรียมการไปปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ นายดอนก็ได้ดูแลเตรียมการให้นายกฯเดินทางอยู่ นายดอนยังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งทาง กกต.ก็เห็นว่าไม่มีปัญหาเช่นเดียวกัน เมื่อถามว่าจะมีการปรับ ครม.หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า ไม่ทราบ แต่ถ้าศาลตัดสินว่านายดอนผิด ก็ต้องปรับ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการต่างประเทศ ยังมี รมช.อยู่ จึงไม่ถือเป็นภาระอะไร นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯก็กำกับอยู่จึงไม่เกิดปัญหา

ไม่พบทุจริต-ถือหุ้นก่อน ก.ม.ออก

“ที่ผ่านมาเคยมีกรณีอย่างนี้ในรัฐบาลอื่น แต่กรณีนายดอนไม่เหมือนกับคนอื่น เพราะเป็น รมต.มาก่อนที่กฎหมายยังไม่ระบุเรื่องถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ แต่พอมีรัฐธรรมนูญประกาศใช้เรื่องนี้ นายดอนก็ไม่ได้ทำอะไร แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่หุ้นของนายดอน น่าเห็นใจ เพราะกฎหมายบอกว่าถ้าถือหุ้นเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ต้องแจ้งประธาน ป.ป.ช. และโอนหุ้นนั้นให้คนอื่นจัดการ แต่มีข้อแม้ว่าไม่ใช่หุ้นสัมปทาน บังเอิญภรรยานายดอนมีมรดกจึงตั้งบริษัทกับพี่น้องซึ่งเกิน 5 เปอร์เซ็นต์ ถ้าพูดถึงความสุจริต เราก็พอจะมองเห็นและด้วยเหตุนี้ กกต.ถึงได้ออกเสียง 2 ต่อ 2 เมื่อประธาน กกต.เห็นอย่างนั้น จึงให้ศาลตัดสิน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้นายกฯไม่ได้หนักใจอะไร” นายวิษณุกล่าว

นายกฯ ยกนิ้วโป้งไม่ตอบปรับ ครม.

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติครั้งที่ 3/2561 ภายหลังการประชุม นายกฯปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์หลังผู้สื่อข่าวพยายามตะโกนสอบถามระหว่างที่นายกฯเดินกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า พร้อมกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ถึงกรณี กกต.มีมติให้นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ขาดคุณสมบัติ จากกรณีภรรยาถือครองหุ้นเข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ โดยนายกฯเพียงแต่ยิ้มและยกนิ้วโป้งให้กับผู้สื่อข่าว จากนั้นเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเช่นกัน พร้อมกับได้โบกมือทำสัญลักษณ์ไอเลิฟยูให้กับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

กกต.ชี้ “ดอน” ยังอยู่ในกระบวนการ

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีข่าว กกต.ลงมติการถือหุ้นของ 9 รัฐมนตรีว่า ข้อเท็จจริงอยู่ในกระบวนการดำเนินการของ กกต.ซึ่งไม่สามารถตอบได้ว่าอยู่ขั้นตอนใดและมีมติเป็นไปตามที่สื่อเสนอข่าวหรือไม่ แม้จะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดแล้วคงจะพูดไม่ได้ เพราะเป็นการพิจารณาลับ และหากพูดไปจะกระทบต่อการทำหน้าที่ของรัฐมนตรี และ รัฐบาล เนื่องจากตามกฎหมาย กกต.ไม่ใช่ผู้ชี้ขาด ต้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด ซึ่งนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะกฎหมายไม่ได้เขียนไว้

“เรืองไกร” หวั่น “ดอน” รอดชั้นศาล

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ กกต.มีมติชี้ว่า นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ มีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 264 กรณีคู่สมรสถือครองหุ้นในธุรกิจเกิน 5% โดยไม่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ภายในเวลาที่กำหนดว่า ตนไม่ได้ยื่นร้องประเด็นคู่สมรสของนายดอนถือหุ้นเกิน 5% แต่ร้องประเด็นที่นายดอนถือหุ้นสัมปทานรัฐ จึงรู้สึกงงที่ กกต.ตรวจสอบประเด็นที่ไม่ได้ร้อง แต่ต้องชมที่ กกต.ตรวจสอบเพิ่มเติมอย่างละเอียดไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้าจนทราบว่า มีหุ้นที่ภริยานายดอนถือหุ้นเกิน 5% ของทุนจดทะเบียน และไม่ได้แจ้งต่อ ป.ป.ช.ในเวลาที่กำหนด อย่างไรก็ตาม เป็นห่วงว่าหากมีการยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ผลจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะตนไม่ได้ยื่นร้องในประเด็นดังกล่าว จะถือว่า กกต.ทำเกินคำขอหรือไม่ ส่วนระหว่างนี้นายดอนยังสามารถดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีต่อไปได้ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมา แต่ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. และนายดอนจะแสดงสปิริตอย่างไร เพราะนายกฯพูดมาตลอดว่า รัฐมนตรีต้องไม่ทำผิดกฎหมาย

