เอนก เหล่าธรรมทัศน์
‘อุ๊งอิ๊ง’ ยอ ‘อาปู’ รักประเทศ
“อุ๊งอิ๊ง” ขยับ โพสต์ขอบคุณความโชคร้ายในชีวิต ทำให้ได้รู้ว่ายังมีครอบครัวที่รักกัน มีเพื่อนพร้อมยืนเคียงข้าง มีประชาชนที่เข้าใจพ่อและอา “ไปก์” เริ่มฝึก รด.วันแรก ศูนย์ฝึกย้ำดูแลปกติไม่มีสิทธิพิเศษ ทนายเผย “บุญทรง” ยังเครียดไม่ได้ประกัน พท.สับยุทธศาสตร์ชาติลากเกมอำนาจ ตั้งรัฐบาลคนนอกยาว ปชป.จี้รัฐบาลจับตาพวกหมิ่นศาล “เอนก” แง้มสัญญาณพิเศษหลัง “ยิ่งลักษณ์” เผ่น ย้ำปรองดองต้องจบ “มีอำนาจบางอย่างที่ทำให้จบ” “ไก่อู” โต้ ผักชีโรยหน้ารับนายกฯ โพลชี้คนเชื่อมั่นศาลช่วยปราบโกงได้
ผลสะเทือนหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาในคดีรับจำนำข้าว ยังสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองต่อเนื่อง ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็กนายทักษิณ ชินวัตร ออกมาโพสต์ลงสื่อโซเชียลต่อจากบิดา ขอบคุณความโชคร้ายในชีวิตที่ทำให้รู้ว่าใครคือมิตรที่แท้จริง
“อุ๊งอิ๊ง” ซึ้งความโชคร้ายได้รู้ใจคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ๊ง บุตรสาวคนเล็กนายทักษิณ ชินวัตร และหลานสาว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ลงเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม ระบุว่า “คนเราอย่าตัดสินกันตอนที่มีความสุข ตอนที่เราทุกข์ คนที่เลือกจะยืนเคียงข้างเรา คือคนที่รักเราจริง ขอบคุณความโชคร้ายในชีวิตที่ทำให้รู้ว่าเราโชคดีแค่ไหน ที่มีครอบครัวที่รักกัน มีเพื่อนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้าง มีประชาชนที่ไม่เคยลืม และเข้าใจว่าพ่อและอา รักประชาชนและประเทศชาติมากกว่าอะไรทั้งนั้น” โดยมีการติดแท็กหลายข้อความด้วย เช่น ไม่ขอให้ใครเห็นด้วย ความคิดตัวเองไม่เห็นด้วยไม่ว่า หัวใจประชาธิปไตยเสมอ
...
“ไปก์” รายงานตัวฝึก รด.วันแรก
ช่วงเช้าวันที่ 2 ก.ย. ที่ศูนย์การกำลังสำรอง ถนนวิภาวดีรังสิต มีการเปิดเรียนหลักสูตรนักศึกษาวิชาทหาร (นศท.) โดยเฉพาะ นศท.ชั้นปีที่ 1 เป็นวันแรกหลังเข้ารับการปฐมนิเทศไปเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ในส่วนของนายศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือ “น้องไปก์” บุตรชาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เดินทางมาร่วมเรียนหลักสูตร นศท.ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ พล.ต.ปราการ ปทะวานิช ผู้บัญชาการศูนย์การกำลังสำรอง กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการเริ่มเรียนครั้งแรกของ นศท.ชั้นปีที่ 1 หลังเข้ารับการปฐมนิเทศไปเมื่อวันที่ 26 ส.ค. เป็นการฝึกตามหลักสูตรปกติตามนโยบายของ พล.ท.วีรชัย อินทุโศภน ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) โดยในส่วนของนักเรียนโรงเรียนนานาชาติไม่ได้มีสิทธิพิเศษ และมีการฝึกเหมือนนักเรียนโรงเรียนทั่วไป จะมีการเรียน 10 สัปดาห์ รวม 80 ชั่วโมง ทุกวันเสาร์ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. สำหรับ นศท.ชั้นปีที่ 1 จะฝึกพื้นฐานเบื้องต้น เช่น การยืนท่าตรงแถวชิด ทำท่าเคารพ การแต่งกายในเครื่องแบบ ทักษะทางทหารเบื้องต้น
ศูนย์ฝึกย้ำดูแลปกติไร้สิทธิพิเศษ
