คำถามเดียวกันแต่ได้คำตอบไปคนละทางตามคิวที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หยั่งเชิงถามกระแสสังคมพร้อมไขก๊อกออกจากตำแหน่ง หากไม่เป็นที่ต้องการของประชาชน

ฝ่ายหนึ่งมีมวลชนมาให้กำลังใจ “บิ๊กป้อม” เชียร์ให้นั่งทำงานต่อไป ออกมาปลอบขวัญอาการน้อยใจที่ถูกล่อเป้าเรื่องนาฬิกาหรูมาตลอด 2 เดือนเต็ม ประกาศยังให้ความเชื่อมั่นทำหน้าที่ต่อ โปรยยาหอมทำประโยชน์ให้ประเทศมากมาย แต่ถูกการเมืองจ้องเลื่อยขาเก้าอี้

กองหนุนโผล่เปิดตัวทันที ไม่ปล่อยให้ “ลุงป้อม” โดนรุมสกรัมฝ่ายเดียว

ผิดกับคำตอบของอีกฝ่ายในโลกไซเบอร์ มีการล่าชื่อขับไล่พี่ใหญ่ให้ลาออกจากตำแหน่ง ผลโพลจากสารพัดเพจดังออกมาตรงกันเป๊ะ ไม่ให้วีซ่าต่ออายุ

ชาวเน็ตส่วนใหญ่ไม่ปลื้มให้อยู่ต่อ ระดมพลังเข้าชื่อหลายหมื่น ส่อเค้าเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ กดดันให้รีบยกธงขาว

กองหนุน–กองแช่งให้คำตอบไม่ตรงกันต้องลุ้นกันต่อไป “พี่ใหญ่” จะยอมถอดใจหรือไม่

แต่ที่แน่ๆระหว่างที่ “บิ๊กป้อม” กำลังถูกรุกไล่ต้อนเข้ามุม มันก็มีคิวแทรกเรื่องอื่นโผล่เข้าผสมโรงเขย่าเสถียรภาพรัฐบาลควบคู่ไปด้วย ตามสัญญาณของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ที่ออกปาก “ศึกหนักยังไม่จบ”

ท็อปบูตยังอยู่ในความเสี่ยงเผชิญแรงเสียดทานอีกหลายด่าน

ที่ส่อเค้าเข้มข้นขึ้นตามลำดับคือ การปลุกกระแสต่อต้านรัฐบาลทหารอย่างต่อเนื่อง คัดค้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.

ตัวอย่างที่เห็นกันชัดๆจากช็อตเคลื่อนไหวของขบวนการนักศึกษาหัวโจกเดิมๆ

ที่นัดแสดงกิจกรรมต่อต้านการสืบทอดอำนาจ สลับสับเปลี่ยนสถานที่กระตุกหนวด คสช.อยู่เป็นระลอกๆ
วัดพลังท้าทายอำนาจพิเศษ หยั่งเชิงจะจุดกระแสต่อต้านติดหรือไม่

...

สร้างความปั่นป่วนให้ คสช. จนต้องไล่แจ้งความดำเนินคดี 39 ผู้ชุมนุมสกายวอล์ก ข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ชุมนุมเกิน 5 คน เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล

รีบตัดไฟแต่ต้นลมไม่ให้มีการเคลื่อนไหวท้าทายของกลุ่มอื่นๆตามมา

ในคิวที่เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ออกมายอมรับ มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนต่างๆทางการเมืองมากขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง

ภูมิต้านทานที่เคยเป็นจุดแข็งของท็อปบูตย่อมถูกกัดกร่อนไปตามกาลเวลา ยิ่งอยู่นานเครดิตความน่าเชื่อถือย่อมลดทอนไปตามธรรมชาติการเมืองแบบไทยๆ

ก็เป็นธรรมดาที่ต้องระแวงการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนที่ตั้งท่าขยับตัวในเวลานี้

แม้กระทั่งขบวนพาเหรดล้อการเมืองในงานฟุตบอลประเพณี “จุฬาฯ–ธรรมศาสตร์” ยังถูกโยงอยู่ในข่ายถูกคุมเข้ม ส่งทีมสอดแนมทหาร-ตำรวจจับตามองการเตรียมจัดกิจกรรมอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ

ตีกรอบควบคุมการแสดงสิทธิเสรีภาพทางความคิดของกลุ่มนักศึกษาสารพัด ตั้งแต่การห้ามล้อเลียนเรื่องนาฬิกาหรู ห้ามทำหุ่นล้อผู้นำทหาร ผู้นำประเทศ

ตั้งท่าสแกนยิบหุ่นขบวนพาเหรดล้อการเมืองทุกตัวก่อนลงสู่สนาม

ในยามที่ต้นทุนรัฐบาลหดหาย กองหนุนร่อยหรอ เห็นใครเคลื่อนไหวอะไรๆก็เข้าข่ายหวาดระแวง เสียวสันหลังไปหมด แม้แต่กีฬาประเพณีประจำปียังหนีไม่พ้นถูกจ้องจับผิด

ยิ่งรัฐบาลเบรกการแสดงสิทธิและความเห็นมากขึ้นเท่าใด

ก็สุ่มเสี่ยงต่อการถูกครหาใช้อำนาจปิดกั้นการแสดงพลังบริสุทธิ์ของภาคประชาชนมากขึ้นเท่านั้น

โดยเฉพาะหากมีกรณีเปรียบเทียบเลือกจับผิดเฉพาะม็อบฝ่ายตรงข้าม แต่ไม่เอาผิดม็อบที่เคลื่อนไหวสนับสนุนรัฐบาล เหมือนเพิ่มหัวเชื้อกระตุกแนวร่วมอื่นๆให้รวมพลังฮึดสู้ คสช.

กระแสแนวต้านชักขยายวงออกไปเรื่อยๆจากกลุ่มนักเคลื่อนไหวขาประจำ ลามเข้าสู่สายนักวิชาการ กลุ่มปัญญาชนที่กล้าออกมากดดัน คสช.มากขึ้น

ยังไม่นับรวมกลุ่มพรรคการเมือง ระดับมืออาชีพที่จ้องฉวยจังหวะเข้าผสมโรง หากรัฐบาลพลาดท่าเพลี่ยงพล้ำ

แนวต้านโผล่ไม่หยุด พร้อมประจันหน้าทหารมากขึ้นทุกที!!!

ทีมข่าวการเมือง รายงาน