บี้ให้ลาออกเคารพกฎหมาย

นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี กกต.มีมติให้นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ขาดคุณสมบัติหลังถือหุ้นเกินร้อยละ 5 ว่า ถ้าเป็นนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งคงโดนไปแล้ว ไม่ต้องถามหาสปิริตเลย ทั้งนี้ เมื่อรัฐบาลนี้ชอบบอกให้คนอื่นเคารพกฎหมาย ก็อยากให้นายดอนช่วยแสดงความเคารพกฎหมาย แสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่งด้วย

ปชป.ชี้อยู่ที่ “ดอน” แสดงสปิริต

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี กกต.มีมติเสียงข้างมากเห็นว่า นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ขาดคุณสมบัติในการเป็นรัฐมนตรีว่า ต้องว่าไปตามกระบวนการกฎหมาย ตราบใดที่ยังไม่มีการตัดสินก็ถือว่านายดอนยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ เมื่อเข้าสู่การพิจารณาผู้ถูกกล่าวหาก็ต้องต่อสู้ว่ากระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ ควรจะแสดงสปิริตลาออกจากตำแหน่งก่อนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าตัว หรืออาจจะทำงานไปก่อนจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยออกมาก็ได้ แต่โดยหลักการก็ถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่

“วัฒนา” กระทุ้งนับถอยหลัง คสช.

นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า “นับถอยหลัง คสช.” ในที่สุดกฎหมายสองฉบับที่จำเป็นสำหรับการเลือกตั้งประกอบด้วย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ก็ได้ผ่านการตีความว่าไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ นับจากนี้เป็นต้นไปหลายฝ่ายเชื่อว่าจะเป็นการนับถอยหลังเพื่อสิ้นสุดความอัปยศของประเทศที่ถูกปกครองโดยรัฐบาลทหาร อย่างไรก็ตามไม่เคยเชื่อว่า คสช. อยากจะคืนอำนาจให้ประชาชน แต่ด้วยความด้อยสติปัญญาจึงไม่สามารถบริหารประเทศให้เจริญก้าวหน้าเป็นที่ยอมรับของประชาชน การถอยลงจากอำนาจจึงไม่ได้เกิดจากความเต็มใจแต่ไม่อาจยื้อต่อเพราะกลัวจะถูกประชาชนออกมาขับไล่ ก็ขนาดโพลในเพจที่ตั้งขึ้นเพื่อเชียร์ตัวเองยังมีคนโหวตไม่ให้อยู่ต่อถึงร้อยละ 90 แม้แต่คนกันเองที่เคยเป่านกหวีดเรียกให้มายึดอำนาจและแสดงตัวตลอดมาว่าจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ต่อไปยังต้องออกมาปฏิเสธแบบไม่อายว่าไม่เคยพูด เข้าตำราหมาตายเห็บโดดหนีทุกประการ

จี้ยกเลิกคำสั่ง-ประกาศอัปยศ

นายวัฒนาระบุว่า สิ่งที่ คสช.จะต้องกระทำจากนี้ไปคือการเตรียมประเทศเข้าสู่การเลือกตั้ง ด้วยการ ยกเลิกบรรดาประกาศและคำสั่งอัปยศทั้งหลายที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพประชาชน เช่น คำสั่งห้ามชุมนุมทางการเมือง หรือคำสั่งที่ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรม รวมทั้งคำสั่งตามมาตรา 44 หากยังไม่ สำเหนียกก็คงเป็นหน้าที่ของผู้รักประชาธิปไตยทุกคนที่ต้องแสดงพลังออกมาขับไล่เผด็จการเพื่อทวงคืนอำนาจ ประชาชน สื่อมวลชน หรือพรรคการเมืองอย่าเพิ่งวางใจว่าเผด็จการจะยอมคืนอำนาจโดยง่าย แต่ทุกคนต้องเชื่อมั่นในศักยภาพและศักดิ์ศรีของเจ้าของประเทศ ดูจากวันครบรอบ 4 ปีของการรัฐประหารที่ทุกภาคส่วนได้แสดงให้เห็นแล้วว่า เมื่อพวกเรายืนขึ้นพร้อมกันเผด็จการก็ไม่อาจต้านกระแสประชาชนได้ หรืออยากจะท้าทายอำนาจของประชาชนก็ลองดู

