ทิ้งร่องรอย จนไปไม่สุด
ถึงกับร้องครวญเลยครับ...พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ที่สะท้อนเบื้องลึกภายในต่อสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน
“ผมเป็นทหารผ่านศึกเหมือนกัน แต่ศึกยังไม่จบนะ เป็นศึกหนักเหลือเกิน”
“ขอเวลาให้ผมวางรากฐานประเทศอีกระยะหนึ่งก่อน อย่าเพิ่งหมดกำลังใจกับพวกผม”
นี่แหละครับ...ความจริงทางการเมืองซึ่งยากที่จะปฏิเสธว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอในความรู้สึกของประชาชนและผู้นำประเทศ
ว่าไปแล้วต้องไม่ลืมเสียงเตือนจาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งมีประสบการณ์และเปลี่ยนการเมืองมาหลากหลายรูปแบบ
“ตู่ใช้กองหนุนไปเกือบหมดแล้ว”
เป็นความหวังดีและเตือนสติ พล.อ.ประยุทธ์ให้กลับไปคิด และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากเห็นสัญญาณและความเป็นไปในรัฐบาลได้เป็นอย่างดี
แต่ไม่รู้ว่านายกฯนำไปแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนมากน้อยแค่ไหน หรืออาจจะตีความไปในทางเข้าข้างตัวเองหรือเปล่าผมก็ไม่รู้ได้
กลับปรากฏว่าเหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดปัญหาในเรื่องการเลือกตั้ง นาฬิกาพี่ใหญ่ที่ยังหาจุดจบไม่ได้
ทุกอย่างมันก็เลยบานปลายเห็นภาพขัดแย้งชัดเจนขึ้นอีก
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ผู้มากบารมีในรัฐบาลปัจจุบันได้กล่าวกับนักข่าวล่าสุดก็น่าสนใจไม่น้อย
“ทหารไม่ได้มีความขัดแย้งกันกับสื่อ และการที่สื่อนำเสนอข่าวตรงไปตรงมา น่าจะเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องการที่จะให้เป็น ไปเช่นนั้น
ผมไม่ได้มาขอร้องว่าจะต้องทำอย่างนั้นหรือทำอย่างนี้ แต่อยาก จะบอกสื่อสายทหารว่าผมรับราชการมาตั้งแต่ปี 2511 จนถึงขณะนี้ ผ่านมา 50 ปีแล้ว ไม่เคยมีเรื่องอะไรหนักๆ ก็ดูเอาแล้วกันว่า ผมได้ทำอะไรที่เสียหายกับประเทศชาติบ้านเมืองหรือไม่ผมเข้ามาเพราะอยากจะช่วยเหลือบ้านเมือง อยากทำงานให้บ้านเมือง”
...
“ถ้าประชาชนไม่ต้องการ ผมก็พร้อมจะไปจากตำแหน่งนี้เพราะฉะนั้น อยากจะฝากกับสื่อว่า อยากให้ดูว่าผมทำงานมาตลอด 50 ปี ได้ทำอะไรไว้บ้าง”
ถือว่าเป็นความในใจที่ได้ยินได้ฟังจาก “พี่ใหญ่” คนนี้
แน่นอนว่า พล.อ.ประวิตรเจอเรื่องหนักในชีวิตก็ว่าได้ แม้จะ ผ่านความเป็น “ทหารอาชีพ” มาอย่างโชกโชน
แต่นั่นมันคนละสนาม คนละเวที จึงมีความต่างกันชัดเจน
ในทางการเมืองนั้นต่างกับระบบราชการ ยิ่งในวงการทหารจะยิ่งเห็นแตกต่าง เพราะทหารนั้นวางเอาไว้ด้วยกฎด้วยวินัย ผิดไปจากนี้ก็จะมีบทลงโทษ
การเมืองนั้นเสียงประชาชนถือว่าเป็นใหญ่สุด มีกฎกติกาที่ซับซ้อนกว่า มีดราม่า มีความปลิ้นปล้อนหลอกลวง มีผลประโยชน์ มีอำนาจ มีการตรวจสอบ มีความเสียสละ มีทุจริตคดโกง
เหล่านี้ล้วนเป็นความสัมพันธ์ที่แยกกันไม่ออก
หากเข้ามายืน ณ จุดนี้ก็ต้องวางตัวให้อยู่ในกฎกติกา จึงจะดำรงวิถีทางได้ แม้จะมีความเสียสละทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองยาวนานแค่ไหน
แต่ถ้าผิดกติกาแล้วก็จะต้องเจอเรื่องหนักๆอย่างนี้แหละ
เพียงแต่เมื่อเจอแล้วจะทำยังไง จะตัดสินใจอย่างไร นั่นก็คือ การฟังให้รอบด้าน คำนึงผลที่จะเกิดขึ้นว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป
หากคิดได้ เข้าใจได้ ทุกอย่างก็จะจบลงด้วยตัวมันเอง.
“สายล่อฟ้า”