"เฮียตือ" ข้องใจ คสช.ทำท่าส่อยื้อปลดล็อกการเมือง ทำนักการเมืองอึมครึม ขออย่าดีแต่พูดเลือกตั้งปี 61 ต้องลั่นระฆังด้วย ถามพบอาวุธเกี่ยวกับการเมืองตรงไหน ...
เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.60 นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงโฉมหน้าครม.ประยุทธ์ 5 ว่า การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)เชื่อว่า นายกรัฐมนตรีมีข้อมูลและรู้ว่า ครม.ชุดเก่าเป็นอย่างไร จึงต้องมีการปรับ ทั้งที่รู้ดีว่าการปรับแต่ละครั้งจะต้องกระเพื่อม นายกรัฐมนตรีจึงคิดว่า ต้องยอมเจ็บเพื่อให้ได้ภาพของ ครม.ใหม่ที่ดีที่สุด ที่ดีกว่า เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนและผู้ประกอบการทั้งหลาย
ดังนั้น จึงเชื่อว่านายกรัฐมนตรียอมเจ็บที่ทำให้กระเพื่อมเพื่อให้ได้ครม.ใหม่ที่คิดว่าน่าจะดีกว่าชุดที่แล้ว ส่วนกรณีที่มีเสียงวิจารณ์ว่าขณะนี้รัฐบาลขาลงนั้นตนคิดว่าคงพูดไม่ได้ว่าขาขึ้นหรือขาลง เพียงแต่คิดว่านายกรัฐมนตรีปรับครม.เพื่อความเหมาะสม ปรับเพื่อเรียกศรัทธาเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมา
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่สองพรรคการเมืองใหญ่ระบุเป็นเสียงเดียวกันว่าจะไม่เอานายกฯคนนอกนั้น พรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยคืนจะบอกว่าจะเอาคนนอกพรรคมาเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ผลักดันคนในขึ้นมานั้น ถามว่าประชาชนจะมีความรู้สึกอย่างไร จึงไม่มีพรรคไหนที่จะมาบอกว่าหลังเลือกตั้งแล้วจะเอานายกฯคนนอกเข้ามา ยกเว้นพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนนายกฯที่มาจากคนนอกเท่านั้น เช่น กรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน กับพวกได้ตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ และประกาศชัดเจนว่าจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีก แต่นี่ไม่ใช่พรรคการเมืองที่เกิดขึ้นมาเก่าแก่และต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาโดยตลอด
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การที่คสช. ยังไม่ประกาศปลดล็อกให้พรรคการเมืองได้ทำกิจกรรมทางการเมืองนั้น อยากจะบอกว่าพรรคการเมืองทั้งหลายอยากสนองนโยบายรัฐบาล ที่ผ่านมาทางกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ วันนี้ไม่มีใครอยากทำผิดพ.ร.บ.ประกอบและธรรมนูญ พ.ร.บ.กกต.หรือ พ.ร.บ. ฉบับใดก็แล้วแต่ นอกจากไม่อยากทำผิดกฎหมายแล้วยังอยากจะสนับสนุนรัฐบาลให้ สามารถดำเนินการไปตามเป้าหมายและกฎหมายได้ด้วย
...
"การที่แต่ละพรรคการเมืองอยากจะให้มีการปลดล็อกทางการเมืองคือการสนับสนุนให้รัฐบาลได้ทำตามกฎหมาย แต่วันนี้ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมถึงยังไม่ปลดล็อกให้พรรคการเมืองเขาได้ทำกิจกรรม จริงอยู่ถึงแม้ว่าตัวเองจะมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด มีมาตรา 44 อยู่ในมือ ที่บอกว่าดีเลย์ไปนานแค่ไหนก็สามารถชดเชยเวลานั้นโดยการใช้ มาตรา 44 ดำเนินการได้ แต่ถามว่าความสง่างามและความเหมาะสมกับสถานการณ์ในตอนนี้มันจะคุ้มหรือไม่กับสิ่งที่นายกรัฐมนตรีจะทำอย่างนั้น แต่ถ้าปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามครรลอง" นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้คิดว่าจะได้รับเสียงชื่นชมสนับสนุนจากพรรคการเมืองและจากคนทั่วไปด้วยว่านายกฯพร้อม และก็อยากเห็น การเมืองเดินต่อไปข้างหน้าได้ ตราบใดที่ยังไม่ประกาศปลดล็อกทางการเมืองมันก็จะอึมครึมอยู่อย่างนี้ แต่ละคนยังไม่มีใครเชื่อมันเลยว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2561 นี้จริงหรือไม่ เพราะวันนี้คุณยังไม่ได้ทำอะไรเลยทั้งที่กฎหมายเดินไปแล้ว รัฐธรรมนูญก็ประกาศใช้แล้ว พ.ร.บ. ประกอบพรรคการเมืองก็เดินไปแล้ว จึงเป็นเหมือนสัญญาณที่ส่งออกมาว่าต้องดีเลย์แน่ การที่พูดว่าจะมีการเลือกตั้งแน่คงไม่เหมือนกับการปฎิบัติ ถ้าบอกว่าให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้แล้วก็จะเหมือนเป็นการลั่นระฆังสัญญาณให้รู้ว่าการเมืองเดินหน้าแล้ว แต่วันนี้ยังไม่มีอะไรบอกเลยว่าการเมืองเดินหน้าเพราะทุกพรรคยังขยับไม่ได้
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การที่บอกว่ายังไม่ปลดล็อกทางการเมืองเพราะสถานการณ์ยังไม่สงบพบเจออาวุธนั้น ความจริงเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกับการเมืองแต่น่าจะเป็นเรื่องของความมั่นคง พบอาวุธก็ไปดำเนินการแต่นี่ไม่ได้เกี่ยวพันกับพรรคการเมืองตรงไหน ไม่มีเหตุผลที่จะบอกว่าพบอาวุธแล้ว บ้านเมืองยังไม่สงบทำให้การเมืองไม่สามารถเคลื่อนหน้าต่อไปได้ ไม่มีอะไรสัมพันธ์กันเลย
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนที่มีประกาศ กกต. ออกมาหลายฉบับนั้น ประกาศก็ประกาศไปแต่พรรคการเมืองยังทำอะไรไม่ได้แล้วจะเกิดประโยชน์ได้อย่างไร ประชุมพักไม่ได้ กำหนดแนวนโยบายพรรคใหม่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ ให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบและธรรมนูญก็ยังทำไม่ได้ พรรคไม่มีนโยบาย พรรคไม่มีเจตนารมณ์พรรคใหม่ แล้วจะขับเคลื่อนไปได้อย่างไร กกต. ประกาศก็ประกาศไป แต่ฝ่ายปฏิบัติ อยู่ที่คสช. ที่เป็นคนสั่งว่าทำอะไรได้ไม่ได้.