พท.ดักคออย่าเล่นแง่ 150 วัน

นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมการติดตามการร่างรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุจะมีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ.2562 ว่า กฎหมายลูก 2 ฉบับสุดท้ายน่าจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ปลายเดือน มิ.ย. หากเดือน ส.ค.มีการประกาศใช้ 2 สองฉบับ ก็ต้องรอผลการบังคับใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.อีก 3 เดือน และถ้าเดือน ต.ค.มีผลใช้บังคับแล้ว รัฐธรรมนูญบอกให้เลือกตั้งให้แล้วเสร็จใน 150 วัน ก็นับไปตั้งแต่เดือน พ.ย.2561 ถึงเดือน มี.ค.2562 แต่ไม่ใช่ไปเริ่มเดือนสุดท้ายของ 150 วัน ถ้าจะทำให้มีการเลือกตั้งใน ก.พ.2562 สามารถทำได้เพราะอยู่ในกรอบ 150 วัน จะเกินไม่ได้ แต่ทำไวกว่าได้ ทั้งนี้คิดว่าผู้มีอำนาจไม่สามารถเลื่อนโรดแม็ปได้อีก จะไร้คำอธิบายเพราะไม่มีเรื่องกฎหมายมาเป็นเงื่อนไขอีก ทุกอย่างต้องเดินไปตามรัฐธรรมนูญกำหนด โดยหากยังเลื่อนโรดแม็ปอีก ตนก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ถ้าผู้นำประเทศไม่รักษาสัจจะไม่รู้จะว่ายังไง

จี้ปลดล็อกทันทีรองรับไพรมารี

นายสามารถกล่าวว่า กรณีที่นายวิษณุระบุว่าช่วง 150 วันในการเตรียมการจัดเลือกตั้งจะมีการปลดล็อกพรรคการเมืองทำกิจกรรมแน่นอนนั้น เมื่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งจะมีผลบังคับใช้เกือบทั้งหมดแล้ว ก็น่าจะปลดล็อกได้ทันทีเพื่อให้พรรคการเมืองได้หาสมาชิกพรรคเพิ่มเติมเพื่อรองรับการทำไพรมารีโหวต ซึ่งตนเป็นห่วงพรรคใหม่ๆ ในเรื่องนี้ ยิ่งให้จ่ายเงินค่าสมาชิกพรรคอีก 100 บาทก็ยิ่งหาสมาชิกได้ยาก ซึ่งหากมีสมาชิกไม่พอทำไพรมารีโหวตก็จะส่งผู้สมัครไม่ได้ วันนี้ไม่อยากให้ผู้มีอำนาจมาระแวงหรือสงสัยสิ่งใด ควรปลดล็อกได้ทันที

จี้ คสช.หยุดสร้างเงื่อนไขยื้อ ลต.

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญว่า คงไม่เหลือเหตุผลใดที่จะอ้างเพื่อยื้อการเลือกตั้งออกไปได้อีก แต่ระยะเวลาและการเสียโอกาส เสียศักยภาพการแข่งขันของประเทศที่เกิดจากการเลือกตั้งต้องถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ ใครต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ การที่สหรัฐฯและหลายประเทศต้องการให้ไทยกลับคืนสู่ประชาธิปไตยด้วยการจัดเลือกตั้งตามโรดแม็ป แสดงว่าการไม่มีเลือกตั้งเป็นปัญหาใหญ่ และไม่ได้รับการยอมรับจากนานาอารยประเทศ การที่รัฐบาล คสช.พยายามนำเงื่อนไขเก่ากลับมาพูดใหม่หลายรอบ ขู่ว่าถ้าพรรคการเมืองไม่ร่วมวงพูดคุยกับรัฐบาล คสช.อย่ามาว่ากันทีหลังและจะเสียโอกาสนั้น ไม่น่าจะเป็นบรรยากาศที่ดี ช่วงระยะเวลาสุดท้ายอยากให้รัฐบาล คสช.และเครือข่ายแม่น้ำ 5 สายแสดงความจริงใจในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเลือกตั้ง ไม่ควรสร้างเงื่อนไขเพิ่ม

“วรชัย” ไล่ทหารกลับกรมกอง

นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ทหารโดยเฉพาะที่เข้าไปดูโครงการประชารัฐหรือไทยนิยมยั่งยืนตามชุมชนต่างๆ ให้กลับเข้ากรมกองได้แล้ว เพราะชาวบ้านไม่เอาและไม่ให้ความร่วมมือกับทหารแล้ว ดังนั้นอย่ามาอยู่เพื่อเป็นฐานอำนาจให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ บริหารประเทศได้อีก คนที่ทำให้กองทัพเสียหาย ประชาชนเกลียดทหารคือ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ใช้กองทัพเพื่อเป็นฐานอำนาจให้ตัวเองได้อยู่ต่อ แบบนี้ยิ่งจะทำให้เกิดความแตกแยก ดังนั้นขอเรียกร้อง ผบ.ทบ.อย่ารับใช้ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ก็ควรรีบเดินหน้าจัดการเลือกตั้ง หากยังอยู่ต่อไปประชาชนยิ่งจนลง หนี้ครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์อย่าฝืนอยู่ต่อไปอีกเลย

ไทยนิยมตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ

นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี กล่าวว่า คิดว่าชาวบ้านถูกล้างสมองเรื่องโครงการไทยนิยมยั่งยืน เพราะไม่มีอะไรใหม่ มีการเรียกประชุม 3-4 ครั้งต่อหมู่บ้าน ถามคำถามเก่าๆ คิดว่าเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่ได้ประโยชน์ ไม่ได้แก้เรื่องเศรษฐกิจชาวบ้าน ดูแลไม่ทั่วถึง ใช้เงินเป็นหมื่นล้าน เสียเปล่าไม่เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง แต่เมื่อราชการไปถามว่าโครงการดีไหม ชาวบ้านที่ไหนจะกล้าตอบว่าไม่ดี ทางที่ดีตนคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ควรลงสู่การเมืองเข้าสู่การเลือกตั้ง เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าที่ได้ทำมานั้นดีจริงหรือไม่ ถ้าบอกว่าตัวเองดีตัวเองเก่งชาวบ้านเลือกแน่ ก็ลงมาเลย เพราะหาเสียงล่วงหน้าไปแล้วโดยใช้เงินรัฐ

ปชป.ไม่ชัวร์ยื้อเลือกตั้งอีก

คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา ระบุอยากเห็นไทยกลับคืนสู่ประชาธิปไตย ว่า ชี้ให้เห็นว่าเป็นแรงกดดันจากประเทศที่เป็นประชาธิปไตยส่วนใหญ่ในโลกที่อยากเห็นทุกประเทศเป็นประชาธิปไตย ที่มาจากการเลือกตั้งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ประกอบกับสถานการณ์ในประเทศไทยตอนนี้กฎหมายลูก 4 ฉบับ ที่มีผลกับการเลือกตั้งผ่านไปเสร็จ จนเกิดสัญญาณบวก ความเป็นไปได้ที่จะมีการเลือกตั้งมีสูง เลยทำให้คนตื่นตัวกันมากขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. เคยพูดเรื่องวันเลือกตั้งมาหลายครั้งแต่เลื่อนไปเรื่อย ไม่เคยใกล้เคียงความจริง และจะยื้อต่อไปได้อีกหรือไม่ ยังไม่มีใครแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าลองไปถามนายกฯเอง วันนี้ก็ยังอาจพูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำด้วยซ้ำ ลองไปถามนายกฯดู เพราะคนรู้ดีที่สุดคือนายกฯ ว่าการเลือกตั้งจะเลื่อนออกไปอีกไหม

อยากเห็นประชาธิปไตยเดินหน้า

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต่างประเทศจับตาดูการเมืองไทยตลอดมา ในโอกาสที่เข้าพบผู้บริหารประเทศคงสอบถามและอยากเห็นพัฒนาการประชาธิปไตยของไทย รวมทั้งการเลือกตั้งให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ไม่เฉพาะคนต่างชาติเท่านั้น คนในประเทศก็อยากเห็นพัฒนาทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยของไทยว่ามีความก้าวหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ เรายังมีความหวังว่าจะมีความก้าวหน้าเพราะทุกฝ่ายมองเห็นความสำคัญของระบอบประชาธิปไตย แต่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำให้ระบอบประชาธิปไตยสามารถปักหลัก ปักฐานในบ้านเมืองของเราให้มีความมั่นคงต่อเนื่อง จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองมากกว่าเดินหน้าถอยหลังไปมาตลอดเวลา

ชี้ ปชช.รู้ทันเกมสืบอำนาจ

นายประมวล เอมเปีย อดีต ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุเวลาอีก 11 เดือนถึงจะมีการเลือกตั้งว่า ไม่น่าแปลกใจที่นายวิษณุกล่าวเช่นนี้เนื่องจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งและประชาชนที่ประสบปัญหาวิกฤติค่าครองชีพ ดังนั้น การที่รัฐบาลจะเลื่อนออกไปหรือเลื่อนเข้าให้เร็วขึ้นปัจจัยไม่ได้อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. แล้วเพราะขณะนี้คะแนนนิยมรัฐบาล คสช. รวมถึงตัวผู้นำตกฮวบ เพราะผ่านมา 4 ปีไม่มีผลงานใดเป็นรูปธรรมจับต้องได้ ขณะที่ คสช.มุ่งเน้นที่จะสืบทอดอำนาจเพื่ออยู่ต่อ หรือให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อ ใช้ทั้งการเดินสายดูดนักการเมืองและนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ยอมรับว่ามีลูกน้องจะตั้งพรรคเพื่อสนับสนุนทหาร ประชาชนจึงรู้เท่าทันเกมนี้

