ลางสังหรณ์ คือความรู้สึกคล้ายมีอะไรมาดลใจ ทำให้รู้ว่าจะมีเหตุเกิดขึ้นล่วงหน้า เรียกอีกชื่อว่าลางดี และลางร้าย แต่ส่วนใหญ่เป็นลางร้าย
นันทวัน สาวนายน เขียนไว้ในนามานุกรมขนบประเพณีไทย หมวดประเพณีราษฎร์เล่ม 3 (คติความเชื่อ) (กรมศิลปากรจัดพิมพ์เผยแพร่ พ.ศ.2552) ว่า มีการศึกษาเรื่องลางสังหรณ์ ตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นความเชื่อสืบทอดกันมา ตัวอย่าง เกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุกเต้นเบาๆ ที่เรียกว่าเขม่น
ถ้าเขม่นนัยน์ตาขวาตอนใกล้รุ่ง จะมีญาติมิตรต่างแดนมาหา เขม่นนัยน์ตาซ้าย จะมีปากเสียงทะเลาะวิวาทหรือมีเรื่องเดือดร้อน
เขม่นนัยน์ตาขวาหลังเวลา 19.00 น. จะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับคนในครอบครัว เขม่นนัยน์ตาซ้าย จะมีข่าวดีมาถึงตอนเช้าวันรุ่งขึ้น
เขม่นหูขวาจะได้รับข่าวดี งานที่ทำไว้จะประสบสำเร็จตามที่หวัง เขม่นหูซ้ายจะได้รับข่าวร้าย หรือไม่ประสบความสำเร็จในผลงาน เขม่นริมฝีปากบนจะได้รับลาภผลเป็นอาหารถูกปากถูกใจ เขม่นริมฝีปากล่างจะเกิดร้าวรานในครอบครัวหรือบุตรหลาน ฯลฯ
เขม่นไหล่ขวาหรือไหล่ซ้ายจะพลัดพรากจากครอบครัว เดินทางไกลไปต่างแดนเป็นเวลานาน
ลางสังหรณ์ในการจาม เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน เช่นมีลักษณะจามติดๆกัน 2 ครั้งขึ้นไป คนโบราณเชื่อว่า ผู้จามถูกกล่าวถึง จามตอนเช้าจะมีโชคลาภ ธุรกิจหรือการเดินทางไปแสวงโชคนอกบ้านจะสำเร็จ หรือจะได้รับข่าวดีจากญาติมิตร
จามตอนสายจะได้รับข่าวจากมิตรสหายหรือญาติมิตรใกล้ชิดจากทางไกล จามตอนบ่าย เพศตรงข้ามหรือคนรักจะกล่าวขวัญถึง จามกลางคืน จะมีผู้มาขอความช่วยเหลือ หรือนำเรื่องทุกข์ร้อนมาให้
ลางสังหรณ์จากสัตว์ ตุ๊กแกร้อง 4 ครั้ง จะเกิดความเดือดร้อน เสียเงินเสียทองหรือเจ็บป่วยในครอบครัว ร้อง 5 ครั้งจะมีเคราะห์ให้รีบทำบุญตักบาตร มิฉะนั้นจะต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ร้อง 6 ครั้งจะประสบโชคลาภ ฐานะการเงินจะดีขึ้น ร้อง 7 ครั้งจะเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น ร้อง 8 ครั้งจะได้ ลาภลอยโดยการเสี่ยงโชค หรือได้มรดกจากญาติผู้ใหญ่
...
