ผู้สื่อข่าวพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ นัดพิสูจน์ถ่ายภาพเปรียบเทียบกรณีภาพร้อยเวรหัวขาด ผลที่ได้เชื่อว่าเกิดจากมุมกล้อง และแสง ...
ความคืบหน้ากรณี สาวมูลนิธิฯ ถ่ายภาพร้อยเวรขณะออกชันสูตรศพในที่เกิดเหตุ แล้วลักษณะเหมือนหัวขาด ทำเอาเจ้าตัวถึงกับหน้าซีด รีบหาพระมาสวมใส่คล้องคอ จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์แตกออกเป็น 2 ฝ่าย (ตร. กู้ภัย นักข่าวตกใจขนลุกชันกันทั้งหมด เมื่อภาพถ่ายร้อยเวร ไม่มีหัว) กระทั่งมีการนัดพิสูจน์ถ่ายภาพเปรียบเทียบมุมกล้อง ทั้งกลางวันและกลางคืนกัน บนโรงพักให้คลายความสงสัย
โดยเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการนัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช หลายฝ่ายเข้าสังเกต การพิสูจน์การถ่ายภาพ เพื่อนำภาพที่ถ่ายได้ไปเปรียบเทียบกับภาพของร้อยเวรที่ไม่มีหัวกับของลูกข่ายสาวมูลนิธิสยามรวมใจปู่อินทร์จุดกรุงหยัน ที่ถ่ายภาพหัวขาดของร้อยเวรท่านนี้ไว้ได้ ขณะออกไปชันสูตรพลิกศพ นายสุวรรณรัตน์ ช่วยอยู่ อายุ 55 ปี นายช่างเจาะบ่อบาดาล ช.4 กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เสียชีวิตขณะเดินไปเข้าห้องน้ำ เกิดลื่นล้มหัวฟาดพื้นบ้าน
เมื่อถึงเวลานัดถ่ายภาพ ร.ต.ท.ไพศาล ใจห้าว รอง สว.จร.สภ.ทุ่งใหญ่ นำ ส.ต.ต.ธีรพงศ์ เพชรจันทร์ทอง ผู้ใต้บังคับบัญชามายืนในลักษณะก้มหน้าลงเพียงเล็กน้อยพร้อมจัดท่าทางให้ใกล้เคียงกับภาพที่เห็นของร้อยเวรท่านนี้ จากนั้นได้นำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพ โดยผู้ที่ถ่ายภาพยืนห่างกันประมาณ 1 เมตร ถ่ายจากด้านหลังให้ต่ำลงมาจากแผ่นหลังของคนที่ยืนเป็นแบบเพียงเล็กน้อย นำภาพที่ถ่ายได้มาดูก็จะได้ภาพลักษณะที่ไม่มีหัว หรือว่าหัวหายไปจากตัว
...
ต่อมาได้มีการทดลองเป็นครั้งที่ 2 โดยได้ให้นายบุญล้อม จียโชติ อาสาจราจรของ สภ.ทุ่งใหญ่ มายืนเป็นแบบคนที่ 2 เพื่อทดสอบให้แน่ชัดว่าภาพที่ออกมาตรงกันหรือใกล้เคียงกับภาพแรก ผลการทดสอบก็ได้ภาพที่เหมือนกันมากที่สุด แต่เพื่อความมั่นใจ ผู้สื่อข่าวจึงขอถ่ายภาพจากมือถือตัวเอง โดยให้ ส.ต.ต.ธีรพงศ์ เพชรจันทร์ทอง ผบ.หมู่ งาน ป.ช่วยงานจราจร มายืนเป็นแบบอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นได้ใช้โทรศัพท์มือถือของผู้สื่อข่าวเองถ่าย ภาพที่ได้ออกมาก็ใกล้เคียงกันทุกมุมกล้อง ทำให้ตำรวจหลายนายที่ร่วมสังเกตการถ่ายภาพในครั้งนี้คลายความสงสัยลง ส่วนภาพที่ถ่ายออกมามีรูปร้อยเวรหัวขาดขณะไปชันสูตรศพในที่เกิดเหตุ ใครจะมองเป็นอย่างอื่นก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลที่มีสิทธิ์จะคิดต่างกันออกไป
หลังมีการทดสอบเกิดขึ้นในตอนกลางวัน ร.ต.อ.ไพโรจน์ อุณหพันธุ์ รอง สวป.สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ได้นำภาพที่ทดลองถ่ายบริเวณบ้านพักตำรวจตอนกลางคืนวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา นำมาให้ผู้สื่อข่าวและเพื่อนตำรวจดูเพื่อเปรียบเทียบมุมกล้องและแสงว่ามีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เมื่อทุกคนได้เห็นภาพก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเกิดจากมุมกล้องและแสงอย่างแน่นอน ทำให้ทุกคนที่ร่วมกันทดสอบในครั้งนี้ต่างก็สรุปว่าเกิดจากมุมกล้องและแสง บวกกับจังหวะที่กำลังก้มหน้า ทำให้ภาพที่ออกมาดูเป็นคนหัวขาดเหมือนกับภาพของลูกข่ายสาวมูลนิธิฯ ที่ถ่ายภาพร้อยเวรหัวขาดได้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังการทดลองผ่านไป ก็ได้โทรศัพท์ไปหา ร.ต.อ.อนันต์ พานิชกุล ร้อยเวรที่อยู่ในภาพไม่มีหัวเพื่อจะโทร.ไปให้กำลังใจ และบอกให้ทราบว่าได้มีการทดสอบการถ่ายภาพ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับภาพของลูกข่ายสาวมูลนิธิฯ ที่ถ่ายได้ แต่ไม่สามารถติดต่อได้.