จี้รัฐบาลเร่งวิกฤติปากท้อง

นายราเมศ รัตนะเชวง คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีรองนายกฯฝ่ายกฎหมายระบุว่าอีก 11 เดือนจะมีการเลือกตั้งทั่วไป ว่า ระยะเวลาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจน เชื่อว่าจะไม่มีข้ออ้างหรือเงื่อนไขอื่นใดที่จะเลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้อีก เนื่องจากกฎหมายลูกทั้งสี่ฉบับลงตัวแล้ว อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์มองปัญหาอื่นว่ามีความสำคัญจำเป็นเร่งด่วนกว่าการกำหนดวันเลือกตั้ง คือปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเฉพาะเศรษฐกิจปากท้องค่าครองชีพภาคครัวเรือนที่พบว่ามีหนี้สินเพิ่มสูงขึ้นและยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุด ซึ่งประชาชนยังไม่มั่นใจว่ารัฐบาล คสช. จะจริงใจแก้ไขปัญหาเหล่านี้มากน้อยเพียงใด จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งใส่ใจมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาปากท้องค่าครองชีพของชาวบ้านให้ได้ก่อน

เย้ยพี่ใหญ่ คสช.พูดมีน้ำหนักกว่า

นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯที่ออกมายืนยันว่าจะมีการเลือกตั้งตามโรดแม็ปเดือน ก.พ.2562 และไม่ต้องใช้มาตรา 44 ว่า พล.อ.ประวิตรพูดมีน้ำหนักมากเพราะเป็นเบอร์ 1 ของ คสช. ที่ ผ่านมาคนไม่ค่อยเชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เพราะบอกว่าจะเลือกตั้งปีนั้นปีนี้แล้ว ไม่เป็นจริงมา 3-4 ครั้ง ประชาชนจึงเลิกเชื่อถือ ประกอบกับผลงานของรัฐบาลไม่เข้าตาพี่น้องประชาชน เลยทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาและไม่เชื่อคำพูดนายกฯมากขึ้นเรื่อยๆ โกหกซ้ำซากเปรียบเหมือนเจ้าบ่าวจะไปสู่ขอแต่งงานกับเจ้าสาว แต่ผัดมา 3-4 ปี เจ้าสาวที่ไหนจะเชื่อถือ แต่เมื่อ พล.อ.ประวิตรพี่ใหญ่ของ คสช.ออกมายืนยันการันตี จึงเป็นเรื่องที่น่าจะเป็นไปได้ว่าจะมีการเลือกตั้ง ส.ส.ในต้นปีหน้า อีกทั้งรัฐธรรมนูญได้บังคับเงื่อนเวลาไว้ แต่ถ้า คสช.พลิกพลิ้วพาเพลินสำราญในอำนาจ เมื่อนั้นสิ่งที่ไม่ได้เห็นก็อาจจะได้เห็น สิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เป็นก็อาจจะได้เป็น อย่าดูถูกพลังเงียบของพี่น้องประชาชน

ฉะไทยนิยมหาเสียงล่วงหน้า

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายคอรี การ์ดเนอร์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านเอเชียตะวันออกแปซิฟิก และนโยบายความมั่นคงทางไซเบอร์ระหว่างประเทศ วุฒิสภาสหรัฐอเมริกา ระบุอยากเห็นไทยกลับคืนสู่ประชาธิปไตย ว่า ถึงแม้วุฒิสภาอเมริกาไม่ได้พูดกดดันอะไรเรามากนัก แต่ในประเทศเราเริ่มกดดัน จึงเป็นในอารมณ์ทั้งในประเทศและนอกประเทศ เพราะเราจะอยู่ในระบอบนี้นานเกินไปไม่ได้ บรรยากาศจึงเป็นอารมณ์ร่วมกันในสังคมของโลกประชาธิปไตย ดังนั้นจะปลดล็อกเพื่อเป็นสัญญาณคืนกลับสู่ประชาธิปไตยเมื่อใด แล้วแต่รัฐบาลเขา อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ที่ยังไม่ปลดล็อก กลับมีโครงการที่เกี่ยวกับไทยนิยมยั่งยืนลงพื้นที่ต่อเนื่อง อาทิ โครงการ สนช.พบประชาชนตามวิถีไทยนิยมยั่งยืน ที่ สนช.ได้รับมอบหมายมาจากรัฐบาลให้ลงไปตามหมู่บ้าน แต่ไม่เป็นไรโครงการไหนที่ประชาชนได้ประโยชน์ตนสนับสนุน แต่ประชาชนเขารู้ดีว่าแบบนี้เป็นการหาเสียงหรือเปล่า ในห้วงที่เมื่อกำลังเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง ตามปกติในระบอบประชาธิปไตยก่อนการยึดอำนาจ รัฐบาลจะไปทำโครงการประชานิยม หรือจะทำโครงการขึ้นมาใหม่ไม่ได้ เขาห้ามทำแต่ประชาชนเขามีบทเรียน คิดได้เองว่าเป็นการเอาเปรียบหรือไม่ เราพูดไปก็หาว่าเป็นการดิสเครดิตรัฐบาล ตนฝาก สนช.เป็นผู้ชี้แจงตัวเลขการใช้งบประมาณก็แล้วกัน เพราะเป็นภาษีประชาชน