ตุ๊กแกร้อง 9 ครั้ง จะพบความสำเร็จทุกอย่าง ร้อง 10 ครั้ง ถือกันว่าเป็นลาง สังหรณ์ที่ดีมาก ทั้งตัวเองและครอบครัวจะมีความสุขความเจริญ ทั้งลาภผลและร่ำรวยเงินทองมากมาย
จิ้งจกหรือตุ๊กแกร้องทัก ถ้าเสียงดังอยู่ เบื้องหน้า ให้รีบเดินทางจะพบโชคลาภความสำเร็จ ถ้าเสียงดังเบื้องหลังอย่าด่วนรีบไป ควรเปลี่ยนเวลาออกจากบ้าน มิฉะนั้นจะประสบโชคร้ายหรือผิดหวัง ถ้าเสียงดังจากเบื้องซ้าย การออกเดินทางนอกบ้านจะได้ผลดีประสบความสำเร็จ ถ้าเสียงดังเบื้องขวา การเดินทางจะไม่ได้ผลดีนักและอาจประสบเคราะห์
ถ้าร้องเบื้องบนศีรษะอย่าเดินทางไปไกลๆเป็นอันขาด จะประสบความเดือดร้อน
หนูร้อง ถ้าส่งเสียงดังจก...จก จะได้รับสิ่ง
ของที่สุขใจ เสียงดังแจก...แจก จะมีโชคลาภมากมาย มีความเจริญรุ่งเรือง ถ้าเสียงดังแจ๊ก...แจ๊ก จะได้สิ่งที่เป็นมงคลชีวิต จะสูงเด่นด้วยวาสนาบารมี ประสบโชคลาภและความสุขสบาย ถ้าเสียงดังจุด...จุด ให้ระวังเรื่องเดือดร้อน จะเสียเงินทองและทรัพย์สินถึงขั้นล้มละลาย ต้องหาทางแก้ไขป้องกัน
หนูกัดผ้า ถ้ากัดเป็นรูปปากกระต่าย จะมีโชคลาภ กัดเป็นรูปวงกลมจะอุดมสมบูรณ์ กัดเป็นรูปดอกบัวจะมีความสุข กัดเป็นรูปธนูศรจะเจริญรุ่งเรือง กัดเป็นรูปหอยสังข์จะได้รับสักการะ
หนูกัดผ้าวันอาทิตย์จะพ้นทุกข์ กัดวันจันทร์ จะสุขสวัสดิ์ กัดวันอังคารจะอัตคัด กัดวันพุธจะเดือดร้อน กัดวันพฤหัสฯจะเจ็บไข้ กัดวันศุกร์จะได้ลาภ กัดวันเสาร์จะให้โทษ
ส่วนลางสังหรณ์อื่นๆ เช่น มีดอกเล็บขึ้นจะเป็นคนมีบุญมีโชค จิ้งจกหล่นลงมาถือว่ามีโชค นกแสกนกเค้าแมวบินข้ามบ้าน เชื่อว่าบ้านนั้นจะมีคนตาย ถ้ามีสัตว์วิ่งตัดหน้าขณะเดินทางเป็นลางร้าย อย่าเดินทางต่อไป หนูทำรังในเตาไฟเป็นลางร้ายระวังไฟให้ดี
ไก่ป่า มีแร้ง บินมาจับหลังคาบ้าน เชื่อว่าเป็นลางร้ายจะเกิดความเดือดร้อนภายในบ้าน เกิดอาเพศถึงบ้านแตกสาแหรกขาด ต้องนิมนต์ พระสงฆ์มาสวดแก้อุบาทว์ และบาปเคราะห์ ทำพิธีบัตรพลี ประพรมน้ำพุทธมนต์
ปลวกทำรังที่เตาไฟ งูเข้ามาขดในบ้าน เห็ดขึ้นที่เตาไฟ ถือเป็นอัปมงคล
นันทวัน สาวนายน บอกว่า ความเชื่อเรื่องลางสังหรณ์ เป็นสิ่งบอกเหตุให้เรารู้ตัว ในเวลาตื่น คือเห็นได้ด้วยตา และเกิดขึ้นเวลาหลับ คือลางสังหรณ์ทางความฝัน ทั้งลางดีและลางร้าย เชื่อกันว่าเทวดามาบอก เรียกว่านิมิต
ผู้มีสติไม่ประมาทจึงไม่ตาย ถ้าใช้ปัญญาสังเกต พิจารณาให้ถี่ถ้วน นี้คือเหตุนี้คือผล สิ่งที่เป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ หาทางป้องกันแก้ไขได้ทัน ก็อาจจะผ่อนจากหนักเป็นเบา หรืออาจจะไม่เกิดขึ้น
ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ไม่มีความรู้เรื่องลางสังหรณ์ ขาดการสังเกตพิจารณาสิ่งแวดล้อมรอบตัว ขาดการปลูกฝังจากผู้เฒ่า ผู้แก่ จึงกลายเป็นคนที่ไม่มีความเชื่อในเรื่องลางสังหรณ์เหมือนคนรุ่นเก่า.