พบ "ไสว ไชยพันธ์" และครอบครัว รวม 4 คน ชาวบ้านใน อ.นาทวี จ.สงขลา ร่วมกันเดินเท้าไปสวดมนต์ถวายพระพรในหลวง-ราชินี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ณ โรงพยาบาลศิริราช คาดใช้เวลาเดินทาง 1 เดือน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 มิ.ย. 59 ครอบครัวของ นายไสว ไชยพันธ์ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 136/1 หมู่ 1 ต.สะท้อน อ.นาทวี จ.สงขลา ประกอบอาชีพรับจ้างกรีดยางพารา โดยมี นางปราณี แก้วมณี อายุ 44 ปี ภรรยา นายประเมษ ไชยพันธ์ อายุ 16 ปี ลูกชาย และด.ช.สาคร ไชยพันธ์ ลูกชายซึ่งมีอายุเพียงแค่ 9 เดือน
ทั้งนี้ ครอบครัวดังกล่าวได้ร่วมกันเดินเท้าจาก อ.นาทวี เพื่อไปสวดมนต์ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ให้ทุกพระองค์ทรงหายจากอาการประชวรโดยเร็ววัน รวมทั้งสวดมนต์ถวายแด่พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
สำหรับการเดินทางนั้น ทั้ง 4 คนได้ออกจาก อ.นาทวี ตั้งแต่เวลา 06.00 น. ของวันที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา และในวันนี้ได้เดินทางถึงพื้นที่ อ.หาดใหญ่ โดยใช้เส้นทางถนนสายเอเชียตั้งเป้าหมายจะเดินเท้าให้ถึงโรงพยาบาลศิริราชในเวลา 1 เดือน
...
สำหรับการเดินเท้าของทั้ง 4 คน มีเพียงรถเข็น 2 ล้อ และต่อโครงหลังคาเพื่อคุ้มแดดคุ้มฝน เก็บสัมภาระและเสบียงระหว่างการเดินทาง และใช้แรงคนช่วยกันเดินไปเพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทางที่ได้ตั้งใจไว้ ทั้งนี้บนหลังคายังประดับพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมธงตราสัญลักษณ์และธงชาติไทยเอาไว้ด้วย เพื่อเป็นกำลังใจในการเดินทาง
อย่างไรก็ตาม หลายคนจะกังวลเรื่องลูกชายวัย 9 เดือนที่ยังเล็กอาจเกิดอันตรายขึ้นกับเด็กจากสภาพอากาศและระยะทางที่ไกล แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งความตั้งใจของครอบครัวนี้ได้ โดยตลอดการเดินทางให้ลูกชายคนเล็กนั่งอยู่ภายในรถเข็น และระหว่างการเดินทางจะใช้ศาลาริมทาง วัด หรือปั๊มน้ำมันเป็นที่พักพิงชั่วคราว บอกถึงแรงบันดาลใจภารกิจที่สำคัญที่สุดในชีวิตว่า
นายไสว กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนล้มป่วยด้วยโรคหอบหืด โรคไวรัสตับอักเสบมา 10 ปี และตั้งจิตอธิษฐานว่าหากหายเป็นปกติ และลูก 4 คนเรียนจบปริญญาตรี ก็จะพาครอบครัวเดินเท้าไปสวดมนต์ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในเวลาต่อมา ตนหายป่วยและร่างกายกลับมาสมบูรณ์ รวมทั้งลูก 3 คนเรียนจบทั้งหมด ส่วนอีกคนจบเพียง ม.6 แต่ไม่ได้เรียนต่อเพราะสงสารครอบครัว จึงเริ่มออกเดินเท้าตามที่ตั้งใจ และความตั้งใจอีกอย่างในสิ่งที่ครอบครัวร่วมกันทำในครั้งนี้คือ อยากให้เกิดความรัก ความสามัคคีขึ้นในใจของคนไทยและให้ความแตกแยกหายไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการเดินทางของทั้ง 4 ชีวิต ได้มีประชาชนที่พบเห็นและทราบถึงเป้าหมายของการเดินทาง ต่างออกมาให้กำลังใจบางคนได้มอบเงินและอาหารจำนวนหนึ่งเพื่อใช้เป็นเสบียงตลอดการเดินทาง และขอให้ภารกิจในครั้งนี้สำเร็จตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ด้วย