เผย ก.ม.ลูก ส.ว.ถึงมือ รบ.แล้ว

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ได้สอบถามความคืบหน้าของร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยทั้ง 2 ฉบับ ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ โดยตนได้รายงานว่า ขณะนี้ส่วนของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ได้ส่งมายังรัฐบาลแล้ว 1 ฉบับและเตรียมเสนอนายกฯใน 1-2 วันนี้ จากนั้นนำขึ้นทูลเกล้าฯ ส่วนร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ต้องเห็นใจสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพราะแถลงการณ์ของศาลรัฐธรรมนูญออกมาแล้วก็จริง แต่ต้องมีหนังสือตอบอย่างเป็นทางการจากศาลรัฐธรรมนูญมายังประธาน สนช.ก่อน ซึ่งยังไม่มีทำออกมา และหากมีการทำออกมาแล้วทาง สนช.จะส่งมายังรัฐบาลเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป แต่อย่างไรเสียก็จะอยู่ภายในเดือน มิ.ย. เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับนายกฯเรื่องการหารือกับพรรคการเมืองในเดือน มิ.ย.หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า มีการพูดคราวๆแต่ยังไม่ลงในรายละเอียด ขณะนี้ยังไม่ควรพูดอะไรให้สับสน เพราะมีเงื่อนไขหลายอย่าง

“พรเพชร” ชี้เป้า กกต.ทำให้เร็วได้

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. กล่าวว่า หลังจากส่งร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. และเหลือเพียงร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ต้องรอคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญก่อน โรดแม็ปการเลือกตั้งจึงเป็นเรื่องของรัฐบาลกับ กกต.จะหารือกัน ขณะนี้ที่พูดกันเป็นระยะเวลาสูงสุดของกระบวนการทุกฝ่าย คือเดือน เม.ย. 62 โดยกฎหมายลูกการเลือกตั้ง ส.ส.ไปอยู่ที่นายกฯ 20 วัน เมื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อให้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลงพระปรมาภิไธย จะอยู่ในพระราชอำนาจ 90 วัน และกฎหมาย ส.ส.จะมีผลบังคับใช้ภายหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา 90 วัน และกระบวนการจัดเลือกตั้งของ กกต. อีก 150 วัน เมื่อรวมแล้วจะถึงเดือน เม.ย. ปี 62 แต่หากทำให้เป็นไปตามโรดแม็ปที่เดือน ก.พ. ปี 62 ก็สามารถลดระยะเวลาในส่วนของ กกต.จัดเลือกตั้งให้เหลือ 60 วันได้

ได้ชิมลางเลือกตั้งท้องถิ่นก่อน

เมื่อถามว่า ยังจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีการเลือกตั้งท้องถิ่นก่อนเลือกตั้ง ส.ส.นายพรเพชรตอบว่า ขณะนี้กฎหมายอยู่ในขั้นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ไม่ทราบว่าจะส่งมาตอนไหน แต่เดิมจะให้เลือกตั้งท้องถิ่นก่อน แต่ตอนนี้ตนไม่รู้กฎหมายยังไม่เข้ามา ส่วนตัวคิดว่าจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นในบางประเภทได้ก่อน เช่น อบจ. อบต. และผู้ว่าฯ กทม.

เผยสมาชิกพรรคหายฮวบฮาบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 31 พ.ค. วันสุดท้ายของการแจ้งยืนยันสมาชิกพรรคการเมืองต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พบว่ามีพรรคการเมืองทั้งหมด 54 พรรคที่แจ้งยืนยันสมาชิกแล้ว โดยจากเดิมมีสมาชิกรวมทุกพรรค 4,745,695 คน ลดลงเหลือเพียง 137,479 คน พรรคที่มีการยืนยันสมาชิกสูงสุดคือพรรคประชาธิปัตย์ 97,755 คน ยอดเดิม 2,895,747 คน รองลงมาคือพรรคเพื่อไทย 9,705 คน จากยอดเดิม 134,748 คน พรรคชาติพัฒนา 5,583 คน จากยอดเดิม 19,563 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 2,886 คน จากยอดเดิม 26,022 คน พรรคความหวังใหม่ 2,168 คน จากยอดเดิม 13,295 คน และพรรคภูมิใจไทย 934 คน จากยอดเดิม 153,071 คน ส่วนการยื่นคำขอการเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองนั้น ขณะนี้มียอดรวม 106 พรรค มีการออกใบตอบรับแล้ว 63 พรรค ส่วนพรรคที่ยื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองแล้วและอยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสารหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง มีทั้งหมด 7 พรรคคือ พรรคทางเลือกใหม่ พรรคมติประชา พรรคประชาภิวัฒน์ พรรครวมใจไทย พรรคพลังพลเมืองไทย พรรคประชาธรรมไทย และพรรคพลังชาติไทย