พล.ต.ปราการกล่าวต่อว่า ในส่วนของน้องไปก์ก็เหมือน นศท.ทั่วไป ปฏิบัติทุกอย่างตามกฎระเบียบปกติ นศท.จะเดินเข้ามาในศูนย์ฝึกเอง รถส่วนตัวไม่สามารถเข้ามาส่งได้ ปฏิบัติทุกอย่างให้เป็น นศท.คนหนึ่งเท่านั้น ไม่มีอะไรพิเศษ ที่ผ่านมา น้องไปก์ผ่านเกณฑ์การตรวจร่างกาย ตนไม่ทราบว่าน้องไปก์อยากเรียน นศท.หรือไม่ เพราะไม่ได้เจาะจงรายบุคคล ตนดูภาพรวมทั้งหมด ส่วนหลักสูตรการฝึกมี 2 ประเภท ได้แก่ กลุ่มแรก นักเรียนภาคปกติ และกลุ่มที่สอง เป็นนักเรียนนานาชาติ หรือนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัย โดยน้องไปก์อยู่กลุ่มที่สองเพราะเป็นนักเรียนโรงเรียนนานาชาติ เมื่อถามว่ามีคำสั่งพิเศษอะไรจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)หรือไม่ พล.ต.ปราการตอบว่า คสช.ไม่มีคำสั่งพิเศษใดๆ ผบ.นรด.ไม่ได้เน้นย้ำ ให้เป็นเรื่องของศูนย์ฝึก ไม่มีจ้องจับเป็นพิเศษ ยืนยันว่าน้องไปก์ต้องเรียนและทำตามระเบียบเหมือนทุกคน
“ปู” หนีไม่กระทบคดีที่ตกค้าง
วันเดียวกัน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในส่วนที่ยังค้างอยู่ในชั้นคณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช. ว่า คดีอื่นที่เหลืออยู่ระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ทั้งการไต่สวนพยานหลักฐาน หาข้อมูลข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ยังคงเดินหน้าต่อไป เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์หลบหนีไป ทำให้ ป.ป.ช.ไม่ต้องเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์มาชี้แจงให้ถ้อยคำ จะทำให้คดีสรุปได้รวดเร็วขึ้นหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพลตอบว่า ต้องดูในรายละเอียดว่าแต่ละคดีมีใครเป็นผู้ถูกกล่าวหาบ้าง แต่เชื่อว่าหลายคดีที่ปรากฏชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้ถูกกล่าวหา ไม่ได้มีแค่ น.ส.ยิ่งลักษณ์รายเดียว มีผู้ถูกกล่าวหารายอื่นด้วย ดังนั้นเจ้าหน้าที่จะดำเนินการไต่สวนตามปกติ ไม่มีผลกระทบอะไรกับคดี หรือทำให้คดีต้องรวบรัดมากนัก ต้องขอดูรายละเอียดก่อนว่า คดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้ถูกกล่าวหารายเดียวมีกี่คดี คดีอะไรบ้าง เท่าที่ทราบไม่มี แต่มีคนอื่นเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย
ทนายเผย “บุญทรง” ยังเครียด
นายนรินทร์ สมนึก ทนายความนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 42 ปี จากการทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) และยังไม่ได้รับการประกันตัว กล่าวว่า จากการเข้าเยี่ยมนายบุญทรง พบว่ายังมีอาการเครียด เนื่องจากประกันตัวไม่ได้ และมีโรคประจำตัวหลายโรค ทีมทนายพยายามให้กำลังใจเช่นเดียวกับนางปอยใจระพี เตริยาภิรมย์ ภรรยานายบุญทรง ที่เข้าไปเยี่ยมสม่ำเสมอ คอยเป็นกำลังใจให้นายบุญทรง ส่วนการยื่นประกันตัวจะยื่นพร้อมคำอุทธรณ์ และพิจารณาเพิ่มหลักทรัพย์ที่ใช้ประกันตัวอีก โดยคดีนี้มีจำเลยหลายคนที่ยื่นประกันตัว ต้องพิจารณาเป็นเเนวทางเช่นกัน
พท.สับยุทธศาสตร์ลากอำนาจ
