“น้ำ” เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่เทวดาประทาน ให้ฟรีๆ

รัฐบาลจึงไม่ใช่เจ้าของน้ำฝน และน้ำฝนก็ไม่ใช่สมบัติของรัฐบาล

การที่ธรรมชาติส่งน้ำฝนลงมาให้ใช้ฟรีๆ ประชาชนทุกคนจึงควรใช้ประโยชน์ได้โดยไม่ต้องจ่ายสตางค์

“แม่ลูกจันทร์” จึงไม่แปลกใจที่ใครต่อใครออกมาคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำของรัฐบาล คสช. กันอึกทึกครึกโครม

สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้คือเปิดช่องให้รัฐบาลเรียกเก็บค่าใช้น้ำจากผู้ใช้น้ำธรรมชาติจากแม่น้ำลำคลองทั่วไปในอัตราตั้งแต่ 50 สตางค์ ถึง 3 บาทต่อลูกบาศก์เมตร ตามปริมาณการใช้น้ำ และประเภทการใช้น้ำแต่ละกรณี

คาดว่าถ้าร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้คลอด ออกมาบังคับใช้ จะทำให้รัฐบาลมีรายได้เข้ากระเป๋าอีกก้อนโต

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าการที่รัฐบาลจะออก ก.ม.เก็บค่าใช้น้ำธรรมชาติจากประชาชน

แสดงว่ารัฐบาลกลายเป็นเจ้าของน้ำที่ธรรมชาติให้มาฟรีๆ

แต่รัฐบาลยังใจดี ยกเว้นไม่เก็บค่าต๋งใช้น้ำจากพี่น้องคนยากคนจน

ยกเว้น ไม่เก็บค่าน้ำเพื่อการบริโภคในครัวเรือน

ยกเว้น ไม่เก็บค่าน้ำจากเกษตรกรรายย่อยที่มีที่ดินทำกินต่ำกว่า 50 ไร่ต่อราย

และยกเว้น ไม่เก็บค่าน้ำจากอุตสาหกรรมในครัวเรือน

แสดงว่ารัฐบาลเองก็กลัวเรตติ้งตกอยู่เหมือนกัน

ส่วนพี่น้องเกษตรกรชาวนาชาวสวนชาวไร่ ที่มีพื้นที่ทำกินมากกว่า 50 ไร่ขึ้นไป หรือทำฟาร์มเลี้ยงไก่ตั้งแต่ 5 พันตัว หรือทำฟาร์มเลี้ยงหมูตั้งแต่ 30 ตัว หรือทำบ่อกุ้งบ่อปลาตั้งแต่ 10 ไร่ขึ้นไป ฯลฯ

รัฐบาลจะขอเก็บค่าใช้น้ำขั้นต่ำ 50 สตางค์ต่อคิว

สำหรับกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร ฯลฯ รัฐบาลขอเก็บ ค่าใช้น้ำขึ้นอีกหน่อยเป็น 1 บาทต่อคิว

ใครที่เคยใช้น้ำฟรีๆ ทีนี้ก็ต้องจ่ายค่าน้ำบำรุงกระเป๋ารัฐบาลแก้ขัดหนักขัดเบา

...

“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่ากลุ่มที่จะได้รับผลกระทบจาก พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำฉบับใหม่เต็มเปา

คือกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ หรือเอกชนผู้ทำธุรกิจเกษตรขนาดใหญ่ หรือกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน และกลุ่มสนามกอล์ฟที่ใช้น้ำจากแหล่งน้ำสาธารณะฟรีๆ

เมื่อร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้บังคับใช้ ต้องโดนเก็บค่าใช้น้ำอัตราสูงสุด 3 บาทต่อคิว

ใครไม่อยากจ่ายค่าน้ำให้รัฐบาล ก็ต้องขุดน้ำบาดาลใช้เองสถานเดียว

“แม่ลูกจันทร์” มองว่าร่าง ก.ม.ฉบับนี้ ซึ่งใกล้จะคลอดออกมาบังคับใช้ก่อนสิ้นปี อ้างเหตุผลว่าการเก็บค่าใช้น้ำ ธรรมชาติจากผู้ใช้น้ำจำนวนมาก เพื่อแก้ปัญหามือใครยาวสาวได้สาวเอา

ในเมื่อทรัพยากรน้ำมีจำกัดควรเฉลี่ยใช้ให้ทั่วถึงกัน

ใครใช้น้ำมากจึงต้องจ่ายมากเพื่อความเป็นธรรม

อย่างไรก็ดี มีเสียงโอดโอยจากพี่น้องเกษตรกรขนาดกลางๆ ที่ต้องโดนโขกค่าน้ำ 50 สตางค์ต่อคิว ว่าโหดเกินไป
แต่เสียงคัดค้านดังที่สุดคือ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องจ่ายค่าใช้น้ำแพงหูฉี่ถึง 3 บาทต่อคิว ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นอีกบานตะไท

“แม่ลูกจันทร์” ไม่แน่ใจว่าเสียงคัดค้านจากกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมจะทำให้ นายกฯบิ๊กตู่ ยอมสั่งเบรกร่าง
ก.ม.ฉบับนี้หรือไม่??

เพราะกลุ่มอุตสาหกรรมเรียกร้องอะไร รัฐบาลมักใจอ่อนยอมโอเคทุกที

ครั้งนี้รัฐบาลจะโอเค? หรือโนเค? หวยออกได้ 2 ประตู

แต่ถ้าจะให้เลือก 1 ประตู “แม่ลูกจันทร์” เลือกประตูโอเค.

"แม่ลูกจันทร์"