ซาวเสียงรูปแบบการแบ่งเขต

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติว่าร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ กกต.จะเตรียมออกระเบียบรองรับ ซึ่งมีทั้งหมด 45 ฉบับ ขณะนี้เสร็จแล้ว 19 ฉบับ ส่วนเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งที่เกรงว่า กกต.จะแบ่งเขตไม่ทันนั้น ตามกฎหมายแล้ว กกต.จะดำเนินการได้เมื่อกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ใช้บังคับแล้ว กกต.จะออกระเบียบและให้ ผอ.กกต.จังหวัด นำ 3 รูปแบบของการแบ่งเขตในแต่ละเขตไปให้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อน แล้ว กกต.จะพิจารณารูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ซึ่งใช้เวลาในกระบวนการทั้งหมด 45 วัน และกรณีที่อยากให้มีการใช้อำนาจพิเศษให้ กกต.แบ่งเขตได้เร็วนั้นเคยได้ยิน แต่ กกต.ยังไม่เคยหารือกัน

หึ่งคำสั่ง คสช.53/2560 ส่อขัด รธน.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กลุ่มหนึ่ง ถึงสถานะของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) โดยเห็นว่าเมื่อร่าง พ.ร.ป.ส.ส.และร่าง พ.ร.ป.ส.ว. ประกาศใช้เป็นกฎหมาย กรธ.จะต้องพ้นจากตำแหน่ง คาดว่าอีกไม่เกิน 1 เดือนครึ่ง-2 เดือนนับจากนี้ ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 267 ที่เขียนว่าหลังจาก สนช.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ครบทั้ง 10 ฉบับให้ กรธ.พ้นจากตำแหน่ง แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ในคำสั่งหัวหน้า คสช.ฉบับที่ 53/2561 กลับให้ กรธ.ยังคงอยู่ต่อไป โดยในข้อ 8 ระบุว่า เมื่อมีการประกาศ พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.แล้ว ให้ ครม. แจ้ง คสช. เพื่อพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิกกฎหมาย ประกาศ คสช.หรือคำสั่งหัวหน้า คสช. อันเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการของพรรคการเมือง และร่วมกันจัดทำแผนและขั้นตอนการดำเนินการทางการเมือง เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ โดยให้หารือกับ กกต. กรธ. ประธานสนช. และเชิญผู้แทนพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองต่างๆ เข้าหารือด้วยก็ได้ ซึ่งตรงนี้น่าจะขัดกับรัฐธรรมนูญ

ก.ม.ลูกประกาศ กรธ.จบหน้าที่

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวว่า คำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต่อร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ถือเป็นข้อยุติที่เป็นที่สิ้นสุด มีผลผูกพันกับทุกองค์กร อย่างไรก็ตามตนไม่ทราบว่าจะมีผลผูกพันที่เกี่ยวโยงกับศาลรัฐธรรมนูญต่อประเด็นที่เคยมีคำวินิจฉัยการเลือกตั้งเมื่อปี 2549 ที่หันคูหาไปในทิศที่มีผู้อาจเห็นได้ว่าผู้ใช้สิทธิลงคะแนนเลือกผู้ใด ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นโดยลับ ซึ่งแค่หันคูหาให้คนอื่นเห็นภายในโต๊ะกาบัตร ยังมีผลต่อการเลือกตั้ง แต่กรณีให้บุคคลอื่นลงคะแนนตามการร้องขอของผู้พิการ ผู้ทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุ ถือว่าให้บุคคลอื่นล่วงรู้การตัดสินใจลงคะแนน แต่ถือว่าจบแล้ว แต่ กรธ.จะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา และเมื่อกฎหมายลูกทั้ง 10 ฉบับประกาศครบทั้งหมด

“เอนก” ทิ้งทุกตำแหน่งลงสนาม

นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ แกนนำกลุ่มรวมพลังประชาชาติไทยกล่าวว่า เตรียมลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง และประธานคณะกรรมการพัฒนาพรรค การเมืองตามรัฐธรรมนูญของ กกต. และกรรมการและที่ปรึกษาในคณะเตรียมการสร้างความปรองดองและสามัคคีของ ป.ย.ป. เพื่อไปทำงานด้านการเมืองเต็มตัว ในนามของพรรครวมพลังประชาชาติไทยและเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนตำแหน่งหัวหน้าพรรคใครทาบทามก็จะไม่รับ เว้นแต่สมาชิกประชุมใหญ่แล้วมีมติเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรค สำหรับการประชุมของพรรคในวันที่ 3 มิ.ย.ที่มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นการประชุมสมาชิก 250 คน เพื่อเปิดตัวพรรคและนำเสนอเรื่องอุดมการณ์ แต่ยังไม่มีการเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรค ซึ่งจะประชุมในอีก 3 เดือนข้างหน้า

ยัน “สุเทพ” เปล่าจองเก้าอี้ รมต.