ด้านนายชัยเกษม นิติสิริ อดีต รมว.ยุติธรรม และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ที่มีรัฐมนตรีหลายคนได้รับแต่งตั้งว่า พอใจจะตั้งใครก็ตั้งไป เพราะมีข้ออ้างได้ตลอด สิ่งที่ทำเป็นเรื่องการเมืองโดยแท้ ไม่มั่นใจว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ เรามีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ดูแลการพัฒนาประเทศ และมีคณะกรรมการชุดต่างๆดูแลแต่ละฝ่าย แต่ตอนนี้เอาคนกลุ่มหนึ่งมาคิดแทนคนทั้งประเทศ และไม่ใช่คนที่มาจากประชาชน ดังนั้นถ้าพูดถึงความถูกต้องไม่ค่อยมีเหตุผลเท่าไหร่นัก ส่วนคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ หรือคณะกรรมการชุดต่างๆที่ตั้งขึ้น ส่วนใหญ่ชื่อซ้ำไปซ้ำมา ไม่ใช่บ้านเราไม่มีคนมีความรู้ความสามารถ แต่เขาอาจไม่อยากเข้ามา หรือคนที่อยากมาแต่เขาไม่อยากได้ ก็เหลือแต่คนหน้าเดิมๆที่สามารถตอบสนองผู้บริหารประเทศขณะนี้ได้
วางเกมตั้งรัฐบาลคนนอก 2 สมัย
นายชัยเกษมกล่าวอีกว่า ส่วนยุทธศาสตร์ชาติ ที่เพิ่งมาคิดทำ จะมีผลผูกพันกันไป 20 ปี และกรรมการมีวาระอยู่ 5 ปี ความจริงแล้วทำเพื่อจะดูแลกันต่อไป โดยคนชุดเดิมที่ยังหวังจะได้อยู่บริหารประเทศกันต่อ โดยมีคนที่สนองความต้องการของเขา ที่บางคนบอกว่าเมื่อถึงเวลาสามารถเปลี่ยนคนได้ ปรับเปลี่ยนแผนได้ แต่เอาเข้าจริงพอเปลี่ยนก็ถูกครหาอีก ต้องถือว่าเป็นไปตามโรดแม็ปที่เขาวางไว้ อย่างน้อยมี ส.ว.หนุนหลังอยู่อีก 5 ปี เท่ากับต้องเลือกตั้ง 2 ครั้ง ร่วมกันอยู่ต่อไป 8 ปี คือมีรัฐบาลนายกฯคนนอกไปถึง 2 สมัย เราถูกมัดมือไว้คงไปทำอะไรไม่ได้ แล้วแต่โชควาสนาของประเทศ
“นพดล” ชี้ยังมีเวลาเฟ้นตัวผู้นำ
นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้พรรคเพื่อไทยจะขาด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่พรรคเพื่อไทยยังต้องเดินหน้าทำการเมืองที่สร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ของประชาชนต่อไป ส่วนกระแสข่าวเรื่องตัวบุคคลที่จะมาเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งผู้นำพรรคเพื่อไทยนั้น แสดงให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยมีบุคคลที่มีความรู้ความสามารถจำนวนมาก เพื่อให้พรรค ได้พิจารณาตัดสินใจ และเมื่อเวลาผ่านไปคงต้องมาดูสถานการณ์ทางการเมืองขณะนั้นด้วย จึงจะรู้ว่าบุคคลใดเหมาะสมจะมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ เชื่อว่าแกนนำและอดีต ส.ส.พรรค จะพิจารณาคัดเลือกคนที่ดีที่สุด ส่วนตัวขอเพียงให้ผู้ที่จะมานำ เป็นคนมีความรู้ ความสามารถ แต่ยังมีเวลาอีกมากกว่าจะถึงการเลือกตั้งตามโรดแม็ป เมื่อผู้มีอำนาจเปิดให้พรรคการเมืองสามารถเคลื่อนไหว และทำกิจกรรมทางการเมืองได้ ถึงตอนนั้นพรรคคงประชุมหารือเรื่องนี้กันต่อไป
ห่วงเงื่อนบัตรคนจนทำคนสับสน
นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการประชารัฐสวัสดิการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ว่า ผู้มีรายได้น้อยตามเกณฑ์ที่มีกว่า 11 ล้านคน จะได้รับประโยชน์จากวงเงินงบประมาณที่รัฐต้องใช้เงินอุดหนุนปีละ 4.1 หมื่นล้านบาท แต่บัตรดังกล่าวต้องใช้กับเครื่องรับบัตรที่ทางรัฐต้องจัดหามาให้ร้านค้า ล่าสุด รมว.พาณิชย์ยืนยันว่า วันที่ 1 ต.ค. จะมีเครือข่ายร้านค้ากระทรวงพาณิชย์พร้อมเข้าร่วมโครงการ 8,000 ร้าน คำถามคือมันจะเพียงพอกับจำนวนประชาชนที่ลงทะเบียนหรือไม่ หากมีบัตรแต่ใช้การไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ และรายละเอียดการใช้บัตรมีมาก วงเงินหากไม่หมดจะถูกตัดเดือนต่อเดือน คิดว่าปัญหารายละเอียดประชาชนยังไม่เข้าใจ อยากฝากให้รัฐเร่งทำความเข้าใจ เพื่อแก้ไขปัญหาที่ประชาชนอาจเกิดความสับสนด้วย
ปชป.จี้รัฐบาลจับตาพวกหมิ่นศาล
