ทำดีเพื่อ “พ่อ” สานต่อพระราชปณิธาน
เป็นบรรยากาศที่คนไทยส่วนใหญ่คิดและร่วมกันแสดงออกในลักษณะนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและควรกระทำให้เป็นจริงในทางปฏิบัติ
หากคิดและทำได้อย่างนี้เชื่อได้เลยว่า ประเทศชาติของเราจะเดินก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนอย่างแน่นอน
ขออย่างเดียวอย่าเพียงแต่คิด แค่อยู่ที่การปฏิบัติให้เป็นจริงเถิด
ที่เป็นห่วงก็คือ เมื่อคล้อยหลังวันสำคัญไม่อีกเท่าใดก็จะลืมเลือนกันไปหมด จนจำไม่ได้ เคยคิดอะไร พูดอะไรมาก่อนหน้านี้
รัฐบาลก็เช่นเดียวกัน ไม่ใช่ได้แต่ร้องขอให้ประชาชนร่วมมือร่วมใจกันเพื่อประเทศชาติ แต่รัฐบาลก็ต้องร้องขอตัวเองด้วย
ถ้ายึดเอาพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร แล้วไซร้ ก็ต้องยอมรับความจริงในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะคณะผู้บริหารประเทศ
ยิ่งเวลาอีกไม่นานก็จะต้องมีการเลือกตั้ง สิ่งที่ต้องคิดและพึงปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จในภารกิจต่างๆด้วยความมุ่งมั่น
ในทีมงานของรัฐบาลก็คือ คณะรัฐมนตรีถึงเวลานี้ถือว่าได้ปฏิบัติหน้าที่มาเกือบจะครบเทอม 4 ปี แม้แต่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โอกาสที่จะอยู่ยาวอย่างนี้แทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้
พูดง่ายๆว่าก็เป็นเรื่องยากไม่ใช่เล่น
แต่รัฐบาลชุดนี้มาจากสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เมื่อ คสช.ได้เข้ามาควบคุมอำนาจการปกครองประเทศและบริหารประเทศมาอย่างยาวนาน
มีจุดอ่อน-จุดแข็งที่มองเห็นกันได้อยู่
ก่อนหน้านี้มีการปรับเปลี่ยน ครม.ไปเพียงไม่กี่ครั้ง ส่วนใหญ่ยังเป็นคนหน้าเดิม คนไหนมีฝีมือมากน้อยแค่ไหนรู้อยู่แก่ใจกันดี
บรรดาพี่น้อง เพื่อนส่วนใหญ่ยังอยู่กับครบหน้า
มีเสียงเรียกร้อง ซึ่งว่าไปแล้วเป็นความปรารถนาดีมากกว่าปรารถนาร้าย เพราะต้องการให้รัฐบาลสามารถทำงานได้ดีกว่านี้
...
คือการปรับ ครม.เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากกว่านี้
เฉพาะอย่างยิ่ง รัฐมนตรีที่มาจาก “ทหาร” เพื่อนำคนเก่ง มีความรู้ความสามารถ มีความรอบรู้งานเฉพาะด้านเข้ามาช่วยกันทำงาน
นายกรัฐมนตรีจะได้ไม่ต้องมือระวิง พูดระวิงเกือบทุกวันอย่างนี้
แต่ข้อเสนอเหล่านี้ไม่ต่างกับลมพัดผ่านจากหูซ้ายทะลุหูขวา แล้วก็จางหายไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ก็แล้วแต่จะวิเคราะห์กันไป
บ้างก็ว่า เพราะความเกรงใจในความเป็นพี่ เพื่อน น้อง ที่คิดว่าตัดกันไม่ได้ ขายกันไม่ขาด ก็ประคองกันไปอย่างนี้
จึงเป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่ทำให้การบริหารไม่สามารถบรรลุเป้าหมายอย่างที่คาดหวังกัน แม้นายกฯก็เถอะ...ที่ตั้งเอาไว้สูง แต่ยังเดินไปได้ไม่ถึง
เป็นจุดอ่อนอย่างหนึ่งที่ทำให้การตัดสินใจหย่อนไปอย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น
ที่ว่าอย่างนี้ก็เพราะนายกฯนั้น เป็นบุคคลที่กล้าตัดสินใจ รักชาติบ้านเมือง การตัดสินใจเข้ามายึดอำนาจได้นั้น ถือว่าไม่ธรรมดา
เพราะหากแพ้ก็หมายถึงการเป็นกบฏ มีโทษหนักถึงขั้นพูดกันว่าชีวิตต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย แต่ก็กล้าตัดสินใจด้วยความพร้อมทุกด้าน
นี่ก็บอกกล่าวกันด้วยความปรารถนาดี.
“สายล่อฟ้า”