สนช.โหวตท่วมท้นไฟเขียวผ่านงบกลางปี 1.5 แสนล้านบาท แห่ชื่นชมจัดสรรงบประมาณแก้ปัญหาตรงจุด อัดฉีดลงเศรษฐกิจฐานรากช่วยชาวบ้านโดยตรง

เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 61 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2561 ตามที่ ครม.เป็นผู้เสนอ วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท เพื่อนำไปใช้ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และรักษาทิศทางการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่มีการขยายตัวให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง

โดย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงสาระสำคัญร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวว่า จะเน้นการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง พึ่งพาตัวเองได้ การปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตรทั้งระบบ และการรักษาวินัยการคลัง แบ่งเป็นการจัดสรรงบประมาณเพื่อปรับโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตร 24,000 ล้านบาท การจัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก สร้างโอกาสในอาชีพและการจ้างงาน 76,000 ล้านบาท และการจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายเงินคงคลังที่จ่ายไปแล้ว 49,600 ล้านบาท ซึ่งจะสร้างความเจริญเติบโตขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2561 จะขยายตัวร้อยละ 3.6-4.6 ดีขึ้นจากปี 2560 ที่ขยายตัวร้อยละ 3.9

จากนั้นสมาชิก สนช.หลายคน อาทิ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์, นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ, นายสนิท อักษรแก้ว, นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล, นายวิทยา ฉายสุวรรณ อภิปรายชื่นชม และสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เพราะเป็นการจัดสรรงบประมาณได้ตรงจุด นำงบประมาณไปทุ่มช่วยเหลือชาวบ้านโดยตรง โดยเน้นสร้างความเติบโตเศรษฐกิจฐานราก และชุมชนให้มีความเข้มแข็ง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และขอให้รัฐบาลควบคุมติดตามการใช้งบประมาณ 1.5 แสนล้านบาทนี้ ให้เกิดความโปร่งใส เพื่อให้เงินไปถึงมือชาวบ้านจริงๆ

...

ขณะที่ พ.ต.ท.พงษ์ชัย วราชิต สนช.อภิปรายว่า ไม่มีรัฐบาลใดเอาใจใส่ประชาชนเหมือน คสช.เป็นรัฐบาลที่มีผลงานมาก แต่ประชาชนระดับล่างไม่ค่อยรับรู้ จึงถูกนักการเมืองใช้วาทกรรมต้องมีการเลือกตั้งแล้วเศรษฐกิจจะดี อยากให้รัฐบาลเร่งประชาสัมพันธ์ผลงาน โดยเฉพาะเรื่องระบบโครงสร้างขั้นพื้นฐานของประเทศที่เป็นผลงานที่เห็นได้ชัดเจนของ คสช.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่สมาชิก สนช.อภิปรายให้ความเห็นครบถ้วนแล้ว ที่ประชุม สนช.ได้ตั้งกรรมาธิการเต็มสภา เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวในวาระ 2 และ 3 ก่อนที่จะลงมติให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2561 ด้วยมติเอกฉันท์ 183 ต่อ 0 งดออกเสียง 3 เพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป ใช้เวลาพิจารณาทั้งสิ้น 4 ชั่วโมง