ขณะที่นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด และแกนนำพรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นเรื่องการพิจารณาคดีลับหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่สามารถทำได้ ว่า เป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อน โดยหลักการแล้วกรณีที่จำเลยหลบหนีคดีไม่มาฟังคำพิพากษาในคดีอาญา เมื่อศาลออกหมายจับและถ้าจับตัวจำเลยมาไม่ได้ภายในหนึ่งเดือน ศาลสามารถดำเนินการอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยได้ เรื่องการอ่านคำพิพากษาอย่าเพิ่งไปคาดการณ์ เพราะเป็นกระบวนการของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขอให้เป็นหน้าที่ของศาล จึงมีประเด็นฝากไปยังรัฐบาลให้ช่วยตรวจสอบกรณีมีการละเมิดอำนาจศาล ดูหมิ่นศาล ทั้งการให้สัมภาษณ์ โดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์มีการกล่าวหาลักษณะไม่ให้เกียรติศาลฯ ต้องหาทางช่วยเหลือปกป้องอำนาจตุลาการ รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะถือเป็นเสาหลักหนึ่งของ 3 อำนาจที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของรัฐ
สอน “อุ๊งอิ๊ง” แยกความรักให้ออก
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ฝากถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่คงเข้าใจผิดว่าความรักที่พ่อและอาแสดงออกมา เป็นความรักตัวเองและสังคญาติ ไม่ใช่ความรักต่อประเทศชาติและประชาชน ดังนั้นอย่าบิดเบือนข้อเท็จจริงอีกเลย ควรยอมรับกระบวนการยุติธรรม เพราะที่ผ่านมาก็ชัดเจนแล้วในคดีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และพวก ความรักต่อครอบครัวเป็นเรื่องที่ดี แต่ความปรารถนาดีต่อประเทศชาติและสังคม เขาวัดที่การกระทำตามระเบียบกติกา และกฎหมายของสังคม
“เอนก” แง้มสัญญาณปรองดอง
อีกด้านนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง กล่าวว่า การประชุมนัดแรก วันที่ 4 ก.ย. เพื่อวางกรอบการทำงาน ไม่มีอะไรหนักใจ คณะกรรมการฯพร้อมเปิดรับฟังจากทุกฝ่าย เมื่อถามถึงการปรองดองมีโอกาสสำเร็จแค่ไหน นายเอนกตอบว่า มีแววมากขึ้นเรื่อยๆ เราอย่าไปคิดว่าหลังการเลือกตั้งจะตั้งรัฐบาลไม่ได้ สำหรับนักการเมือง พรรคการเมืองทั่วไป จะตั้งรัฐบาลร่วมมือกันได้ถ้าจำเป็น และมีคนที่ทหารไว้วางใจเข้ามาร่วมด้วย ถึงอย่างไรเขาก็เข้ามาร่วมดีกว่าที่เขาไม่มีโอกาส ยิ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางออกนอกประเทศ มีกระแสข่าวว่าเป็นเงื่อนไขพิเศษหนึ่งที่มีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลครั้งต่อไป ถึงบอกว่าการปรองดองอย่างไร มันก็จบได้ เพราะมีอำนาจบางอย่างที่ทำให้จบ
สะกิดการเมืองยกเครื่องตัวเอง
นายเอนกกล่าวต่อว่า ขณะนี้กระบวนการสร้างความปรองดองสามารถทำได้แล้ว แต่มันไม่ใช่เปิดปุ๊บติดปั๊บ หากจะให้มาเป็นรัฐบาลร่วมกัน อีกฝ่ายคงอึดอัดที่ต้องไปร่วมกับฝ่ายที่เคยต่อสู้กันมา แต่หากด้วยความจำเป็นพอรวมกันสักพักหนึ่ง เริ่มคุยกันมากขึ้น จะมีการประสานสร้างความสามัคคีขึ้นมา และพรรคการเมืองและนักการเมืองต้องพยายามสร้างการยอมรับจากประชาชนให้เด็ดขาดเสียที ไม่ใช่พอประชาชนคิดว่าเมื่อไหร่นักการเมือง พรรคการเมืองเริ่มไม่เข้าท่า ก็ขอให้ทหารมาช่วย เป็นแบบนี้เรื่อยๆพรรคการเมืองก็ไปไม่รอด พรรค การเมืองจำเป็นต้องปฏิรูปเพื่อสร้างความชอบธรรม สะสมความชอบธรรม ไม่เช่นนั้นทหารจะล้มพรรค การเมืองตอนไหนก็ได้ ดังนั้นการปฏิรูปด้านการเมืองไม่ใช่เป็นของคณะกรรมการชุดนี้เท่านั้น แต่เป็นของพรรคการเมือง ของนักการเมืองด้วย ขอให้เสนอความเห็นเข้ามายินดีรับฟังเสมอ
