“วันนี้ถือว่าตูนเป็นขวัญใจของคนไทยทั้งประเทศไปแล้ว”
ตามการประกาศอย่างเป็นทางการโดย “นายกฯลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ที่เปิดทำเนียบรัฐบาลต้อนรับ พร้อมควักเงินส่วนตัวร่วมบริจาคกับนายอาทิวราห์ คงมาลัย “ตูน บอดี้สแลม” ศิลปินนักร้องดัง ประธานโครงการ “ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ”
ภายใต้เหตุการณ์ที่เรียกว่า ทำเนียบฯแตก
กับภาพและเสียงคนที่รอกรี๊ด “ขวัญใจ” ทั้งข้าราชการ เจ้าหน้าที่ สื่อมวลชน ไม่เว้นแม้แต่คนระดับ “ซือแป๋” มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่มาร่วมประชุมกรรมการ คสช. ที่ทำเนียบรัฐบาล ยังดักรอบริจาคเงินให้ “ตูน” เป็นรายแรกหลังลงรถตู้ พร้อมแสดงความขอบคุณที่ทำเพื่อประเทศชาติ
ขึ้นชั้นบุคคลทางประวัติศาสตร์ที่ต้องบันทึกไว้
ถึงตรงนี้ชื่อของ “อาทิวราห์ คงมาลัย” เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศไทย ไม่ใช่แค่ความเป็นศิลปินดัง แต่เป็นบุคคลตัวอย่างในฐานะพลเมืองที่มีความมุ่งมั่นทำเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน
เป็นจุดศูนย์รวมกระแส เป็นแรงบันดาลใจ กระตุกพลังสังคมไทยให้รู้จักการเสียสละเพื่อส่วนรวม
“ตูน บอดี้สแลม” ยึดตำแหน่งบุคคลแห่งปี 2560 ไปแล้วตามผลโพลหลายสำนัก
และหากมาประกอบกับโปรไฟล์ด้านการศึกษา จบจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เกียรตินิยมนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย
บุคลิกอ่อนน้อมถ่อมตน ให้เกียรติคนอื่น ก้าวข้ามความขัดแย้งทั้งหลายทั้งปวง
นี่แหละ “สเปก” นักการเมืองรุ่นใหม่ คุณสมบัติตรงเป๊ะกับยุค “ปฏิรูป”
มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าวันข้างหน้าจะมีชื่อของ “อาทิวราห์ คงมาลัย” ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในตัวเลือกทางการเมืองของประชาชนคนไทย
...
ลุ้นเทคะแนนให้เป็น “ผู้นำ” ประเทศได้เลย
ยิ่งภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์การเมืองที่อยู่ห้วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ตามปรากฏการณ์ล่าสุดที่กำลังถูกจับตา “จุดเปลี่ยน” สำคัญ ภายหลัง “โอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร โพสต์โซเชียลฯแสดงความรู้สึกลึกๆในวันคล้ายวันเกิด เป็นนัยว่า ถ้าเลือกได้ คนในครอบครัวอยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมากกว่าจะยุ่งกับการเมือง
แปรสัญญาณได้ว่า “ตระกูลชิน” กำลังถอยก้าวสำคัญ
ตามท้องเรื่องที่ลูกข่ายพรรคเพื่อไทย รีบตีปี๊บชื่อของ “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ยังเป็นตัวตายตัวแทนหากตระกูลชินฯถอย ก็พร้อมจะดันหลังสามีคือนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นแท่นแม่ทัพนำสู้ศึกเลือกตั้ง
ตอกย้ำเบื้องหลังการวัดพลังระหว่าง “เจ๊แดง” กับ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุงฯ พรรคเพื่อไทย ที่กำลังลุ้นตั๋วจากดูไบ เปิดยุทธศาสตร์การเมืองแบบ “ก้มหลบต่ำ”
ไม่ปะทะแบบแตกหัก ทำ “ทักษิณ” พ่ายยับกันทั้งค่ายแบบที่ผ่านมา
ลูกทีม “นายใหญ่” กำลังอยู่บนทาง 3 แพร่ง
ขณะที่ฝั่งประชาธิปัตย์ก็อยู่ในสถานการณ์รอการ “ระเบิดภายใน” จากเงื่อนไขสถานการณ์ที่รอจังหวะหักดิบ ระหว่างฝ่ายอุ้ม “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” กับพวกที่ถือหาง “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ
หนีไม่พ้นกงล้อวันประวัติศาสตร์ “ค่ายแตก” จาก “กลุ่ม 10 มกรา” ที่กำลังวนมาครบรอบ 30 ปี
การเมืองเก่ายังวน สลัดไม่พ้นภาวะทางตัน
นั่นก็ทำให้ประชาชนยังเข็ดกับนักการเมือง ไม่มีความหวังกับคนหน้าเดิมๆ
คำตอบสุดท้าย ส่วนใหญ่รอความหวังหลังการปฏิรูป
ตามเงื่อนสถานการณ์ก็ยังเปิดให้ “นายกฯลุงตู่” อยู่ในสถานะเป็นต่อ โอกาสสูงที่จะนั่งแท่นผู้นำช่วงเปลี่ยนผ่าน ตามเงื่อนไขทางอำนาจที่ล็อกไว้ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ
โดยมี “จอมยุทธ์กวง” “นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกฯ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เป็น “ตัวช่วย” ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประคองปัญหาปากท้องของชาวบ้าน พร้อมๆกับเดินหน้าวางโครงสร้าง พื้นฐานของประเทศไว้รองรับความเจริญตามเทรนด์โลกยุคใหม่
และตามเงื่อนไขเวลาประกอบกับเงื่อนปมทางกฎหมายที่ล็อกพวกมีปัญหาไม่ให้ลงสนามเลือกตั้ง
นักการเมืองพันธุ์เก่าคงค่อยๆแห้งเฉาตายไปเอง.
ทีมข่าวการเมือง