เมื่อถามว่า การดึงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. อาจหนีไม่พ้นข้อครหาเรื่องพรรคสุเทพ นายเอนกตอบว่า จะพยายามทำให้ได้ ที่ทราบมานายสุเทพจะเป็นแค่สมาชิกพรรค ไม่รับตำแหน่งใดๆในพรรคและไม่รับตำแหน่งทางการเมือง ไม่ได้มาแอบรอเป็นรัฐมนตรี มาช่วยพรรคมากกว่า เมื่อถามว่า แสดงว่าเตรียมจะเป็นฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นายเอนกตอบว่า เราตั้งพรรคไม่ได้คิดเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล จะเป็นพรรคดีๆพรรคหนึ่ง โดยหัวหน้าและเลขาธิการพรรคจะมีวาระ 2 ปีเท่านั้น จึงไม่ใช่ว่าใครจะสถาปนาได้ ส่วนการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯเป็นนายกฯคนนอกนั้น เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคต้องตอบ

คนอยากเลือกตั้งยันลุยต่อ

ด้านความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ แกนนำกลุ่มไลฟ์สดทางเฟซบุ๊กว่า ผู้ถูกดำเนินคดีรอบนี้ขอเรียกว่ายูเอ็น 62 เพราะที่หน้าอาคารสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เป็นจุดที่ทางกลุ่มเคลื่อนขบวนไปได้ไกลสุด และมีผู้ถูกดำเนินคดีรวม 62 คน ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาแกนนำมากกว่าผู้ชุมนุมคือถูกคดีมาตรา 116 แต่ครั้งนี้ผู้ชุมนุมที่ช่วยเหลือแกนนำ หรือนั่งอยู่ใกล้ๆ โดนเท่ากับแกนนำ ทำให้ครั้งนี้มีผู้ถูกข้อหามาตรา 116 ถึง 21 คน อีก 41 คน โดนข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/58 จึงขอประณามการตั้งข้อหาของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้ว่าเป็นไปด้วยความมั่ว พยายามตั้งข้อหาโทษสูงๆ เพื่อจะไม่ให้มีเงินประกันตัว จะได้ติดคุก โดยขณะนี้เงินกองทุนประกันตัวของทางกลุ่มติดลบไป 4 แสนบาท ถ้าทุกคดีดำเนินไปแบบนี้ต่อไปคงไม่มีเงินประกันตัว จึงขอสื่อสารถึงผู้คนในกระบวนการยุติธรรมว่า อย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่านี่เป็นการตั้งข้อหาเพื่อปิดปากคุกคามประชาชน โดยใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือ หวังว่าจะซื่อตรงในอุดมการณ์และยึดมั่นใจจริยธรรมวิชาชีพ ส่วนทิศทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งนั้น จะมีการหารือกันว่าจะไปทางใด และย้ำว่าเราไม่หยุดแน่

ตร.ไม่นอนใจล่าตัว “ยิ่งลักษณ์”

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีคดีออกนอกประเทศตั้งแต่ก่อนมีคำพิพากษาคดีจำนำข้าวของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองช่วงเดือน ส.ค.60 ได้วีซ่าเข้า-ออกประเทศอังกฤษเป็นเวลา 10 ปีว่า ขณะนี้ยังพิสูจน์ทราบไม่ได้ว่าเป็นหนังสือเดินทางของประเทศใด แต่ไม่ใช่ของประเทศไทยแน่นอน เพราะหนังสือเดินทางของประเทศไทย ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ถอนออกหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม การได้หนังสือเดินทาง และวีซ่าเข้าออกประเทศต่างๆ รวมทั้งการปฏิเสธการออกหมายน้ำเงินของตำรวจสากลโดยให้เหตุผลว่าเป็นเรื่องทางการเมืองนั้น ไม่ได้เป็นการตัดสิทธิของเจ้าหน้าที่ในการติดตามตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์มาดำเนินคดี จะเตรียมประสานไปยังประเทศอังกฤษเพิ่มเติม ถึงแหล่งพำนักที่ชัดเจน ตามอำนาจหน้าที่ ยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจ ดำเนินการอย่างจริงจังมาโดยตลอด