เตือนรัฐบาลระวังวิกฤติรากหญ้า
เมื่อถามว่าวิกฤติปากท้องระดับรากหญ้าจะมีผลต่อการปรองดองและการปฏิรูปด้านต่างๆอย่างไร นายเอนกตอบว่า ถึงอย่างไรแผนการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ ต้องเกิดขึ้นตามกฎหมาย แต่ตอนนี้วิกฤติเศรษฐกิจรากหญ้ายังไม่เกิดขึ้น ยิ่งตอนนี้จีดีพีเติบโตเกินเป้าหมาย เศรษฐกิจโลกกำลังดีขึ้น อีกสักระยะ จะมีผลถึงระดับรากหญ้า แต่รัฐบาลอย่านิ่งนอนใจ และมันไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลอย่างเดียว ตอนนี้ใครขึ้นมาเป็นนายกฯก็ไม่ต่างกัน เพราะเศรษฐกิจทั่วโลกตกอยู่ในสภาพเดียวกัน และเศรษฐกิจไทยจีดีพี ไม่เคยเกินร้อยละ 4 มา 16 ปีแล้ว เว้นแต่รัฐบาลเชื่อมโยงต่อบูรพาภิวัตน์ได้ จีดีพีจะโตขึ้นเป็นร้อยละ 5 ได้
“ไก่อู” โต้ผักชีโรยหน้ารับนายกฯ
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีการนำเสนอข่าวชาวบ้านหมู่ 14 ต.หนองม่วง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ร้องเรียนถูกตัดน้ำตัดไฟ หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เดินทางกลับจากการลงพื้นที่เพื่อมอบหนังสืออนุญาตใหเกษตรกรเข้าทำประโยชน์ในเขตที่ดิน ส.ป.ก. เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ว่า เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน พื้นที่ตรงนั้นยังไม่มีการขยายเขตไฟฟ้าและประปาเข้าไป เพราะยังไม่มีประชาชนหรือเกษตรกรตั้งบ้านเรือนอยู่อาศัย วันที่นายกฯลงพื้นที่เป็นการติดตั้งระบบไฟฟ้าและน้ำประปาเป็นการชั่วคราวไว้ใช้งาน และวันนี้ ผวจ.สระแก้วนำคณะเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ทำความเข้าใจแล้ว หากประชาชนปลูกที่อยู่อาศัยและมีเลขที่บ้านแล้ว สามารถยื่นขอติดตั้งระบบไฟฟ้าและประปาเป็นการถาวรได้ นายกฯมีความห่วงใยการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ กำชับว่าโอกาสต่อไปเตรียมเท่าที่จำเป็น ระมัดระวังไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดอีก
ปลื้มมูดี้ส์ยกสถานะไทยเข้มแข็ง
พล.ท.สรรเสริญกล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีความยินดีที่มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ระบุว่าสถานะทางการเงินของไทยเข้มแข็งขึ้น จากผลกระทบจากปัจจัยภายนอกเริ่มลดลง ประกอบกับสถานการณ์การเมืองในประเทศผ่อนคลายมากขึ้น ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ตามวัฏจักร และยังได้แรงหนุนจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง นายกฯย้ำว่าสาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากความร่วมมือของประชาชนร่วมกันประคับประคองให้บ้านเมืองสงบสุข แม้บางคนจะยังมีความรู้สึกคุกรุ่นอยู่ในใจบ้าง ทั้งนี้ มูดี้ส์จัดอันดับสถานะสินเชื่อของรัฐบาลอยู่ที่ระดับ Baa1 คือยังมีโครงสร้างหนี้ที่ดี โดยคาดว่าจีดีพีปีนี้จะขยับเป็นร้อยละ 3.4 ถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา
“จิรชัย” ลงใต้สอบ 4 โครงการฉาว
