ระยะนี้มีข่าวไม่ค่อยดีที่ คนในกองทัพ ไปทำเรื่องเสื่อมเสียหลายเรื่อง รัฐบาล คสช. ที่เป็นรัฐบาลทหารก็ต้อง แสดงความโปร่งใสและความเป็นกลาง ในการที่จะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ไม่ใช่ลูบหน้าปะจมูกกันอยู่ หรือว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง คสช. จะตกเป็นขี้ปากชาวบ้านไปด้วย

อย่างกรณีที่ วัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ยื่น ป.ป.ช. ให้มีการตรวจสอบกรณีที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรฯ และ ดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ มีพฤติกรรมร่วมกับเอกชนทำการทุจริตโครงการระบายข้าว ภายใต้ข้อกล่าวหาว่าไม่มีความโปรงใสและมีการฮั้วประมูล

จากข้อมูลที่ว่ามีบางบริษัทที่ได้รับการประมูล เพิ่งจะได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารสัตว์หลังจากที่ได้รับการประมูล บางบริษัทมีปัญหาเรื่องของคุณสมบัติ หรือกรณีที่มี รมต.รายหนึ่งใช้ ฮ.ของกองทัพบกเดินทางจาก กทม.ไปที่ จ.กำแพงเพชร เพื่อไปที่โรงสีข้าวแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทที่เข้าร่วมประมูลข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลด้วย อะไรที่ไม่ชอบมาพากล รัฐบาล คสช. ก็ต้องรีบทำให้โปร่งใส ไม่ใช่อ้ำๆอึ้งๆ

หรืออย่างกรณีที่ สตง. ได้มีหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รายงานเรื่องการตรวจสอบ โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตร

เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง และการบริหารจัดการสต๊อกยาง เพื่อให้มีการป้องปรามให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

เช่น การบริหารจัดการสต๊อกยาง จนถึงวันที่ 30 ก.ย.2559 ไม่บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้คือไม่สามารถทำให้ราคายางในตลาดปรับตัวไปอยู่ในระดับ 120 บาทต่อกิโลกรัมได้ ตรงกันข้าม ราคายางกลับมีแนวโน้มตกต่ำลงเรื่อยๆ และยังสำรวจพบว่าไม่มีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ยางอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ระบุไว้

ขณะที่สถาบันเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่ไม่มีการยกระดับในการดำเนินธุรกิจของตนเอง จากการตรวจสอบสถาบันเกษตรกร ไม่มีการพัฒนาในจำนวนนั้น ไม่มีการดำเนินธุรกิจหรือกิจกรรมใดๆ ตั้งแต่เข้าร่วมโครงการ

...

สตง. ยังได้ตรวจสอบพบความไม่โปร่งใสและผิดปกติอีกหลายประการ โดยเฉพาะการตรวจสอบที่กระทำโดยหน่วยงานรัฐด้วยกัน จึงไม่มีข้ออ้างว่าเป็นการใส่ร้ายหรือโจมตีให้เกิดความเสียหายต่อรัฐบาล

นอกจากนี้ ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของยาง มีทหารในกองทัพ เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการไม่น้อย เป็นเพื่อนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา

เพราะฉะนั้นจึงน่าจะพูดจากันได้ง่ายขึ้น

การบริหารจัดการภาครัฐยังเป็นปัญหาใหญ่ของ รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ใครจะมีเจตนาแสวงหาผลประโยชน์พ่วงเข้ามาด้วยหรือไม่ เป็นเรื่องส่วนบุคคล ที่จะไปโทษ พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่ได้

ยกตัวอย่างการปรับปรุงการบริการรถเมล์ ขสมก.นั่นปะไร แทนที่จะปรับการเดินรถให้สอดคล้องกับผังเมืองในปัจจุบันเพื่อบริการผู้โดยสารให้ได้รับความสะดวกสบายและไม่ขาดทุน กลับไปเปลี่ยนชื่อสายรถเมล์ใหม่

หาเรื่องให้วุ่นวายซะอย่างนั้น.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th