ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล อยากฝากไปถึงทุกคนในรัฐบาลว่า สิ่งที่ประชาชนไม่ชอบที่สุดคือความขัดแย้งกับการทุจริต เวลามีข่าวความขัดแย้งกับการทุจริต นักการเมืองทุกคนเสียหาย"

นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ประกาศเตือนไปยังคนในรัฐบาลและ นักการเมืองที่ทำงานร่วมกัน เพื่อหวังสยบปัญหาความขัดแย้งและโครงการต่างๆที่ส่อไปในทางไม่ชอบมาพากล จนทำให้เกิดการฟาดงวงฟาดงาใส่กันระหว่างประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทย

ปัญหาในรัฐบาลขณะนี้น่าจะมี 2 ส่วนด้วยกัน

1. ความขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับโครงการต่างๆ เช่น เรื่องข้าวโพด ข้าว และโครงการรถเช่า 4,000 คัน ทั้งนี้ น่าจะเป็นเรื่องโดยตรงระหว่างประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทย โดยมีประชาชนทั้งประเทศจับตาดูว่าจะลงเอยอย่างไร

2. ความขัดแย้งในพรรคประชาธิปัตย์เอง   โดยเฉพาะบรรดาลูกพรรคที่ไม่พอใจกับการตั้งรัฐมนตรี พยายามเรียกร้องให้มีการปรับใหม่ รวมถึงความพยายามแสดงออกให้เห็นว่าพร้อมจะตีจากไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่น ด้วยการเข้าไปผูกติดกับคนของพรรคภูมิใจไทย

แน่นอนว่าการเข้ามาเป็นรัฐบาลนั้นจะต้องทำงาน สร้างผลงานให้ปรากฏ ทั้งนี้ ผลงานที่ออกมาก็เพื่อประโยชน์ของชาติและคนไทย

ไม่ใช่เข้ากระเป๋านักการเมืองหรือเป็นทุนเพื่อการเลือกตั้ง

การทุจริตประพฤติมิชอบ โกงบ้านโกงเมืองนั้นเป็นปัญหาหลัก ของประเทศนี้และเป็นบ่อเกิดอย่างหนึ่งที่ทำให้การเมืองต้องล้มลุกคลุกคลาน นักการเมืองเป็นได้เพียงแค่นักเลือกตั้ง ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ชัยชนะและเข้ามามีอำนาจเป็นรัฐบาล

การ "ซื้อเสียง" ยังนำหน้าทุกอย่าง แม้ว่าระยะหลังพรรค การเมืองต่างๆพยายามที่จะสร้างนโยบายที่จะให้ประชาชนยอมรับและบางพรรคก็ประสบความสำเร็จด้วยแนวประชานิยม ชาวรากหญ้าจึงเลื่อมใสและสนับสนุน

แต่แม้จะมีนโยบายที่ทำให้ได้รับการยอมรับก็ยังหนีไม่พ้นการ "ซื้อเสียง" การใช้อำนาจรัฐต่างๆเหล่านี้คือต้นเหตุสำคัญอย่างหนึ่ง เมื่อการเมืองต้องลงทุนสูง การเข้ามามีอำนาจในรัฐบาลจึงต้องทุจริตเพื่อถอนทุนคืน

แม้จะมีความพยายามแก้ปัญหานี้ด้วยการให้มีองค์กรอิสระเข้ามาตรวจสอบตั้งแต่การเลือกตั้ง การบริหารราชการแผ่นดิน แต่ก็ยังมิอาจแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ มิหนำซ้ำองค์กรอิสระต่างๆที่เกิดขึ้นก็ถูกแทรกแซง ถูกกดดัน รวมถึงความพยายามที่จะทำให้องค์กรเหล่านี้ล้มหายตายจากไป

พูดง่ายๆ หากการเมืองยังดำเนินไปในลักษณะนี้ก็จะเกิดปัญหาไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเป็นการเมืองเก่าที่นักการเมืองยังคิดและปฏิบัติเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

การขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกฯของนายอภิสิทธิ์ที่ชื่อว่าเป็นคนหนุ่ม มีการศึกษาดี มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ปรากฏ มีการกล้า ตัดสินใจบางอย่างจนแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และสร้าง ความสงบได้ระดับหนึ่ง

แต่วันนี้สิ่งที่ท้าทายนายกฯคนรุ่นใหม่ก็คือการทุจริตคอรัปชัน

เป็นที่รู้กันดีว่าการเมือง ณ วันนี้ และที่เกิดปัญหาขัดแย้งระหว่าง ประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทยก็คือ   โครงการต่างๆที่รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยเสนอให้ ครม.พิจารณา แต่ปรากฏว่าทั้งนายกฯและรองนายกฯ ที่รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจต่างก็ออกมาคัดค้านและให้ไปหาวิธีการดำเนินการใหม่ อย่างรถเมล์เช่าให้ไปลดราคาค่าเช่าซึ่งแพงที่สุดในโลก

นั่นแสดงว่าโครงการเหล่านี้ส่อไปในทางทุจริต ซึ่งสังคมทั่วไปต่างรับรู้ แม้แต่นายกฯก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่โปร่งใส มันมีผลประโยชน์ ที่จะเข้ากระเป๋านักการเมือง พรรคการเมือง
แล้วนายกฯทำไมไม่ทำให้ประชาชนพึงพอใจเสียล่ะ.

"สายล่อฟ้า"

...