ที่ศาลากลางจังหวัดยะลา นายจิรชัย มูลทองโร่ย ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการดำเนินงาน 4 โครงการของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดน ภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวว่า ลงพื้นที่พร้อมคณะตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้น ทั้ง 4 โครงการเป็นโครงการที่ประชาชนสงสัยว่าใช้งบประมาณดำเนินการคุ้มค่าแค่ไหน อย่างโครงการติดโคมไฟส่องสว่าง เป็นปัญหาที่เรื้อรังพอสมควร ดำเนินการยังไม่ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงเรื่องประสิทธิภาพ โครงการที่ 2 สร้างสนามกีฬาฟุตซอล โครงการที่ 3 การก่อสร้างอาคาร ศอ.บต. ที่อยู่ในระหว่างดำเนินการปรับปรุง และโครงการที่ 4 การปรับปรุงมัสยิด 300 ปี ที่ จ.นราธิวาส ส่วนจะมีความคืบหน้าอย่างไรต้องติดตามต่อไป
สสส.หวั่นคนหันซดเหล้าขาว
นายสุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ (สสส.) กล่าวถึงกรณีกระทรวงการคลังเตรียมออกกฎกระทรวงว่าด้วยภาษีสรรพสามิต เพื่อกำหนดอัตราภาษีสุราและยาสูบใหม่ ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. ว่า เป็นการแก้ไขกฎหมายใหม่ เปลี่ยนจากการคำนวณภาษีจากราคาต้นทุนไปเป็นอัตราขายปลีก ทำให้จัดเก็บภาษีได้สูงกว่า และสะท้อนการขายจริง จากการกำหนดอัตราภาษีใหม่ ที่เบียร์จะถูกจัดเก็บภาษีมากกว่าเหล้าขาว ทำให้ราคาต่อดีกรีต่างกันมาก อาจมีส่วนจูงใจให้กลับมาบริโภคเหล้าขาวมากขึ้น ส่วนกระแสข่าวมีผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วิ่งเต้นเรื่องนี้ ตนขอไม่ออกความเห็น
โพลชี้ “ปู” กลัวติดคุกเลยรีบหนี
อีกเรื่อง สวนดุสิตโพลเปิดผลสำรวจความคิด เห็นประชาชน เรื่อง คิดอย่างไรกับการไม่มาฟังคำตัดสินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จนศาลออกหมายจับ ปรากฏว่าร้อยละ 71.20 เห็นว่ากลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง ร้อยละ 67.51 อยากให้มาสู้คดีตามกฎหมาย ร้อยละ 63.49 อาจเป็นการปิดฉากทางการเมืองของยิ่งลักษณ์ และส่วนใหญ่เห็นว่าสาเหตุที่ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มาฟังคำตัดสินคดี เพราะกลัวถูกลงโทษ ศาลไม่ให้ประกันตัว ต้องติดคุก รองลงมาคือไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรม กฎหมายสองมาตรฐาน นอกจากนี้ ความเห็นส่วนใหญ่ยังระบุว่า รัฐบาลควรเร่งติดตามตรวจสอบและนำตัวกลับมาดำเนินคดี
คนเชื่อมั่นศาลช่วยปราบโกงได้
ขณะที่สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดผลสำรวจความเห็น เรื่อง ผลคดีจำนำข้าวต่อการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันของประเทศ พบว่า ร้อยละ 92.6 ทราบข่าวนักการเมืองและบุคคลที่มีชื่อเสียงโดนคดีทุจริตคอร์รัปชัน ร้อยละ 91.9 เชื่อมั่นว่าการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันจะดีขึ้น ร้อยละ 97.8 สนับสนุนให้กรมบังคับคดียึดทรัพย์คนที่เกี่ยวข้องคดีจำนำข้าว และทุจริตคอร์รัปชันทุกคดี เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อหน่วยงานที่ช่วยแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันได้ดี พบว่า อันดับแรกคือศาลต่างๆ เช่น ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลยุติธรรม รองลงมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กรมบังคับคดี และองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ตามลำดับ